xs
xsm
sm
md
lg

ประชาธิปัตย์สิ้นบุญ(เก่า)

เผยแพร่:   โดย: สุนันท์ ศรีจันทรา


ชัยชนะในสนามเลือกตั้งของพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายเท่าใดนัก แต่ความพ่ายแพ้อย่างราบคาบของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง

ใครจะคิดว่า พรรคประชาธิปัตย์จะก้าวมาถึงจุดที่ตกต่ำสุดขีด จากพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่มีคะแนนเสียงสนับสนุนมากเป็นอันดับ 1 หรือ 2 กวาด ส.ส.นับร้อยคน กลายเป็นพรรคที่มีเสียงสนับสนุนเป็นอันดับ 4 มี ส.ส.ทั้งระบบแบ่งเขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อรวมกันประมาณ 50 คนเท่านั้น

พื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานเสียงใหญ่ที่เคยครองมาตลอด จนพรรคการเมืองอื่นทะลวงไม่เข้า ส่งใครลงไปก็สู้ไม่ได้ แต่หลายจังหวัดถูกตีแตก อดีต ส.ส.ที่เคยครองพื้นที่มายาวนานสอบตกเป็นแถว

ในเขต กทม.ที่ชนะมาตลอด มีเพียงครั้งเดียวที่แพ้ยับเยินให้พรรคประชากรไทยยุคนายสมัคร สุนทรเวช แต่ไม่เลวร้ายเหมือนการพ่ายครั้งนี้

เพราะทั้ง 30 เขตการเลือกตั้ง ไม่มีพื้นที่ให้ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ยืนแม้แต่คนเดียว จะเป็น ส.ส.มาติดต่อกันกี่สมัยก็ตาม สอบตกกันหมด

การพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ ถูกตีความว่า เป็นผลจากการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศกร้าว ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาสืบทอดอำนาจ ทำให้คนที่คิดจะเลือกประชาธิปัตย์ หันไปเทเสียงให้พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่แท้จริง 

เพราะคนที่ตั้งใจจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่น่าจะรักพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และถ้ารัก คงตั้งใจเลือกพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเปลี่ยนใจหลังนายอภิสิทธิ์ประกาศไม่เอาลุงตู่

อีกสาเหตุที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ การเป็นพรรคอนุรักษนิยม ทำให้ไม่มีจุดขาย มวลชนเกิดความเบื่อหน่าย และหันไปหาทางเลือกใหม่ ซึ่งเป็นความจริงที่ต้องขยายความคำว่า “อนุรักษนิยม”

ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ จะโยนความผิดไปที่นายอภิสิทธิ์เพียงคนเดียวไม่ได้ แต่เป็นความรับผิดชอบของทุกคนในพรรคประชาธิปัตย์ 

แม้เป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ แต่วัฒนธรรมขององค์กรการเมืองแห่งนี้ไม่เคยเปลี่ยน ไม่มีการปรับตัว พฤติกรรมของสมาชิกพรรคในแต่ละรุ่นแทบจะถอดแบบกันออกมา

พรรคประชาธิปัตย์เต็มไปด้วยนักการเมืองฝีปากกล้า เชี่ยวชาญทางวาทกรรม พูดถึงหลักการแล้วฟังดูเข้าท่า แต่มีปัญหาในภาคปฏิบัติ

หลายสิบปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลายครั้ง แต่ไม่เคยสร้างผลงานให้เป็นที่จดจำ 

ไม่เคยมีนโยบายที่ทำให้ประชาชนพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์

ผลงานโดยภาพรวมของพรรคประชาธิปัตย์แทบหาไม่ได้ ขณะที่ผลงานของของ ส.ส.ในแต่ละจังหวัด ประชาชนในพื้นที่แทบไม่ได้สัมผัส

ฐานมวลชนของพรรคประชาธิปัตย์เก็บความเบื่อหน่ายมานานแล้ว โดยการเลือกตั้งครั้งก่อน อาจไม่มีทางเลือก ต้องเทคะแนนเสียงให้พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อต่อต้านการสืบทอดอำนาจของระบอบทักษิณ

แต่ความเบื่อหน่ายพรรคประชาธิปัตย์ได้ถึงจุดระเบิด เพราะมวลชนหาคำตอบไม่ได้ว่า จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเพื่ออะไร

เพราะแม้ชนะการเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ก็กำราบระบอบทักษิณไม่อยู่ และมีข้อพิสูจน์แล้ว ช่วงที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี 

และพิสูจน์แล้วว่า แม้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่ไม่สามารถต้านทานระบอบทักษิณได้ 

ถ้าไม่มีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และมวลมหาประชาชน กปปส.ลุกฮือขึ้นมาโค่นล้มระบอบทักษิณ

ป่านนี้ประเทศอาจย่อยยับคามือนายทักษิณและลูกสมุนแล้ว 

หลายสิบปีก่อน นักการเมืองปากกล้า พูดเก่ง สร้างจุดขายด้วยภาพการเป็นคนดีพูดดี มีอุดมการณ์ ไม่โกงกิน จะเป็นขวัญใจของประชาชน

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายสมัคร สุนทรเวช ไม่ได้แตกต่างจากนายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ ส.ส.ฝีปากดีของพรรคประชาธิปัตย์อีกจำนวนมาก โดยเป็นนักการเมืองที่สามารถสร้างฐานมวลชนของตัวเอง

แต่เมื่อสังคมได้เรียนรู้มากขึ้น ร.ต.อ.เฉลิม และนายสมัคร จึงดับวูบลง จนต้องเข้าซบนายทักษิณ เพื่อโหนกระแส หาที่ยืนทางการเมืองให้ตัวเอง

พรรคประชาธิปัตย์กำลังพบชะตากรรมเดียวกับร.ต.อ.เฉลิมและนายสมัคร

บุญเก่าที่สะสมไว้ยาวนานของพรรคประชาธิปัตย์กำลังหมดลง ความทระนงว่า เลือกตั้งเมื่อไหร่ พรรคประชาธิปัตย์จะกวาดแทบทุกพื้นที่ในภาคใต้ และได้เสียงส่วนใหญ่ใน กทม.กำลังทำลายพรรคประชาธิปัตย์

พรรคประชาธิปัตย์มีสภาพเหมือนคนที่ได้รับมรดกก้อนใหญ่ แต่ไม่บริหารทรัพย์สินให้งอกเงย มีแต่ผลาญมรดกเก่า จนสมบัติแทบหมดเกลี้ยง

หลายสิบปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้สร้างฐานมวลชนใหม่ๆ มีแต่ฐานมวลชนเก่าๆ ที่นับวันจะร่อยหรอ แตกต่างจากพรรคเพื่อไทย ที่สามารถสร้างฐานมวลชนได้จำนวนมาก และเป็นฐานมวลชนที่จงรักภักดี พร้อมจะปกป้องนายทักษิณ แม้จะเป็นนักโทษหนีคดีทุจริต และแม้มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันอย่างร้ายแรงก็ตาม

และแตกต่างจากพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคเกิดใหม่ เริ่มต้นจากศูนย์ แต่สามารถปล้นมวลชนพรรคประชาธิปัตย์ไปได้

พรรคประชาธิปัตย์ต้องทบทวนตัวเองแน่ แต่จะทบทวนตัวเองอย่างไร และจะค้นพบหรือไม่ว่า แพ้เพราะอะไร 

ความพ่ายแพ้ไม่ได้เกิดจากใครเลย แต่เกิดจากพรรคประชาธิปัตย์เอง 

ยังมีเวลาให้พรรคประชาธิปัตย์ปรับตัว และลบล้างภาพลักษณ์ พรรคการเมืองที่ดีแต่พูด เพื่อกลับมาแก้ตัวใหม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งคงอีกไม่นานนัก


กำลังโหลดความคิดเห็น