"แม้ว"ปัดดึงฟ้าต่ำ เมินกลับมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์

ผู้จัดการรายวัน360-"ทักษิณ"ให้สัมภาษณ์ "บีบีซีไทย" ปัดดึงฟ้าต่ำ มีแต่ยกฟ้าสูง แต่บังเอิญท่านทรงสละ เผยเป็นเพื่อนทูลกระหม่อมมากว่า 30 ปี อ้างไม่เกี่ยวข้องกับการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ทษช. เป็นเรื่องของพรรค พร้อมโวยเลือกตั้งผิดปกติ มุ่งให้ พปชร. เป็นที่ 1 แต่เสียความน่าเชื่อถือประเทศ ปัดรู้จัก “ธนาธร” เมินกลับมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ โบ้ยให้พิสูจน์ความยุติธรรมก่อน

วานนี้ (26 มี.ค.) เว็บไซต์บีบีซีไทย ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคำพิพากษาและหมายจับคดีทุจริตหลายคดีเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ หลังการเลือกตั้งในไทย วันที่ 24 มี.ค.2562 รวมทั้งกรณีงานฉลองแต่งงานของ "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว กับนายปิฎก สุขสวัสดิ์ ที่โรงแรมโรสวูด ในฮ่องกง ก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งมีทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จร่วมงานด้วย

นายทักษิณ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ผมเป็นเพื่อนกับท่านมากว่า 30 ปี ตั้งแต่สมัยท่านยังอยู่กับปีเตอร์ เจนเซ่น แล้วก็คบกัน ท่านก็ให้เกียรติรับผมเหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง เป็นลักษณะใกล้ชิดกันเหมือนเพื่อน ผมรู้อุปนิสัยท่านดีว่า ขยัน ชอบทำงาน และอยากเห็นบ้านเมืองดี"

อย่างไรก็ตาม นายทักษิณ ปฏิเสธว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องในกระบวนการการเสนอชื่อทูลกระหม่อมฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคไทยรักษาชาติ จนเป็นเหตุให้พรรคดังกล่าวถูกยุบ “ไม่ ผมเกี่ยวข้องไม่ได้ เป็นเรื่องของพรรค ไม่ใช่เรื่องของผม ผมอยู่เมืองนอกในฐานะผู้สังเกตการณ์ เป็นกองเชียร์เฉยๆ”

"เราไม่เคยคิดดึงฟ้าต่ำ เรามีแต่ยกฟ้าสูง แต่บังเอิญว่าเป็นเรื่องที่ท่านทรงสละ ต้องมองให้ดีว่า ท่านรักบ้านเมือง คนที่ดึงจริงๆ ไม่ใช่ผม ผมมีแต่ยกย่องเทิดทูนแน่นอน"นายทักษิณกล่าว

ส่วนกรณีการเลือกตั้งส.ส.ในไทย เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา นายทักษิณ กล่าวว่า "มันเซอร์ไพรส์ เพราะว่าไปเห็นเขตหลายๆ เขต ที่เวลารวมแล้วพลังประชารัฐมาทีหลัง แซงพรึบ จากที่ 3 ขึ้นไปที่ 1 อะไรอย่างนี้ มันมีลักษณะอย่างนี้เกิดขึ้น มันมี irregularity (ความผิดปกติ) เยอะ ซึ่งทำให้ฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ไม่ค่อยสบายใจ ที่การเมืองบ้านเรา หรือระบบการเลือกตั้งเรามันย้อนยุคมาก แล้วก็มันเหมือนกับย้อนยุคอยู่ในที่สว่างมาก"

นายทักษิณ ยังยกตัวอย่างความไม่ปกติว่า เห็นได้ชัดอย่างเมื่อคืนนี้ ก็มีรูปภาพออกมา ที่เพชรบูรณ์ มีการเอาหีบบัตรออกมานั่งรื้อ แล้วก็ใส่บัตรเข้าไปใหม่ ที่อบต. แล้วก็เรามีตำรวจล้อมอยู่ แล้วก็บัตรเลือกตั้งเนี่ย มันมีมากกว่าจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ ซึ่งมากกว่าเยอะด้วย ไม่ใช่น้อยๆ โดยเฉพาะเขตบางเขตที่พลังประชารัฐ เปลี่ยนจากแพ้มาชนะเนี่ย มันกลายเป็นแบบนั้น ซึ่งดูแล้วในฐานะคนไทย มองเห็นว่ามันเสียหาย เสียความน่าเชื่อถือประเทศ

"เป้าหมายเขาต้องการให้พลังประชารัฐเป็นที่ 1 ผมในฐานะคนไทย มองว่ามันเสียหาย เสียความน่าเชื่อถือประเทศ" นายทักษิณ กล่าวและว่า กองทัพต้องลดบทบาทตัวเองไปทำหน้าที่ ถ้ากองทัพยังมายุ่งกับการเมืองอยู่อย่างนี้ บ้านเมืองคงไปลำบาก

ส่วนกรณีความเกี่ยวข้องกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่า "ผมไม่รู้จักคุณธนาธร ไม่เคยเจอกัน ไม่เคยคุยโทรศัพท์กัน"

เมื่อถามว่า ถึงเวลากลับไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองหรือยัง นายทักษิณ ตอบว่า "ก่อนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ พิสูจน์ความยุติธรรมก่อนได้ไหมว่ายุติธรรมพอหรือเปล่า ที่ทำผม เอาศัตรูผมทั้งนั้นมานั่งเป็นกรรมการสอบสวน มันแฟร์ตรงไหน มันไม่แฟร์ตั้งแต่ต้น"