ผู้จัดการรายวัน360-ศาลพิพากษาจำคุก 2 โจ๋ห้าว รุมตื้บ ปาขวดน้ำมันใส่ลูกชาย พ.ต.ท. ไฟไหม้จนต้องตัดขาทิ้ง ชี้มีหลักฐานชัดเจน พร้อมสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายกว่า 6 ล้านบาท ส่วนเพื่อนอีก 3 คนยกฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 707 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีพยายามฆ่าผู้อื่น หมายเลขดำ อ.531/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายธนายุทธ ขันทอง หรือซีน นายธนภัค สุพรรณเภสัช หรือเพิร์ธ นายปิยะชัย สิริสมานศักดิ์ หรือเป้ นายภูมิศักดิ์ ศิริราช หรือมิ๊ก และนายสุขสันต์ นกศิริ หรือยีนส์ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
โดยกรณีดังกล่าว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ย.2560 เวลากลางคืน จำเลยทั้ง 5 ได้ร่วมกันขับรถจักรยานยนต์พุ่งชนรถจักรยานยนต์ของนายกุลธวัช วิสิทธิ์ ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นบุตรชายของนายตำรวจยศ พ.ต.ท. นายหนึ่ง ล้มลงกับพื้น และได้ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย กระทืบ เตะ ต่อย ผู้เสียหายเข้าที่บริเวณศีรษะ และร่างกายหลายครั้งและร่วมกันใช้น้ำมันที่ได้ใส่ขวดแก้วปาใส่ผู้เสียหายจนเกิดเปลวไฟลุกไหม้เผาร่างกายของผู้เสียหาย และทำให้ผู้เสียหายต้องถูกตัดขา เหตุเกิดที่บรเวณด้านหลังมหาวิทยาลัยชื่อดัง ย่านหลักสี่
ทั้งนี้ ศาลเห็นว่า คดีนี้โจทก์มีพยานหลักฐานแน่นหนา ทั้งเจ้าของร้าน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พนักงานสอบสวน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และคำให้การของผู้เสียหาย ที่แม้ขณะเกิดเหตุจะเป็นเวลากลางคืน แต่นายกุลธวัชสามารถจดจำใบหน้านายธนายุทธ จำเลยที่ 1 และนายสุขสันต์ จำเลยที่ 5 จากแสงไฟของรถจักรยานยนต์ และไฟฟ้าส่องสว่างข้างทางได้อย่างแม่นยำ พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 กระทำผิดจริง ให้จำคุกจำเลยคนละ 7 ปี และให้จำเลยทั้งสอง ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย รวมเป็นเงิน 6,349,830 บาทแก่ผู้เสียหาย ส่วนจำเลยที่ 2-4 ไม่ปรากฏหลักฐานว่าร่วมกระทำผิดด้วย ให้ยกฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 707 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีพยายามฆ่าผู้อื่น หมายเลขดำ อ.531/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายธนายุทธ ขันทอง หรือซีน นายธนภัค สุพรรณเภสัช หรือเพิร์ธ นายปิยะชัย สิริสมานศักดิ์ หรือเป้ นายภูมิศักดิ์ ศิริราช หรือมิ๊ก และนายสุขสันต์ นกศิริ หรือยีนส์ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
โดยกรณีดังกล่าว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ย.2560 เวลากลางคืน จำเลยทั้ง 5 ได้ร่วมกันขับรถจักรยานยนต์พุ่งชนรถจักรยานยนต์ของนายกุลธวัช วิสิทธิ์ ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นบุตรชายของนายตำรวจยศ พ.ต.ท. นายหนึ่ง ล้มลงกับพื้น และได้ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย กระทืบ เตะ ต่อย ผู้เสียหายเข้าที่บริเวณศีรษะ และร่างกายหลายครั้งและร่วมกันใช้น้ำมันที่ได้ใส่ขวดแก้วปาใส่ผู้เสียหายจนเกิดเปลวไฟลุกไหม้เผาร่างกายของผู้เสียหาย และทำให้ผู้เสียหายต้องถูกตัดขา เหตุเกิดที่บรเวณด้านหลังมหาวิทยาลัยชื่อดัง ย่านหลักสี่
ทั้งนี้ ศาลเห็นว่า คดีนี้โจทก์มีพยานหลักฐานแน่นหนา ทั้งเจ้าของร้าน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พนักงานสอบสวน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และคำให้การของผู้เสียหาย ที่แม้ขณะเกิดเหตุจะเป็นเวลากลางคืน แต่นายกุลธวัชสามารถจดจำใบหน้านายธนายุทธ จำเลยที่ 1 และนายสุขสันต์ จำเลยที่ 5 จากแสงไฟของรถจักรยานยนต์ และไฟฟ้าส่องสว่างข้างทางได้อย่างแม่นยำ พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 กระทำผิดจริง ให้จำคุกจำเลยคนละ 7 ปี และให้จำเลยทั้งสอง ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย รวมเป็นเงิน 6,349,830 บาทแก่ผู้เสียหาย ส่วนจำเลยที่ 2-4 ไม่ปรากฏหลักฐานว่าร่วมกระทำผิดด้วย ให้ยกฟ้อง