ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กตู่" ฉุนแต่เช้า หลังถูกสื่อตั้งคำถามต้องการอยู่ต่ออีก 5 ปี ใช่หรือไม่ ย้อนถามกันแบบนี้จะเอาอะไร จะได้กลับมาอีกหรือไม่ อยู่ที่ประชาชนจะเลือก ลั่นใครเสี้ยมให้ประชาชนเกลียดทหาร- ตำรวจ คือคนทำลายชาติ ยันพร้อมเป็นสะพานสู่อนาคต เพื่อความสงบสุขของประเทศ ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางคมนาคมทางรางที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในอาเซียน ลั่นยอมตาย ไม่ให้ใครล้มสถาบันกษัตริย์ กราบขอพรหลวงพ่อโสธร ให้ประเทศปลอดภัย ย้ำ 24 มี.ค.วันเกิดใหม่ประเทศไทย
เมื่อเวลา 06.30 น. วานนี้(24 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้ไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 ณ สวนลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.ให้การต้อนรับ จากนั้นนายกฯ และคณะเยี่ยมชมกิจกรรมออกกำลังกายภายในสวนลุมพินี และตรวจติดตามผลการปรับปรุงภูมิทัศน์สวนลุมพินี ก่อนที่จะปลูกต้นรวงผึ้งร่วมกับกลุ่มภาคีเครือข่ายพื้นที่สีเขียว
ทั้งนี้ ระหว่างปฏิบัติภารกิจที่สวนลุมพินี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวหลังสื่อมวลชนถามพร้อมที่จะขึ้นเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ ในวันที่ 22มี.ค. นี้หรือไม่ ว่า ยังไม่รู้เลย เมื่อถามว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหนในการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมก็พร้อม แล้วก็พร้อมที่จะพาครอบครัวของผมไปเลือกตั้ง" ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ จะย้อนถามว่า "แล้วจะต้องพร้อมอะไรกันนักหนา ถามอะไร และผมจะต้องเตรียมตัวอะไร เพราะทำงานมาตลอด 5 ปี ไม่ต้องเตรียมอะไรแล้ว"
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าพล.อ.ประยุทธ์ ต้องการจะอยู่ต่ออีก 5 ปี ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า "ผมไม่ได้ต้องการ ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนจะเลือก" เมื่อถามย้ำว่า แล้วคิดว่าประชาชนจะเลือกให้กลับมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ หันกลับมามองด้วยสีหน้าโกรธ พร้อมกล่าวว่า "ผมไม่คิด เป็นเรื่องของประชาชนเขาคิดกันเอาเอง" เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความมั่นใจแค่ไหน ว่าจะชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า "ถามกันแบบนี้จะเอาอะไร"
เมื่อพูดถึงตรงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้หันมาหาผู้สื่อข่าวที่ตั้งคำถามด้วยสีหน้าขุ่นเคือง พร้อมถามเสียงดังว่า "ไหน? ใครเป็นคนถาม ถามแบบนี้ตลอดทางเลย ไอ้ถามคำถามแบบนี้คุณก็อยู่กับการเมืองของพวกเธอไป"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะถือเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิดอายุ 65 ปี หรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ ก้าวขึ้นไปบนรถยนต์ส่วนตัว พร้อมกล่าวด้วยอารมณ์โมโหว่า "คุณไปถามว่าบ้านเมืองมันจะได้อะไรขึ้นมาบ้างดีกว่า อย่ามาถามผม ว่าจะได้อะไรจากการเลือกตั้ง ถามว่าประชาชนเขาจะมีความสุขหรือไม่ดีกว่า"
** ใครเสี้ยมให้เกลียดทหาร-ตร.ถือว่าทำลายชาติ
จากนั้น เวลา 08.05 น. นายกฯและคณะ เดินทางไปยังสวนเบญจกิติ เพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่การยาสูบแห่งประเทศไทย บริเวณที่จะสร้างสวนป่าเบญจกิติ ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 พร้อมพบปะกับผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่การยาสูบฯ รวมถึงประชาชนที่มารอต้อนรับ ซึ่งได้มีการมอบดอกกุหลาบ พร้อมทั้งอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิด วันที่ 21 มี.ค. ให้กับนายกฯ ซึ่งนายกฯ ก็ได้ร่วมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูอยู่อย่างอารมณ์ดี พร้อมกล่าวด้วยว่า "ถ้ารู้ว่ามีคนรักเรามากขนาดนี้ ก็คงมีกำลังใจมากขึ้นอีกเยอะความจริงไม่ต้องให้อะไรก็ได้ใจถึงใจอยู่แล้ว
นายกฯ กล่าวกับประชาชน ตอนหนึ่งว่า บ้านเมืองเปลี่ยนมา 5 ปีแล้ว แล้วจะให้สลายไปหรือ ตนเสียดายแทนพวกเราทุกคน เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องดำรง สืบสาน ต่อยอดต่อไป ทั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 9 ทรงสั่งสอนตนมาตลอดว่า ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ต้องเสียสละเพื่อประเทศชาติ ไม่ว่าจะรัฐบาลใดก็ตาม จะมีอำนาจอย่างเดียว คือ อำนาจทางกฎหมาย แต่ถ้าใช้กฎหมายมาก ความขัดแย้งจะสูง ดังนั้น ทุกคนต้องเคารพซึ่งกันและกัน อย่าให้ใครมาสร้างความเกลียดชังระหว่างประชาชน กับตำรวจ ทหาร ถ้าใครสร้างถือว่าทำลายประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงที่นายกฯ เดินทักทายพนักงานและประชาชน ต่างร่วมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ให้กับนายกฯ ตลอดทาง ซึ่งในวันที่ 21 มี.ค. จะเป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 65 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์
**"บิ๊กตู่"ปลื้มสถานีกลางบางซื่อคืบหน้า
ต่อมาเวลา 09.30 น. ที่บริเวณสถานีกลางบางซื่อ พล.อ.ประยุทธ์ นำคณะไปเยี่ยมชมความก้าวหน้าการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และ นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ ให้การต้อนรับ และพาเยี่ยมชมโครงการก่อสร้าง
สำหรับสถานีกลางบางซื่อได้ออกแบบให้รองรับและเชื่อมต่อการคมนาคมได้อย่างหลากหลาย เป็นศูนย์กลางระบบรางอย่างสมบูรณ์แบบ และยังนำหลักการพัฒนาพื้นที่โดยรอบศูนย์กลางคมนาคม (TOD)มาใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาพื้นที่ โดยมีรูปแบบการก่อสร้างแบ่งเป็นอาคาร 3 ชั้น ประกอบด้วย ชั้นใต้ดิน เป็นพื้นที่สำหรับจอดรถ1,700 คัน โดยมีโถงเชื่อมต่อจากพื้นที่จอดรถ ชั้นที่ 1เป็นพื้นที่จำหน่ายตั๋ว มีโถงพักคอยและรับผู้โดยสาร รวมถึงพื้นที่พาณิชยกรรม และร้านค้า สามารถเชื่อมต่อกับ MRT
ส่วนชั้นที่ 2 เป็นชานชาลา สำหรับรองรับรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) มี 4 ชานชาลา และรถไฟทางไกล มี 8 ชานชาลา คาดว่าจะสามารถเปิดใช้บริการได้ในปี 64
ส่วนชั้นที่ 3 เป็นชานชาลาสำหรับรองรับรถไฟขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร เชื่อมภูมิภาค มีทั้งหมด 10 ชานชาลา แบ่งเป็น รถไฟสายใต้ 4 ชานชาลา รถไฟสายเหนือและสายอีสาน รวม 6 ชานชาลา นอกจากนี้ ยังสามารถรองรับรถไฟความเร็วสูงในอนาคต และรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานได้อีก 2 ชานชาลา และมีทางเดินเชื่อมต่อกับสถานีบางซื่อของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินด้วย โดยปัจจุบันสถานีกลางบางซื่อ มีความคืบหน้าในการก่อสร้างร้อยละ 70
สำหรับรถไฟที่จะนำมาให้บริการ เป็นของ Hitachiความเร็วสูงสุดในการออกแบบ 160 กม./ชม. ส่วนความเร็วสูงสุดในการให้บริการ อยู่ที่ 120 กม./ชม. ใช้ขนาดทาง 1,000 มม. มีขบวนรถไฟ 2 แบบ คือ 6 ตู้/ขบวน รองรับผู้โดยสารได้ 1,710 คน และ 4 ตู้/ขบวน รองรับผู้โดยสารได้ 1,120 คน และใช้ระบบอาณัติสัญญาณรูปแบบ European Train Control System (ETCS) Level 1
ทั้งนี้ โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต สามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารได้ถึง 300,000 คน/วัน รวมทั้งรองรับการเดินทางระบบรางทุกประเภท ทั้งรถไฟชานเมือง รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ และรถไฟความเร็วสูง และยังสามารถเชื่อมโยงการเดินทางกับระบบขนส่งทางรางอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าสายสีชมพู รถไฟฟ้าสายสีเขียว รถไฟใต้ดิน ซึ่งเป็นการพลิกโฉมการเดินทางด้วยระบบรางของประเทศไทย และกลายเป็นศูนย์กลางการเดินทางด้วยระบบรางที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกฯ กล่าวว่า การดำเนินงานมีความก้าวหน้าอย่างมาก ซึ่งไทยมุ่งหวังที่จะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของอาเซียนให้ได้ โดยเฉพาะศูนย์คมนาคมพหลโยธินแห่งนี้ มีการจัดทำพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์หลากหลายครบวงจร ไม่ได้ยกให้เอกชนดำเนินการทั้งหมด มีเพียงบางส่วน ที่แบ่งไปเท่านั้น
**"บิ๊กตู่" พร้อมเป็นสะพานสู่อนาคต
เวลา 13.00 น. ที่ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าและการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ที่ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติโดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันว่า มาครั้งนี้เพื่อตรวจราชการ หลังจากที่ได้เดินทางไปแล้วหลายพื้นที่ ขออย่าให้ใครมาทำให้เกิดความแตกแยกอีก เพราะในวันนี้ในโซเชียลมีเดีย มีทั้งรัก ทั้งชัง ทั้งชอบ และเกลียดนายกฯ บ้างด่านายกฯ แต่หลายสิ่งสามารถทำได้ในรัฐบาลนี้ ในอนาคตอยากให้ใครทำต่อ ก็สุดแล้วแต่ท่าน
"ผมยินดีจะเป็นสะพานให้ทุกคนก้าวข้ามไปข้างหน้า ซึ่งผมไม่ได้ต้องการเป็นใหญ่โตอะไร และไม่ต้องการที่จะพูดให้เกิดความขัดแย้ง เชื่อว่าทุกคนและชาวต่างชาติ คงจะเข้าใจ สำหรับประเทศไทยขอให้มีความสงบสุขคืนกลับมา ทุกคนจะให้ได้หรือไม่ ใครจะไปด้วยกัน ขอให้ยกมือขึ้น ขอให้ทุกคนเดินหน้าไปด้วยกัน เพื่อความสำเร็จ เพราะวันนี้เราต้องการให้ทุกคนมีความสุข มีรอยยิ้ม แต่อนาคตก็สุดแล้วแต่ว่าประชาชนจะพิจารณา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว และว่า ขอให้รักกัน เขาจะได้มั่นใจและกล้ามาลงทุน และยืนยันจะไม่ตัดงบประมาณในการสร้างสนามทดสอบยานยนต์ พร้อมกับชูกำปั้นมือขวาเพื่อให้สัญญา และกล่าวกับผู้ประกอบการชาวต่างชาติว่า connected together, move together จากนั้นนายกฯได้เดินทางไปยังวัดโสธรวรารามวรวิหาร
เวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึง วัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้ากราบนมัสการ พระธรรมมังคลาจารย์ (วิ.) เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร โดยเจ้าอาวาสฯ ได้มอบพระพุทธรูปหลวงพ่อพุทธโสธรจำลอง หน้าตักกว้าง 7 นิ้ว ให้เป็นของขวัญวันคล้ายเกิด แก่ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมอำนวยพร ให้โชคดี มีสุขภาพ แข็งแรง โดยนายกฯ กล่าวว่า ได้กราบอธิษฐานขอพรจากองค์หลวงพ่อพุทธโสธร ขอให้ประเทศชาติปลอดภัย ประชาชนมีความสุข ปราศจากความเดือดร้อน และขอให้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ปลอดภัย และขอเวลาทำงานสิ่งสำคัญ ทุกคนจะต้องร่วมมือกันเพื่อทำงานให้ประเทศเดินต่อไปข้างหน้า ทั้งนี้ ใน
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางต่อมาที่โรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามโครงการรัฐบาล มีประชาชนรอให้การต้อนรับจำนวนมาก และมีเด็กนักเรียนแต่งชุดไทยกล่าวให้การต้อนรับ และให้กำลังใจว่า “ลุงตู่สู้สู้ ลุงตู่สู้ตาย ลุงตู่ไว้ลาย ลูกผู้ชายสู้ๆ”โดยนายกฯ กล่าวตอบกลับว่า “แค่คำว่าสู้ครั้งแรก ลุงตู่ก็สู้ตายแล้ว สู้เพื่อพวกเราทุกคน สู้เพื่ออนาคต”โดยระหว่างนั้นมีการเปิดเพลง “คนดีไม่มีวันตาย” พล.อ.ประยุทธ์ จึงร้องเพลงดังกล่าวด้วยคลอไปด้วยในท่อนที่ระบุว่า “ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี” พร้อมกับระบุว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่มีความหมาย ทุกคนเป็นคนดีไม่มีวันตายไม่ใช่นายกฯเพียงคนเดียว แต่ทุกคนเป็นคนดี ไม่มีวันตาย
ต่อมาประชาชนได้ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ให้นายกฯ โดยนายกฯก็ได้ร้องเพลงร่วมกับประชาชนไปด้วย พร้อมกล่าวว่า ถือเป็นการอวยพรให้กับประเทศ ที่จะเกิดใหม่ในวันที่ 24 มี.ค.นี้ ซึ่งประเทศเกิดมา 800 ปีแล้ว ใช่หรือไม่ แต่จะเกิดใหม่อีกที ในวันที่ 24 มี.ค.นี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนอยู่มา 5 ปี รู้ปัญหาของประชาชนดี ว่าเดือดร้อน ยากจนอย่างไร จึงต้องมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐออกมา แต่ทุกอย่างต้องมีขั้นตอนในการพัฒนา เงินทั้งหมดมาจากภาษีประชาชน แต่ภาษีเอามาใช้แบบผิดกฎหมายไม่ได้ เพราะมีคณะกรรมการตรวจสอบ
"เมื่อกี้ได้ไปกราบหลวงพ่อโสธร ขอส่วนรวมให้คนไทย ประเทศไทยมีความสุขต่อไปในอนาคต บ้านเมืองเป็นหลักเป็นฐานมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ให้ไว้ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งกำลังจะมีพิธีบรมราชาภิเษก ความศักดิ์สิทธิ์ประเทศไทยอยู่ตรงนี้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าให้ใครมาล้มตรงนี้ เราต้องไม่ยอม จะล้มสถาบันหลักของประเทศไม่ได้ ผมยอมตายในเรื่องนี้ ทุกคนต้องยอมตายไปกับผมด้วย แต่ท่านไม่ตายหรอก ผมไปก่อนอยู่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ในตอนท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ทำท่าขว้างหัวใจให้ประชาชน พร้อมกับกล่าวว่า " เอาหัวใจผมไป เอาหัวใจท่านคืนมา หัวใจของความรัก ความสามัคคีของคนไทยคืนมา ใช่หรือไม่ใช่พ่อแม่พี่น้อง " จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เดินลงจากเวที มีข้าราชการ และประชาชนเข้ามาขอถ่ายรูปด้วยจำนวนมาก ระหว่างนั้นมีการเปิดเพลงเชื่อฉัน โดยพล.อ.ประยุทธ์ ร้องคลอท่อนที่ระบุว่า "เชื่อฉันอย่าหลงไปเชื่อใคร"
ทั้งนี้ ก่อนขึ้นรถเดินทางกลับ ข้าราชการจำนวนมากได้ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู อวยพรวันเกิดและบอกรัก"ลุงตู่"กันอย่างคึกคัก