xs
xsm
sm
md
lg

ยุบไทยรักษาชาติ ส่อปฏิปักษ์การปกครอง อนาคตใหม่ฉวยโอกาสขอคะแนน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” นั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย มติเอกฉันท์ 9:0 ยุบ “ไทยรักษาชาติ” ปมยื่นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายขัดมาตรา 92 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง อาจจะเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง แม้ยังไม่ส่งผลเสียหายร้ายแรง พร้อมลงมติ 6 ต่อ 3 ตัดสิทธิ์การเมือง 13 กก.บห. 10 ปี ผู้สมัครโมฆะหมด “ปรีชาพล” น้ำตาริน โอดเสียใจสุดชีวิต “วิษณุ” ระบุสมาชิก ทษช. ช่วยพรรคอื่นหาเสียงได้ ชี้กาเลือกไทยรักษาชาติถือเป็นบัตรเสีย กกต.ต้องแจ้ง ปชช.ให้ทราบ “อนาคตใหม่”ฉวยจังหวะขอแต้ม ทษช.

จากกรณีที่ พรรคไทยรักษาชาติ โดยกรรมการบริหารพรรค มีมติร่วมกันเสนอพระนาม ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรค เมื่อวันที่ 8 ก.พ.62 ซึ่งภายหลังในวันเดียวกัน มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯความมีความโดยสรุปว่า “ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ทรงอยู่ในฐานะเป็นพระบรมราชวงศ์ในสถาบันพระมหากษัตริย์ การไปเกี่ยวข้องการเมืองไม่ว่าทางใด ถือว่าเป็นการมิบังควร และ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง” และมีผู้นำเรื่องไปร้องต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าพรรคไทยรักษาชาติกระทำการขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 92 ในพระราชบัญญัติประกอบรับธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เกี่ยวกับการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก่อนที่ กกต.จะพิจารณาลงมติให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ และยื่นคำร้อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 13 ก.พ.62 ก่อนที่ ศาลรัฐธรรมนูญ จะนัดลงมติและฟังคำพิพากษา โดยไม่ตั้งคณะกรรมการไต่สวน เมื่อวานนี้ (7 มี.ค.)

**รปภ.เข้ม-ตัดสัญญาณโทรฯห้องประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ภายในศูนย์ราชการฯแจ้งวัฒนะ ตั้งแต่ช่วงเช้า มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1,200 นาย ประจำตามจุดทั้งบริเวณรอบอาคาร รวมถึงตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เป็นระยะ ๆ บริเวณด้านใน เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยระหว่างการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีกองทัพสื่อมวลชน และมวลชนผู้สนับสนุนพรรคไทยรักษาชาติทยอยเดินทางมาสังเกตการณ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ลงนามโดย พล.ต.ต.ภัคพงษ์ พงษ์เภตา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ประกาศห้ามชุมนุมสาธารณะในรัศมีไม่เกิน 50 เมตรรอบพื้นที่ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกามาติดโดยรอบอาคาร ทั้งนี้มีรายงานว่า ได้มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์บริเวณรอบห้องประชุมคณะตุลาการจนกว่าการประชุมจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันการดักฟังและข่าวรั่วไหล

ในเวลา 13.30 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายจรัญ ภักดีธนากุล นายชัช ชลวร นายปัญญา อุดชาชน นายวรวิทย์ กังศศิเทียม นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ นายนครินทร์ เมฆไตรัตน์ และนายบุญส่ง กุลบุปผา ได้เริ่มประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจาและลงมติ ก่อนที่จะร่วมกันยกร่างคำวินิจฉัย กลางและออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้กับคู่กรณีทราบในเวลา 15:00 น.

เวลา 13.40 น. ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ได้นำกรรมการบริหารพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส. และสมาชิกพรรค เดินทางมายัง สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเข้ารับฟังคำวินิจฉัยในห้องพิจารณาคดี โดยยังไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

**มติเอกฉันท์ 9 - 0 ให้ยุบพรรค
เวลา 15.00 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยที่ 3/2562 ลงวันที่ 7 มี.ค.62 ความโดยสรุปว่า ศาลรัฐธรรมนูญตั้งประเด็นวินิจฉัย 3 ประเด็น โดยประเด็นแรก พิจารณาแล้วเห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่เหนือการเมือง ดังนั้นการกระทำของพรรคไทยรักษาชาติในการเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ในนามพรรคการเมืองเพื่อแข่งขันกับพรรคการเมืองอื่นๆในการหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการกระทำที่ย่อมเล็งเห็นได้ว่าจะเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์ให้พระบรมวงศานุวงศ์ใช้อำนาจทางการเมือง ซึ่งจะส่งผลเซาะกร่อนประเพณีการปกครองระบบตามประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขให้เสื่อมทรามโดยปริยาย แม้พรรคไทยรักษาชาติจะมีสิทธิดำเนินกิจการทางการเมืองแต่ต้องอยู่บนความตระหนักว่า การกระทำนั้นต้องไม่ย้อนกลับมาทำลายหลักการของการปกครองระบบตามประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเสียเอง อาจจะเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แม้ยังไม่เกิดผลเสียหายร้ายแรงก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ

**ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารฯ 10 ปี
ประเด็นที่ 2 กรรมการบริหารพรรคจะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 วรรค 2 หรือไม่ ศาลมีมติ 6 ต่อ 3 เห็นว่า ตามกฎหมาย กำหนดว่า เมื่อศาลฯไต่สวนแล้ว มีคำสั่งยุบพรรค จึงชอบที่ศาลจะเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ 8 ก.พ. 62 เป็นเวลา 10 ปี

“เมื่อพิจารณาจากการกระทำของผู้ถูกร้องซึ่งกระทำเพียงอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ยังไม่ถึงขนาดมีเจตนาที่จะล้มล้างการปกครอง อีกทั้งการกระทำดังกล่าวเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของการได้มาซึ่งรายชื่อของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ยังไม่เกิดความเสียหายร้ายแรง นอกจากนี้เมื่อพิจารณาความสำนึกของคณะกรรมการบริหารพรรคที่น้อมรับพระราชโองการไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมทันทีเมื่อรับทราบแสดงให้เห็นว่ายังมีความเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่จึงเห็นสมควรกำหนดระยะเวลาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้ 10 ปีตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค” คำวินิจฉัย ระบุ

ประเด็นที่ 3 ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคของพรรคผู้ถูกร้อง และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จะไปจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ได้หรือไม่ ศาลฯมีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นว่ากฎหมายไม่ให้ศาลพิจารณาเป็นอย่างอื่นได้

เมื่อศาลมีคำสั่งยุบพรรคแล้ว ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองประกาศคำสั่งยุบพรรคนั้น และห้ามบุคคลใด ใช้ชื่อย่อ หรือภาพพรรคการเมืองซ้ำ และห้ามไม่ให้ผู้ที่เคยเป็นกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบไปจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ในกำหนด 10 ปีนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งยุบพรรค

**เปิด 13 ชื่อ กก.บห.ไทยรักษาชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เป็นเวลา 10 ปี ประกอบด้วย 1.ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค 2.นายฤภพ ชินวัตร รองหัวหน้าพรรค 3.น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรค 4.นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล รองหัวหน้าพรรค 5.นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ รองหัวหน้าพรรค

6.นายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรค 7.นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ รองเลขาธิการพรรค 8.นายต้น ณ ระนอง รองเลขาธิการพรรค 9.นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองเลขาธิการพรรค 10.นายจุลพงษ์ โนนศรีชัย กรรมการบริหารพรรค 11.น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายทะเบียนสมาชิกพรรค 12.นายพงษ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรค 13.นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ เหรัญญิกพรรค ส่วน นายรุ่งเรือง พิทยศิริ อดีตกรรมการบริหารพรรค ได้ยื่นลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.62

** "ปรีชาพล"รับเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ภายหลังฟังคำวินิจฉัย ร.ท.ปรีชาพล หล่าวว่า ตนและกรรมการบริหารพรรค ยืนยันว่า เราได้น้อมรับพระราชโองการ เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ด้วยความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ ซึ่งคำวินิจฉัยเป็นไปตามที่สื่อมวลชนได้รับทราบแล้ว ตนและคณะกรรมการบริหารพรรค รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ซึ่งการยุบพรรค ส่งผลกระทบต่อสิทธิ และเสรีภาพทางการเมืองขั้นพื้นฐาน อย่างน้อยก็กระทบต่อผู้สมัครของพรรค และพี่น้องประชาชนที่มุ่งหน้าจะไปสู่การเลือกตั้ง ในวันที่ 24 มี.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ร.ท.ปรีชาพล ให้สัมภาษณ์นั้น พบว่ามีน้ำเสียงสั่นเครือ และน้ำตาคลออยู่เป็นระยะ

ขณะที่กลุ่มประชาชนที่สนับสนุนพรรค ทษช.หลายสิบคน ซึ่งเดินทางมาติดตามผลคำวินิจฉัย ต่างแสดงความเสียใจร้องไห้ บางรายก็ให้กำลังใจกันเองว่าอย่าไปท้อ ต้องสู้ต่อ ยังมีพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอีกเยอะ ขณะที่หญิงสูงอายุ 1 ราย สวมเสื้อสีขาว มีโลโก้พรรคนั่งร้องไห้ บอกกับสื่อมวลชนว่า หนูอยากได้ประชาธิปไตยคืน

**สมาชิกช่วยพรรคอื่นหาเสียงได้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อยุบพรรคแล้ว สมาชิกพรรค ก็ต้องพ้นความเป็นสมาชิก เพราะไม่มีพรรคอยู่ จะไปอยู่พรรคไหนก็ได้ หากเขารับ ส่วนที่จะไปสมัครรับเลือกตั้งนั้นไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคนั้น 90 วัน

เมื่อถามว่า สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ จะไปช่วยพรรคอื่นหาเสียงได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เขาไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เขาเป็นประชาชนทั่วไป

เมื่อถามว่าหากมีคะแนนที่ประชาชน ไปกาให้กับพรรคทษช. จะนับอย่างไร นับเป็นบัตรเสีย ใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่นับปาร์ตี้ลิสต์ และไม่นับอะไรทั้งนั้น เพราะไม่มีพรรคนี้อยู่แล้ว ถือว่าไม่ได้ลงสมัครในการเลือกตั้งครั้งนี้ เบอร์นั้นจะไม่มีในเขตนั้น ไม่มีการนับ เพราะว่าเป็นบัตรเสีย เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบ .

**“อนาคตใหม่”ฉวยจังหวะขอแต้ม ทษช.
ช่วงค่ำ นายปิยบุตร แสงกนกกุล รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังทราบมติศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักษาชาติความตอนหนึ่งว่า ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา มีกระบวนการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง มีการยุบพรรคการเมืองซึ่งครองเสียงข้างมากมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งไม่ได้ส่งผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย ตรงกันข้ามการยุบพรรคการเมืองกลับทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยต่อการใช้อำนาจขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่ถูกยุบเป็นพรรคที่มีจุดยืนต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.

“พรรคอนาคตใหม่ขอเรียกร้องให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิออกเสียงในการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.62 เพื่อต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้ระบอบเผด็จการได้วางกลไกการสืบทอดอำนาจ ผ่านรัฐธรรมนูญและกฎหมายไว้แต่ก็ไม่อาจต้านทานอำนาจของประชาชนได้ 24 มี.ค.62 จับปากกาฆ่าเผด็จการ เริ่มต้นยุติวงจรรัฐประหาร เปิดฉากการเมืองแบบใหม่ที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน” นายปิยบุตร ระบุ.
กำลังโหลดความคิดเห็น