"โสภณ องค์การณ์"
วันนี้ขอพักเรื่องการเมือง ดูแล้วมีแต่เรื่องร้องเรียน ฟ้องร้อง ใช้องค์กรอิสระและศาลเป็นเวทีพิเศษนอกเหนือจากการขึ้นเวทีหาเสียง เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น การหาเสียงไม่ใช่การยอวาที ชื่นชมคู่แข่งมีอะไรไม่เข้าท่า ต้องเอามาเปิดโปง แฉให้ชาวบ้านได้รับรู้
ว่างเว้นการเลือกตั้งมาเกือบ 8 ปี ย่อมมีอารมณ์ตกค้าง ยิ่งครั้งนี้มีเดิมพันสูงในศึกชิงเมือง ก็ต้องไม่ยั้งมือ ยั้งปาก ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ จนกว่าจะมีปรากฏการณ์ “งูเห่า” เพื่อหาทางจัดตั้งรัฐบาลจัดสรรแบ่งปันผลประโยชน์ให้ลงตัว เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด
เมื่อไม่คุยเรื่องการเมือง ต้องคุยกันเรื่องเงินๆ ทองๆ ความมั่งคั่งของ “อภิมหาเศรษฐี” หลังจากการจัดอันดับล่าสุดโดย “นิตยสารฟอร์บส์” ซึ่งทำทุกปี เป็นงานที่ไม่มีใครแย่ง ชาวบ้านก็อยากรู้ว่าใครรวยกว่าใคร ใครเสียท่ามีคนแซงหน้า ฟ้องว่าใครมือตก
เมื่อเป็นอภิมหาเศรษฐี มีเงินทองเหนือกว่าคนร่วมแผ่นดินหลายสิบล้านคน ชาวบ้านคนไม่มีโอกาสได้กำเงินล้าน หรือหลายหมื่นแสนล้านบาท คงมองว่าชาติก่อนเขาทำบุญมาเยอะ เราวาสนาน้อย ต้องทำบุญชาตินี้มากๆ จะได้เป็นเศรษฐีชาติหน้า
อภิมหาเศรษฐีคงต้องมีความสุขบนกองเงินกองทองหลายหมื่นแสนล้านบาท เงินเนรมิตได้ทุกอย่าง จ้างผีโม่แป้งก็ได้ ส่งคนไปเป็นรัฐมนตรีก็ยังได้ ตั้งหรือล้มรัฐบาล จ้างทำรัฐประหารก็ยังได้ มีเสียงร่ำลืออย่างนั้น แต่ไม่มีใบเสร็จพิสูจน์ให้ชาวบ้านรู้เห็นชัดๆ
เงินทำให้คนบูชาคนมีเงินก้มหัวให้ ไม่ต้องคำนึงว่าเขาได้เงินมาอย่างไร โกงบ้านกินเมืองมาหรือไม่ คนประเทศนี้ไม่กลัวกฎหมาย แต่กลัวเคารพคนมีเงิน มีเงินไม่ติดคุก
เมื่ออยากรู้เรื่องชีวิตของอภิมหาเศรษฐีแห่งชาติ ตามที่ฟอร์บจัดอันดับซ้ำๆ หน้าทุกปี แสดงว่าผู้มั่งคั่งกลุ่มนี้ไร้คู่แข่งหน้าใหม่ ยิ่งยุคนี้ทำมาหากินลำบาก ใครจะสร้างตัวเป็นอภิมหาเศรษฐีหมื่นๆล้านไม่ง่ายแน่ ต่อให้ถูกหวยชุด 100 ใบ 100 ครั้งก็ยังทำไม่ได้
ต้องคุยกับเศรษฐี จะได้รู้ว่าชีวิตมีความสุขจริงหรือไม่ คนที่คุยด้วยจัดอยู่ในกลุ่มสูงวัย ทำงานหนักมาตลอด มีทรัพย์สินเงินทองระดับพันล้าน จะถึงหมื่นล้านหรือไม่ ไม่กล้าถาม เพราะไม่ใช่คนคุยโอ่ คงไม่บอกแน่ รายนี้บอกเพียงว่า “อั๊วไม่มีหนี้ ไม่ชอบเป็นหนี้”
มีที่ดินเป็นพันๆ ไร่ ทำประโยชน์สร้างรายได้แต่ละเดือนเป็นสิบๆ ล้านบาท “อั๊วะมีความสุขมากกว่าพวกที่มีเงินหลายหมื่น หลายแสนล้านบาท จะเอาไว้ทำไมเยอะแยะ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ มีเงินไม่ได้ใช้ ก็เหมือนคนไม่มีเงิน ถ้ากินไม่ได้ เงินก็ไม่มีประโยชน์”
เศรษฐีรายนี้บอกว่า “ในบรรดาพวกที่ติดอันดับนั้น เพื่อนอั๊วที่รวมอยู่ในนั้นด้วยมันบอกว่ามันยอมรับคนเดียว นั่นคือตระกูลกระทิงแดง รวยจริงไม่มีหนี้ มีแต่เงินสด รับเงินสดทุกวัน พวกที่เหลือมีกิจการเยอะแยะเป็นพวกกู้เงิน มีหนี้สินหลายหมื่นล้านทั้งนั้น”
ก็คงจริง เห็นบรรดาเจ้าสัวลงทุนสร้างศูนย์การค้ากลางเมือง ขอบเมืองหลายจุด เป็นโครงการจากเงินกู้ระดับหมื่นๆ ล้านบาทจากหลายแหล่ง มีทรัพย์สินหลายหมื่น หลายแสนล้านก็จริง แต่มีเงินกู้ไม่น้อย หักลบกันแล้วเหลือ “รวยสุทธิ” เท่าไหร่ก็ไม่รู้
“ลื้อว่าพวกนั้นมีความสุขหรือวะ ตื่นเช้ามากินข้าวแล้วก็แบกเสื้อนอกขึ้นรถไปทำงาน มันสบายตัวที่ไหนล่ะ แต่ละวันมีเวลาของตัวเองหรือเปล่า จะไปเดินห้างคนเดียวก็ไม่ได้ ต้องมีคนแวดล้อม อยู่บ้านก็ต้องเป็นหลังใหญ่โต มีกำแพงสูงล้อมทุกด้าน” แกว่า
อยู่ในสำนักงาน กินอยู่ต้องให้ดูดี คนมาหาเป็นพวกอยากขอแบ่งความรวย ความเป็นส่วนตัวแทบไม่เหลือ ทุกลมหายใจเข้าออก มีแต่เรื่องเงิน เงิน วิธีหาเงินเพิ่มความรวย
อืมม์...ก็จริง ตื่นเช้าต้องเอาผ้าแถบเล็กๆ ที่เรียกว่าเนกไท ราคาแพงเป็นหมื่นๆ บาท มามัดคอให้แน่นๆ เสื้อต้องเรียบแปล้ สวมสูททับ จะเอาราคาถูกๆ ประเภท 199 บาท ก็ไม่ได้ มีเสียงร่ำลือในโซเชียลมีเดียว่าเจ้าสัวตกยาก แต่งตัวกระจอกๆ คงใกล้เจ๊ง
เป็นอภิมหาเศรษฐีบ้านเรา ถ้าดูแล้วเหมือนหลุดสภาพความเป็นคนธรรมดา อยู่ยากกินยาก กินมากกลัวไขมันอุดตันในเส้นเลือด หัวใจมีปัญหา จะอยู่ใช้เงินได้ไม่นาน เมื่อตัวเองไม่ได้ใช้ ผู้เป็นทายาทจะได้ใช้เงินสบาย ถ้าทำงานไม่เป็น จัดอยู่ในประเภทสุขนิยม
อันที่จริงมีเงินหลายหมื่นล้านแสนล้านบาท จะยังต้องการอะไรอีก นอกจากความเป็นคน ใช้ชีวิตแบบธรรมดาไม่ต้องมีข้อจำกัดเพราะเหตุผลทางธุรกิจ นั่ง เดิน นอน ต้องคิดเรื่องหาเงิน รักษาเงิน ทรัพย์สินที่มีอยู่ ทำอย่างไรไม่ให้ธุรกิจมีปัญหา ต้องใช้คืนเงินกู้
ตายแล้วยังห่วงสมบัติ กลัวว่าถ้าตัวเองไม่อยู่ ลูกหลานรักษาไว้ไม่ได้ จะลำบาก!
เว้นแต่ กลุ่มกระทิงแดง นั่นแหละ ที่เศรษฐีคนที่ผมคุยด้วยบอกว่าไม่มีหนี้ รวยแท้ ไม่ต้องใช้เงินกู้ทำธุรกิจ รวมทั้งมหาเศรษฐีหน้าใหม่เพิ่งติดอันดับ พวกนี้กู้เงินระดับหมื่นๆ ล้านบาทมาทำธุรกิจ โครงการขนาดใหญ่ ทำให้นายธนาคารเจ้าหนี้หายใจไม่สะดวก
ถ้าระบบเศรษฐกิจมีปัญหา พวกอภิมหาเศรษฐีนักกู้หน้าใหญ่จะทำให้ธนาคาร สถาบันการเงินมีปัญหา และส่วนมากไม่เอาเงินส่วนตัวออกมาใช้หนี้ อย่างที่เรารู้กันว่า “ล้มบนฟูก” ทำให้เกิดวิกฤต ทำให้บ้านเมืองแทบล่มจมเหมือนยุคลดค่าเงินบาทนั่นไง
เมื่อร่ำรวยมาก ก็ต้องระวังตัวมาก อยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่มีระบบรักษาความปลอดภัย ทีม รปภ. กล้องวงจรปิด สัญญาณเตือนภัย บางคนต้องมีบอดี้การ์ดซึ่งรับบทเป็นโชเฟอร์ ความเป็นอภิมหาเศรษฐี แต่ต้องฝากชีวิต ความปลอดภัยไว้กับคนอื่นตลอด
เจ็บป่วยต้องพึ่งหมอ ไปไหนมาไหน ต้องพึ่งคนขับรถ ไม่ขับรถเอง ต้องใช้สมองคิดหาเงิน พูดโทรศัพท์เจรจาการค้า การลงทุน การเงิน แทบไม่มีเวลาออกกำลังกาย พวกเศรษฐีรุ่นใหม่ใช้เงินเป็น เล่นกีฬา เล่นกอล์ฟกับผู้มีอำนาจ สร้างเครือข่ายผลประโยชน์
ไปไหนมาไหน มีคนแวดล้อม เหมือนนักโทษโดนผู้คุมพาไป อยู่ในคฤหาสน์แข็งแรงเหมือนอยู่ในคุก มีผ้ามัดคอเหมือนห่วงโซ่ตรวน นั่งนานๆ ประชุม ทำงานจนอวบอ้วนกลายเป็นโรคผู้บริหาร มีเงินต้องพร้อมจ่ายให้หมอทำบายพาสต์เส้นเลือดหัวใจตีบ
พวกอภิมหาเศรษฐีเอาเงินมาจากไหน? ก็เอามาจากกระเป๋าคนอื่นนั่นแหละ การจะได้เงินมามากๆ เร็วๆ ก็ต้องใช้ความเลือดเย็น เพราะตัวเองได้เงิน คนอื่นเสียเงิน ส่วนใหญ่คือประชาชน ผู้บริโภค คู่แข่งการค้ารายย่อยสู้กับระบบไม่ได้ คนยิ่งรวยก็ยิ่งอำมหิต
มหาเศรษฐีฝรั่งบริจาคเงินแสนๆ ล้านบาทเพื่อสาธารณะ บ้านเรามหาเศรษฐีใจบุญมีแทบนับหัวได้ ที่พูดมานี้ไม่อิจฉา ตายแล้วเอาไปไม่ได้ ถ้ามีเงินมีลมหายใจก็ยังดี
ตัดสินใจ หรือตัดใจเสียตั้งแต่วันนี้ จะได้ไม่ต้องลำบากหาเงินจนขาดความเป็นคน แต่มีบางคนเถียงว่านั่งร้องไห้บนรถเฟอร์รารี ยังดูดีกว่านั่งหัวเราะบนซาเล้ง จริงมั้ยครับ?