xs
xsm
sm
md
lg

อุทาหรณ์จากกรณี “แขกตีกับแขก” (1)

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

ความขัดแย้งระหว่างอินเดียกับปากีสถาน
เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องเริ่มด้วยเรื่อง “แขกกับแขกตีกัน” ซึ่งส่งผลให้ใครต่อใคร รวมทั้งในบ้านเราออกอาการหูแหก ตาแหกกันไปมิใช่น้อย ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าเมื่อถึง ณ ขณะนี้ หลายต่อหลายอย่างเริ่มๆ คลี่คลายลงไปตามสมควร ไม่ว่าจะเป็นแขกอินเดีย หรือแขกปากีสถาน สามารถกลับไปขายถั่ว ขายโรตี หรือขายอะไรต่อมิอะไรได้ตามปกติ แต่เหตุการณ์เหล่านี้ก็น่าจะพอหยิบมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ในการมองโลก มองประเทศต่างๆ หรือแม้แต่มองตัวของเราเอง ได้บ้างไม่มากก็น้อย...

คือเรื่องความขัดแย้งระหว่าง “แขกอินเดีย” กับ “แขกปากีฯ” นั้น...อาจต้องเรียกว่า เป็นความขัดแย้งอันเนื่องมาจากผลพวงทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือเป็นความขัดแย้งที่เริ่มต้นมานับตั้งแต่ “นักล่าอาณานิคมอังกฤษ” ได้ขีดเส้น เขียนแผนที่ให้เกิดเป็นประเทศอินเดีย ประเทศปากีสถาน ขณะตัวเองกำลังถูกถีบออกจากการเป็นผู้ยึดครองอนุทวีปอินเดียทั้งทวีปหลังช่วง “สงครามโลกครั้งที่สอง” โน่นเลยก็ว่าได้ ด้วยการใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน ไม่กี่ชั่วโมง ขีดๆ เขี่ยๆ แบ่งพื้นที่ แบ่งความเป็นประเทศให้กับบรรดาแขกทั้งสอง ตามทัศนคติของผู้ที่อาศัยนโยบาย “แบ่งแยกและปกครอง”ควบคุมดูแลอาณานิคมทั่วทั้งโลกมาโดยตลอด โดยไม่ได้คิดจะให้ความสนใจต่อความละเอียดอ่อน ในเรื่องชาติพันธ์ เผ่าพันธุ์ ศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณี ฯลฯ ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ความขัดแย้งระหว่าง “ความเป็นประเทศอินเดีย” กับ “ความเป็นประเทศปากีสถาน” มันจึงเริ่มต้นนับแต่นั้นเป็นต้นมา ชนิดอาจถือเป็น “มรดกบาป” ของลัทธิล่าอาณานิคมเอาเลยก็ว่าได้...

โดยเฉพาะปากีสถานนั้น...ถ้าลองกลับไปดู “แผนที่ประเทศปากีสถาน” นับแต่เริ่มแรก ต้องเรียกว่าออกไปทางพิลึกกึกกือเอามากๆ คือเกิดการแบ่งประเทศแยกประเทศออกเป็น 2 ด้าน เป็นปากีสถานตะวันตก-ตะวันออก โดยมีอินตะระเดียผ่ากลาง ต่อยังไงก็ต่อไม่ติด มีแต่อาศัยสายใยเส้นบางๆ แห่งความเป็นอิสลามด้วยกันเท่านั้น จนในท้ายที่สุด ปากีสถานตะวันออกก็ต้องกลายเป็น “ประเทศบังกลาเทศ” ไปจนได้ ส่วนปากีสถานตะวันตก หรือปากีสถานในปัจจุบัน แม้บรรดาชาวอิสลาม หรือชาวมุสลิมในอินเดียจะแห่กันอพยพเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นปากีสถานปัจจุบันไม่รู้กี่สิบต่อกี่สิบล้าน แต่ส่วนใหญ่แล้ว...ก็ไปกองๆ อยู่ในแถบแคว้นปัญจาบ จนกลายเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนประชากรสูงสุดถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ แต่ในบรรดาแคว้นรอบนอกที่มีชาวมุสลิมดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นเผ่าซินด์ (Sindh) ที่มีจำนวนประชากรประมาณ 14 เปอร์เซ็นต์ เผ่าปัชตุน (Pashtun) หรืออัฟกาเนีย (Afghania) ที่อยู่แถวๆ พรมแดนอัฟกานิสถานจำนวน 13.5 เปอร์เซ็นต์ เผ่าเบลูคิส (Baluchis) ที่กระจายอยู่ในแคว้นเบลูคิสถานอีก 4.5 เปอร์เซ็นต์ โดยแม้จนกระทั่งทุกวันนี้ บรรดาชาวปัญจาบที่คิดจะไปแต่งงานอยู่กินกับชาวเบลูคิส หรือชาวซินด์ที่คิดจะไปแต่งงานกับชาวปัชตุน ฯลฯ ยังแทบไม่ปรากฏให้เห็น พูดง่ายๆ ว่า เฉพาะแค่ “สายใยบางๆ” แห่งความเป็นอิสลาม ย่อมไม่อาจช่วยให้เกิดความกลมกลืน ความเป็นเอกภาพ ภายใน “ความเป็นประเทศปากีสถาน” ขึ้นมาได้ง่ายๆ...

ไม่ต่างไปจากบรรดามุสลิมในตะวันออกกลางนั่นแหละทั่น...ความแตกต่างของความเป็นชาติพันธ์ เผ่าพันธุ์ไปจนถึงความเป็นนิกาย ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ทำให้บรรดาประเทศอิสลามในโลกอาหรับที่อุบัติขึ้นมาจากขีดๆ เขี่ยๆ การลากเส้นแผนที่แบ่งประเทศของพวกฝรั่ง หรือพวกอดีตนักล่าอาณานิคมทั้งหลายก็ยังไม่อาจปกครอง ควบคุมดูแลกันได้ง่ายๆ ไม่ว่าในลิเบีย ซีเรีย ในอิรัก ฯลฯ ซึ่งยังต้องชุลมุนวุ่นวายกันอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ ยิ่งเป็นในเขตพื้นที่แคว้น “จัมมู-แคชเมียร์” (Jammu-Kashmir) ของปากีสถานด้วยแล้ว “มรดกบาป” ของพวกนักล่าอาณานิคม ยิ่งสร้างความบาปหนาหนักขึ้นไปใหญ่ คือขณะที่ประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่แถบนี้เป็นมุสลิม เจ้าอาณานิคมอังกฤษกลับไปหนุนหลัง “มหาราชฮินดู” ให้เป็นผู้ปกครองดูแลซะเฉยเลย ดังนั้นเมื่อกองทัพปากีสถานบุกรุกเข้าในเขตพื้นที่นี้ตั้งแต่แรก มหาราชฮินดูท่านเลยต้องวิ่งไปซบตักอินเดีย จนเกิดการแบ่งเขต แบ่งพื้นที่เป็นแคชเมียร์ตะวันตก-ตะวันออก และโดย “ภูมิรัฐศาสตร์” ที่อาจก่อให้เกิดความได้เปรียบ-เสียเปรียบระหว่างสองประเทศ ดินแดนแคชเมียร์ ก็เลยกลายเป็นพื้นที่ที่แม้คิดจะ “ปกครองตัวเอง” คิดจะเป็นอิสระจากอำนาจของทั้งสองฝ่าย ก็ยังคงเป็นไปไม่ได้อยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้...

การที่ “รัฐบาลกลาง” ของปากีสถาน...ไม่อาจควบคุมดูแลบรรดาชนเผ่ารอบนอกแคว้นปัญจาบไปในทุกเรื่อง ทุกกรณี จึงถือเป็น “ข้อเท็จจริง” อันมิอาจปฏิเสธได้มานานแล้ว ไม่ใช่แต่เฉพาะอินเดียเท่านั้น ที่ต้องได้รับผลกระทบจากข้อเท็จจริงที่ว่านี้ กระทั่งคุณพ่ออเมริกาเอาเลยก็เถอะ ครั้งที่เปิดฉาก “สงครามกับผู้ก่อการร้าย” ในอัฟกานิสถาน ความพยายามที่จะบีบบังคับ กดดันให้รัฐบาลกลางปากีสถาน เล่นงานองค์กร “อัล-กออิดะห์” ของ “อุซามะห์ บิน ลาดิน” ที่อยู่ภายใต้การอารักขาของบรรดาชาวปัชตุน บริเวณชายแดนปากีสถาน-อัฟกานิสถาน หรือแม้แต่บรรดากองกำลัง “ตอลิบัน” ที่เป็นชาวปัชตุน หรืออัฟกาเนียโดยส่วนใหญ่ ก็แทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย จนต้องแอบส่งเครื่องบินโดรน ส่งกองกำลังปฏิบัติการพิเศษ บุกเข้าไปเด็ดหัว “บิน ลาดิน”โดยไม่จำเป็นต้องสนใจต่ออำนาจอธิปไตย ต่อบูรณาภาพเหนือดินแดนของความเป็นประเทศปากีสถานกันถึงที่นั่นแหละ ถึงจะสิ้นเรื่อง สิ้นราวกันไปได้จริงๆ...

ด้วยเหตุนี้...การที่ผู้ก่อการร้ายกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “จาอิช อี โมฮัมหมัด” (Jaish-e-Mohammed) ที่อยู่เลยไปไกลถึงแคว้นแคชเมียร์โน่นเลยแอบเข้ามา “วางระเบิดฆ่าตัวตาย” สังหารทหารอินเดียไปจำนวนถึง 40 นาย เมื่อช่วงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ย่อมถือเป็นเรื่อง “ปกติที่ไม่ปกติ” อย่างมิอาจปฏิเสธได้ แต่ด้วยเหตุที่อินตะระเดียช่วงนี้กำลังใกล้ถึงช่วง “เลือกตั้งที่รัก” แบบบ้านเราเข้าไปทุกที ผู้นำอินเดียอย่างนายกรัฐมนตรี “นเรนทรา โมดี” (Narendra Modi) ท่านย่อมมิอาจเอามือ “ซุกหีบ” เอาไว้เฉยๆ อยู่แล้วแน่ๆ การตอบโต้ด้วยการส่งเครื่องบินโจมตีไปทิ้งระเบิดใส่รังผู้ก่อการร้าย ล้ำเข้าไปในเขตน่านฟ้าปากีสถาน ก็เลยส่งผลให้ผู้นำปากีสถานที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งขึ้นมาหมาดๆ อย่างประธานาธิบดี “อิมรอน ข่าน” (Imran Khan) ท่านก็ย่อมหนีไม่พ้นต้อง “สอย” เครื่องบินอินเดียจนได้ ต้องเกิดการปิดน่านฟ้ง น่านฟ้า เล่นเอา “การบินไทย” ของหมู่เฮาพลอยต้อง “ซวย” ไปด้วย ระดับ “จำปี” เยี่ยวไม่ออก ต้องดีเลย์สายการบินกันเป็นสิบๆ เที่ยว ไม่ต่างไปจากสายการบินนานาชาติรายอื่นๆ มันเลยกลายเป็นข่าวใหญ่ ข่าวโต ส่งผลให้ใครต่อใครออกอาการหูแหก ตาแหก กันไปเป็นรายๆ ด้วยประการละฉะนี้...แล...

แต่ก็นั่นแหละ...ถึงแม้ “มรดกบาป” ของพวกนักล่าอาณานิคมในอดีต ยังมีอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช สร้างพิษ สร้างภัย สร้างความขัดแย้งหวาดระแวงให้กับบรรดาประเทศที่เคยตกเป็นอาณานิคม เคยถูก “แบ่งแยกแล้วปกครอง” ตามวิเทโศบายของพวกฝรั่งมาโดยตลอด แต่การหันมา “ลดระดับความขัดแย้ง” ไม่ให้มันต้องลุกลาม บานปลายยิ่งไปกว่านี้ของผู้นำทั้งสองประเทศเกิดการส่งมอบตัวนักบินกลับคืนโดยไม่ติดใจเอาความ เกิดการ “เปิดน่านฟ้า” เพื่อรองรับการสัญจรไปมาอย่างเป็นปกติของนานาชาติ ฯลฯ อันนี้นี่แหละ...ที่ถือเป็นสิ่งที่น่าคิดสะกิดใจ น่าเก็บเอามาเป็นอุทาหรณ์ สอนใจต่อบรรดาประเทศใดๆ ก็ตาม ซึ่งล้วนแต่ต้องเคยถูกยัดเยียด “มรดกบาป” ของพวกนักล่าอาณานิคมเอาไว้ให้มากบ้าง-น้อยบ้างไปตามสภาพ ซึ่งจะมีรายละเอียดเป็นเช่นใดนั้น คงต้องขออนุญาตลากต่อไปวันพรุ่งนี้อีกสักวัน...


กำลังโหลดความคิดเห็น