“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
เมืองไทยใหญ่อุดมแห่งนี้ “โชคโคตรร้าย” เพราะ “ประเทศกูมี-คนหนักแผ่นดิน”!
อดีตกาลชาติไทยมี “หนอนบ่อนไส้-คนไทยใจพม่า” เปิดประตูเมืองให้กองทัพพม่า บุกเข้ามาเผาบ้านเผาเมือง เข่นฆ่าคนไทยอย่างหฤโหด..จนต้องเสียกรุงให้พม่าถึง 2 ครั้ง
ทว่า ชาติไทย “โชคโคตรดี” ที่มี “พระมหากษัตริย์” ผู้ทรงพระปรีชาชาญ ถึงสองพระองค์ ทั้งการวางแผนและการนำทัพรบกับ “กองทัพพม่า” อย่างห้าวหาญ นั่นคือ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กับ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงรวบรวมทหารไทยกับชาวไทยผู้รักชาติ ยืนหยัดต่อสู้อย่างห้าวหาญกับ “กองทัพพม่า” จนขับไล่ศัตรูกอบกู้แผ่นดินไทย ให้กลับคืนสู่อิสรภาพมาได้จนทุกวันนี้
เรียกว่า..จิตใจเสียสละอันยิ่งใหญ่แม้ชีพ ทั้งบูรพมหากษัตริย์และบรรพบุรุษไทย ได้สานใจเป็นหนึ่งเดียว พิทักษ์ปกป้องเอกราชอธิปไตย ไว้ได้อย่างสง่างามตราบจนทุกวันนี้..
แต่น่าเศร้า..ที่มี “นักการเมืองบางคนบางกลุ่ม” พยายามให้ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทุกรูป แบบสารพัดวิธีอย่างสามานย์ ด้วยการกระทำที่แสร้งโง่ จงใจละเลยต่อคุณงามความดี ที่พระมหากษัตริย์กับประชาชนไทย ได้ร่วมรบ ร่วมปกป้อง ร่วมสร้าง ร่วมพัฒนาชาติบ้านเมือง โดยหวังจะแยกพระมหากษัตริย์ให้ออกห่างจากปวงชนชาวไทย
ขอย้ำว่า..การที่ “นักการเมืองบางคนบางกลุ่ม” วางเป้าหมายอย่างสามานย์ หวังจะแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ออกจากประชาชน เท่ากับจงใจบิดเบือนประวัติศาสตร์ของชาติไทยนั่นเอง..
โดยเฉพาะเหตุการณ์จริงในยุค “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ที่พระองค์ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรม ตลอดรัชกาลพระองค์ทรงอาบเหงื่อต่างน้ำ เสด็จประพาสทั่วทุกหัวระแหง ดูแลทุกข์สุขยกระดับความเป็นอยู่ของพสกนิกรให้ดีขึ้น
ที่สำคัญ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ได้ทรงมอบคำสอน ที่ยึดในหลักปรัชญาพุทธธรรม ผ่านกระบวนการ “คิด” และ“ทำ” ใน “เศรษฐกิจพอเพียง” ให้ปวงชนชาวไทยได้ปฏิบัติ จนสหประชาชาติยอมรับในหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” ว่าสามารถใช้สู้กับระบอบอันโหดร้ายของทุนนิยมสามานย์ ที่เปี่ยมไปด้วยความละโมบโลภมากไม่รู้จักพอ ไร้ความเอื้ออาทรต่อมวลมนุษยชาติ ซึ่งขณะนี้กำลังแพร่เชื้อร้ายไปทั่วโลก
ด้วยทุนนิยมสามานย์ยึดหลัก “เงินคือพระเจ้า” จนสังคมโลกเต็มไปด้วยการแก่งแย่ง เพื่อกอบโกยผลประโยชน์กันอย่างเอาเป็นเอาตาย กลายเป็น “สังคมมือใครยาวสาวได้สาวเอา-สังคมคนกินคน” ที่ยึดถือกำไรสูงสุดเป็นสรณะ จนสังคมหลายแห่งในโลกไร้ซึ่งเมตตากรุณา ไร้ความเป็นธรรม ไร้ศานติสุข ฯลฯ
ดังนั้น การที่ “นักการเมืองบางคนบางกลุ่ม” คะนองความคิดในระบอบทุนนิยมสามานย์ แถมยังคะนองปากจนถึงกับพูดออกมาอย่างไร้รากแห่งพุทธธรรมว่า “เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแค่หนึ่งในวาทกรรม”ของชนชั้นปกครอง ที่ไร้ความหมายนั้น
จึงเป็นแค่ “คำพูดของคนสมองตื้นเขิน” เป็นคำพูดของ “นักการเมืองจงใจไร้เดียงสา” ทั้งนี้เพราะ “ครอบครัวตนเอง” ร่ำรวย เป็นหนึ่งในทุนขนาดใหญ่ในชาติไทย ที่ร่วมกับกลุ่มทุนสามานย์ไทยและต่างชาติ กำลังกอบโกยผลประโยชน์สารพัดอยู่ในขณะนี้
“นักการเมืองบางคนบางกลุ่ม” ที่อ้างจะสร้าง“อนาคตใหม่” ให้ชาติและประชาชนไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้นึกถึง“ลมปากลวงหลอกประชาชน”ในอดีต เมื่อครั้งที่“บิ๊กเหลี่ยม”เห็นช่องโหว่ ของการเลือกตั้งสกปรกเป็น“เส้นทางลัด” ในการเข้าสู่อำนาจรัฐเพื่อคอร์รัปชั่นโกงชาติ
ความโลภมิรู้จักพอ ทำให้ “บิ๊กเหลี่ยม” หอบเงินไม่โปร่งใสมหาศาล กระโจนเข้ามาลงทุนในธุรกิจการเมือง ด้วยการตั้งพรรค ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า ซื้อนักการเมืองสามานย์เข้าสังกัดพรรค ซื้อข้าราชการที่ให้คุณให้โทษกับการเลือกตั้ง ซื้อเสียงชาวบ้านผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน จนชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงท่วมท้น ได้เป็น “นายกรัฐมนตรีหน้าเหลี่ยม” สมใจนึก “ตระกูลโกงจนชิน”
ยุคนั้น “บิ๊กเหลี่ยม” กับพลพรรค ทุ่มเงินไล่ซื้อสื่อบางคนและบางค่ายได้ โฆษณาชวนเชื่อสร้างภาพสวยหรู ปกปิดความเป็น “ซาตานในคราบนักบุญ” ของ “บิ๊กเหลี่ยม” ที่ใช้เงินรัฐทำโครงการประชานิยม เอื้อประโยชน์มากมายให้กับคนจน
ทั้งๆ ที่โครงการประชานิยมมากมาย ของรัฐบาลเครือข่าย “บิ๊กเหลี่ยม” เต็มไปด้วยการผลาญและโกงเงินชาติอย่างมโหฬาร เช่น โครงการประชานิยม “จำนำข้าว” ที่ “พี่เหลี่ยมคิด-น้องปูทำ” เพียงโครงการเดียวก็ผลาญและโกงเงินชาติ จนเสียหายไปกว่า 5-6 แสนล้านบาท ในขณะที่ชาวนาจำนวนน้อยนิด ได้ผลประโยชน์แค่หยิบมือ จนชาวนากว่า 10 ราย..ต้องฆ่าตัวตาย..
“คำพูดสวยหรู” แต่การกระทำ “โกงชาติสะบัดช่อ” ของรัฐบาลเครือข่ายทุนสามานย์ “บิ๊กเหลี่ยม” สะท้อนให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า เมื่อฐานรากของ “นักการเมืองทุนสามานย์” โลภไม่รู้จักพอ ย่อมไม่ต่างจาก “ดอกไม้” บางชนิดที่ส่งกลิ่นยั่วยวน ล่อหลอกให้ “แมลง” หลงติดกับดักอันตรายโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็“หุบดอก”กิน“แมลง”อย่างสบายใจเฉิบ
“บิ๊กเหลี่ยม” กับเครือข่ายพลพรรค เป็นรัฐบาลไม่กี่ปี จึงร่ำรวยอย่างผิดปกติกันถ้วนหน้า แหม..แค่ซื้อหุ้นราคาถูกแต่ขายแพงลิบ จากการนำรัฐวิสาหกิจอย่าง “ปตท.” เข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็ทำเอา “บิ๊กเหลี่ยม” กับพวก รวยหุ้นกันจนพุงปลิ้น นั่นยังไม่รวมการคอร์รัปชั่นโกงชาติ จากงบประมาณแผ่นดินที่รีดภาษีจากประชาชน ซึ่ง “นักการเมืองทุนสามานย์เหลี่ยม” สวาปามกันอย่างมโหฬารทุกปี..
ดังนั้น เพียงไม่กี่ปีที่เข้ามาทำธุรกิจการเมือง ธุรกิจ “บิ๊กเหลี่ยม” ที่ร่ำรวยแค่ไม่กี่หมื่นล้านบาท ทวีคูณขึ้นเป็นหลายแสนล้านบาท กำไรมหาศาลของ “มหาเศรษฐีนักการเมืองเหลี่ยม” ทำให้มหาเศรษฐีหลายคนและลูกหลาน พากันเดินพาเหรดมาหาประโยชน์จากการเมืองสลอนเลย
วันนี้..สนามเลือกตั้งที่ “บิ๊กตู่” ไม่ได้ปฏิรูปชาติก่อน จึงกลายเป็นเส้นทางเข้าสู่อำนาจของมหาเศรษฐี และนักการเมืองสามานย์ ใช้เงินทอง-การโกง-นโยบายประชานิยม-การโกหกหลอกลวงกันอุตลุด
เรียกว่า..ใช้ทุกวิธีการอย่างเต็มที่ เพื่อจะได้เข้าสู่อำนาจ ทั้งในรัฐสภาและในรัฐบาล ที่อ้างว่าเพื่อจะทำงานให้กับชาติและประชาชนน่ะรึ? เฮ้ย!..อย่ามามโนโลกสวยส่งเดช! เพราะเรื่องจริงทั้งในอดีตตราบปัจจุบันบอกชัดแล้วว่า
บรรดา “นักการเมืองเศรษฐี” ที่ “กำเงินมหาศาล” กระโจนลงมาเล่นการเมืองนั้น มักทำเพื่อตนเองและพวกพ้อง ให้ร่ำรวยเพิ่มขึ้นจากการโกงชาติ มากกว่าจะทำการเมืองเพื่อชาติและประชาชน(ว่ะ)..
“นักการเมืองบางคนบางกลุ่ม”โม้จะสร้างอนาคตใหม่ ได้พูดถึง “เศรษฐกิจพอเพียง” ของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9 “ ว่าเป็นแค่วาทกรรมหนึ่งเท่านั้น ได้ทำให้ผู้คนทั้งชาติอดคิดไม่ได้ว่า..
อืม..รัฐบาลทั้งเลือกตั้งและรัฐประหารที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็น “นักการเมือง” ประเภท “ลิงหลอกเจ้า” แม้แต่“ บิ๊กตู่” ก็ได้แค่“พูด” ว่าเดินตามหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” ของ “พ่อหลวงของแผ่นดิน” แต่การกระทำที่ส่งผลให้ “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็น “จริง” นั้น-น้อยมาก!
ด้วยรัฐบาลรัฐประหาร “บิ๊กตู่” นี่แหละ เป็นหนึ่งในการสร้างทุนนิยมสามานย์ให้เติบโต จนชาติไทยติดอันดับโลกในเรื่อง “รวยกระจุกจนกระจาย”
เลือกตั้งสามานย์ก่อนปฏิรูปชาติยุค “บิ๊กตู่” นี่แหละ ที่เกิดเรื่องราวครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยทั้ง“บิ๊กเหลี่ยม-น้องสาว-ลูกสาว”บังอาจ “ดึงฟ้าลงต่ำ”! ทั้งลูกชายเจ้าของธุรกิจใหญ่ที่ผันตัวมาเป็น “นักการเมืองจะสร้างอนาคตใหม่” กล้าพูดว่า
“ยกเลิกการกราบไหว้ผู้อาวุโส และกิจกรรมที่แสดงถึงความเป็นไทยทั้งหมด”! “รัฐไทยไม่ควรอุปถัมภ์ศาสนาพุทธ”! “พิธีกรรมไหว้ครู เป็นพิธีกรรมที่ล้าหลังมาก”! “ไม่ต้องหมอบกราบพระเจ้าองค์ไหน”! อีกทั้งเหิมเกริมถึงขนาดหยาบหยามว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” ของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” เป็นแค่วาทกรรมหนึ่งเท่านั้นเอง!
แต่ “นักการเมืองทุนสามานย์รุ่นใหม่” ที่ประกาศจะสร้างอนาคตใหม่ผู้นี้ ไม่เคยประณามทุนสามานย์รุ่นใหญ่อย่าง “บิ๊กเหลี่ยม” ที่มาจากการเลือกตั้งสกปรก ทว่า..มีพฤติกรรมโกงชาติแม้สักแอะ..
เฮ้อ..“บิ๊กตู่” ที่ตระบัดสัตย์ไม่ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง จะรับผิดชอบกับการเมืองสามานย์นี้เช่นไร?