"โสภณ องค์การณ์"
จะวุ่นกันไปถึงไหน ทั้งนอกและในประเทศ ใกล้บ้านเราที่เวียดนาม โดนัลด์ ทรัมป์ สหรัฐชาติมหาอำนาจเพิ่งจบการเจรจารอบ 2 กับ คิม จอง อึน ผู้นำตุ้ยนุ้ยจอมห้าวของเกาหลีเหนือ เรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์ แลกกับการเลิกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
ไกลขึ้นไปทางเหนือ อินเดียกับปากีสถาน ตั้งท่าจะเปิดศึกใหญ่ล้างตากันอีกรอบ คราวนี้ทั้ง 2 ขาใหญ่แห่งชมพูทวีปมีอาวุธนิวเคลียร์ด้วยกันทั้งคู่ การรบครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นกว่า 30 ปีก่อน อินเดียเป็นฝ่ายชนะ แต่ตอนนั้นปากีสถานยังไม่ได้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
ต้องรอดูว่าจะมีใครหย่าศึกระหว่าง 2 ประเทศ จะลุกลามเพราะใครไม่ยอมใครหรือไม่ ยิ่งภาพของเครื่องบินรบอินเดียถูกยิงตกมีให้เห็น จะยอมเสียหน้าไม่เอาคืนหรือไม่
นั่นเป็นเรื่องของประเทศอื่น เมื่อมามองบ้านเรา ยังมีปัญหาเยอะทุกด้าน หลายอย่างที่ซุกกลบไว้ อารมณ์กดดันจากการอยู่ใต้รัฐบาลคณะ 3 ลุงและอำนาจพิเศษกำลังจะปะทุขึ้น จู่ๆ ก็มีกลุ่มคนจาก 168 องค์กรออกมาเรียกร้องให้ สนช. ลาออกเสียเถอะ
อยู่ไปก็เปลืองงบประมาณ ที่ผ่านมาผลงานก็ไม่เข้าตาชาวบ้าน ผ่านแต่กฎหมายไม่เอื้อต่อประชาชน มีแต่พยายามครอบงำ ควบคุม สนองผลประโยชน์กับกลุ่มทุน ไม่ได้เป็นปากเสียงให้ชาวบ้าน แช่เย็นกฎหมายต่างๆ ที่ควรผ่าน เช่นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
นับว่าเป็นปรากฏการณ์ประหลาด เมื่อคนกว่า 200 เดินขบวน มีธง ป้ายต่างๆ ผู้มาชุมนุมแต่งชุดดำ เป็นความพร้อมเพรียงซึ่งน่าจะเกิดจากการเตรียมการนัดหมายกัน แม้แต่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองยังดูงงๆ หวนให้นึกถึงบรรยากาศก่อนรัฐประหารปี 2557
ถือว่าเป็นการจัดตั้งใช้ได้ แม้คนเข้าร่วมจะยังมีน้อย เพราะความกังวลเรื่องปัญหาปากท้อง กฎหมาย ข้อเรียกร้องหลักคือให้ สนช. หยุดขยันออกกฎหมายก่อนการเลือกตั้ง
กลุ่มผู้ชุมนุมนี้เปิดซิงเมื่อประชาธิปไตยเบ่งบานก่อนเลือกตั้งหรือไม่ การชุมนุมไม่ได้ออกมาประท้วงหรือขับไล่รัฐบาลโดยตรง แต่เป็นการตีวัวกระทบคราดเพราะ สนช. มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร ถูกมองว่าเป็นสภาฝักถั่วบ้าง สภาตรายางบ้าง
มีปัญหาความน่าเชื่อถือ พยายามออกกฎหมายควบคุม เช่นการชุมนุมของประชาชน แต่ล้มเหลวในเรื่องหลัก 2 เรื่อง คือความพยายามควบคุมสื่อ และร่าง พ.ร.บ. ข้าว จำกัดสิทธิของชาวนาและกลุ่มอื่นๆ ในวงการข้าว สนช. จึงเป็นเครื่องมือของรัฐบาล
การยอมถอนร่าง พ.ร.บ.ข้าว ซึ่งลงนามโดยคุณลุงมาดเข้มห้าวเป้ง หัวหน้ารัฐบาล สะท้อนให้เห็นว่าเป็นการยืนอยู่กับผลประโยชน์ของประชาชนหรือกลุ่มไหน การลงนามร่างกฎหมายสำคัญนั้นได้อ่านอย่างละเอียด ใช้ความรู้ ความสามารถรอบคอบหรือไม่
ตัวแทนคณะร่างออกตัวว่ารัฐบาลไม่รู้เห็นด้วย อย่าโทษคุณท่านลุง เมื่อความจริงปรากฏจึงเท่ากับเป็นการฟ้องให้เห็นว่าใครเป็นใคร ทำงานรับใช้กลุ่มไหน ปากอ้างว่ารักชาวนา แต่อยากเอาแอกไปใส่บ่าชาวนา ขัดหลักการค้าเสรี เศรษฐกิจพอเพียง ใช่หรือไม่
เมื่อมีคนรู้ทัน ไม่ต้องอ้าง พึ่งศาสตร์พระราชา ตีกินหน้าซื่อตาใสแหกตาประชาชน!
การเมืองยังหาจุดลงตัวไม่ได้ แม้จะมีบรรยากาศหาเสียงคึกคักบ้าง กล้อมแกล้มบางช่วงเพราะยังไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยว่าการกาเบอร์จะมีขึ้นจริง มีความแปร่งๆ เรื่องการยุบพรรคนั่นนี่โน่น คนรู้สึกกลิ่นน้ำมันรถถังเจือจาง เมื่อข่าวลือยังไม่ยอมจางหาย
คนเฝ้าติดตามสถานการณ์บ้านเมืองก็รู้ว่าการเลือกตั้งนอกจากจะไม่ใช่ทางออก หรือทางที่ดีในสภาพปัจจุบัน ยังจะเปิดทางให้เกิดความยุ่งยากวุ่นวาย เพราะคณะ 3 ลุงวางเดิมพันสูง แพ้ไม่ได้เด็ดขาด ความอยากอยู่ต่อต้องสำเร็จให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใด
ช่วง 2 วันคืนที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวแปลกๆ เหมือนมีรังสีความสยดสยองแทรกในบรรยากาศ มีคนวงในจริงๆ เท่านั้นที่รู้สึกโดยตลอด เพียงแต่รอดูว่าลางสังหรณ์ หรือว่าลางบอกเหตุจะนำไปสู่อะไร ทั้งการเปลี่ยนแปลงทิศทางบ้านเมืองว่าจะมีหรือไม่
เหมือนยังมีการประเมินกำลังระหว่างกลุ่มที่หวังช่วงชิงอำนาจ เดิมพันสูง!
เมื่อยังไม่มีอะไรเกิด ก็ถือว่ายังไม่มี ฉะนั้นอะไรที่เกิดแล้ว เช่นการยื่นคำร้องเรื่องการยุบพรรค ก็ต้องรอผล เช่นพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งจะถูกกำหนดชะตากรรมวันที่ 7 มีนาคม จะออกหัวออกก้อย ก็สุดแล้วแต่ ส่วนพรรคคนรุ่นใหม่อะไรนั่นต้องรออีกสักพัก
รวมถึงพรรคลูกหาบที่กำลังเข้มจัดหาเสียงเพื่อหามคุณท่านลุงให้นั่งเก้าอี้นายกฯ อีก ไม่ขอร่วมดีเบตกับพรรคใด อ้างว่าที่ผ่านมาได้แสดงวิสัยทัศน์ ฝีมือการบริหารบ้านเมืองให้เป็นที่ประจักษ์ต่อคนทั้งแผ่นดิน ใครไม่ประทับใจ เป็นเรื่องธรรมดามาก
เรื่องอะไรจะไปดีเบตให้เสียเปรียบ เหมือนการลงนามประหารชีวิตตัวเองชัดๆ การดีเบตเป็นการวัดความรู้ ความสามารถ ต้องใช้สมอง สติปัญญา การควบคุมอารมณ์ ไหวพริบ คนห้าวห่ามไม่ฟังใคร นิยมการพูดฝ่ายเดียว ไม่ชอบคำถามแทงใจ คงอดทนได้ยาก
ไปหาเวทีที่พูดได้คนเดียวบนโพเดียม ไม่ต้องมีใครถาม มีแต่เสียงชื่นชม มีโอกาสได้เล่นลีลา หยอกเอินกับผู้ฟัง แถมยังได้ร้องเพลง พบปะกับเซเลบ เป็นสภาพแวดล้อมน่าอภิรมย์ ไม่น่าอึดอัดด้วยคำถามยอกย้อน เสียดแทง ในเวทีดีเบตที่มีแต่คนจ้องรุมขย้ำ
เมื่อเต็งหามไม่ยอมดีเบต อ้างว่าไม่อยากเข้าสู่บรรยากาศความขัดแย้งไร้สาระ ก็ย่อมต้องทนกับคำพูดเชือดเฉือนเกี่ยวโยงกับความกล้า เป็นของจริง ของปลอมอะไรนั่น ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของการหาเสียง เพราะไม่ใช่รายการยอวาที ผลัดกันเชียร์ชวนขย้อน
แม้กระนั้น คำร้องเรื่องยุบพรรค การไร้คุณสมบัติของคู่ชิงตำแหน่งนายกฯ จึงเป็นเรื่องสำคัญ พิสูจน์ความกล้าหาญ ความน่าเชื่อถือศรัทธา ของ กกต. ความเที่ยงธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ และจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อทิศทางการเมือง ความมั่นคงของชาติ
ต่อให้มองแบบโลกสวยอย่างไร ยังมีคนรู้สึกไม่มั่นใจว่าเส้นทางเดินข้างหน้าจะราบรื่นสำหรับพวกตั้งความหวังสูง เพียงแต่ว่าบ้านเมืองจะสิ้นเคราะห์ร้าย เวรกรรม รอดพ้นมือมารหรือไม่เท่านั้น ถ้ามีเลือกตั้ง 24 มีนาคม นั่นคือวันกำหนดชะตากรรมประเทศ