xs
xsm
sm
md
lg

ระหว่าง “ชัยชนะ” กับ “ความชอบธรรม”

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

ขบวนคาราวานความช่วยเหลือจากต่างชาติปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารบริเวณชายแดนเวเนซุเอลาอย่างรุนแรง เมื่อวันเสาร์ (23 ก.พ.) ส่งผลให้ผู้ประท้วงเสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บหลายร้อยคน
เห็นว่า...ตายไปแล้ว 2 บาดเจ็บไปประมาณร่วมร้อย สำหรับฉากเหตุการณ์ที่รัฐมนตรีต่างประเทศเวเนซุเอลา “นายJorge Arreaza” ท่านใช้คำเรียกว่า “Propaganda Show” หรือการจัดฉาก จัดแสดงโฆษณา ด้วยการส่งขบวนคาราวานบรรเทาทุกข์ขนข้าวปลาอาหารจากฝั่งโคลัมเบียและบราซิล ข้ามพรมแดนเข้าไปในเวเนซุเอลา โดยมอบหมายให้ “มวลชนเสื้อขาว” ของ “นายฮวน กุยโด” ประธานาธิบดีที่มาจากการแต่งตัวตัวเอง มารอรับ ตีฆ้อง ร้องป่าวขอความช่วยเหลืออยู่แถวๆ บริเวณพรมแดน จนต้องเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารเวเนซุเอลา และ “มวลชนเสื้อแดง” ของ “นายนิโคลัส มาดูโร” ประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งตามกฎหมายกันจนได้...

แต่ยังโชคดี...ที่การปะทะคราวนี้ ไม่ถึงกับ “เลือดนองท้องช้าง” อาจเป็นเพราะฝ่ายประธานาธิบดี “มาดูโร” ท่านเตรียมตัวเอาไว้ดี โดยเฉพาะเมื่อได้รับ “คำเตือน” จากโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย “นางมาเรีย ซาคาโรวา” (Maria Zakharova) ที่ตัดสินใจปูดเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ (22 ก.พ.) ที่ผ่านมา ว่า “แผนยั่วยุเพื่อโค่นล้มประธานาธิบดีมาดูโร” ของคุณพ่ออเมริกา จะเริ่มต้นตั้งแต่สุดสัปดาห์นี้ การควบคุมมวลชน สลายฝูงชน และผลักดันขบวนบรรทุกสิ่งของข้ามพรมแดนโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการตามตัวบทกฎหมายเวเนซุเอลา ก็จึงเป็นอันต้อง “หงายเงิบ” ไม่สามารถ “จุดชนวน” ให้เกิดการงัดเอา “กรรมวิธีทางทหาร” ที่ยังคง “วางเอาไว้บนโต๊ะ” ของผู้นำอเมริกา อย่าง “ทรัมป์บ้า” มาใช้ได้แบบฉับพลัน-ทันที...

คืองานนี้...ต้องเรียกว่า “อภิมหานักแทรกแซง” อย่างคุณพ่ออเมริกา ออกจะ “มือตก” อยู่ไม่น้อย แม้จะอาศัยการ “จัดฉาก” ที่ค่อนข้างครีเอทีฟอยู่พอสมควร คืออาศัยเรื่องของความทุกข์ ความยาก ความขาดแคลนข้าวปลาอาหารของชาวเวเนซุเอลมาใช้เป็นเหตุผล-ข้ออ้าง ในการส่งขบวนบรรเทาทุกข์ข้ามพรมแดนเข้าไปช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อน โดยจะแอบขน “ปืนกลหนักคาลิเบอร์, เครื่องยิงระเบิด, ปืนไรเฟิล, ขีปนาวุธประทับบ่า ฯลฯ” ที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ได้เตือนๆ เอาไว้ด้วยว่าถูกขนมาจากประเทศแถบยุโรปตะวันออก เพื่อส่งมอบให้กับฝ่ายต่อต้าน “นายมาดูโร” ในช่องทางหนึ่ง ช่องทางใด ด้วยหรือไม่ประการใด เมื่อไหร่ และอย่างไร ก็ยังมิอาจระบุได้ชัดเจน...

แต่ก็นั่นแหละ...อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญด้านละตินอเมริกา ศาสตราจารย์ “William Mallinson” แห่งมหาวิทยาลัย “Guglielmo Marconi” ประเทศอิตาลี ท่านให้ความเห็นไว้กับผู้สื่อข่าวสำนักข่าว “รัสเซีย ทูเดย์” ไว้ด้วยคำพูดประโยคที่ว่า... “คงไม่มีใครในโลกนี้ที่คิดเอาจริงๆ ว่า...คนอย่างโดนัลด์ ทรัมป์, ไมค์ ปอมเปโอ, จอห์น โบลตัน หรือเอเลียต อบรามส์ จะมีความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยต่อความทุกข์ ความเดือดร้อน ความยากลำบากของชาวเวเนซุเอลา เพราะบรรดาคนเหล่านี้เอาเข้าจริงๆ แล้ว ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากพวกอันธพาลใส่สูท หรือพวกที่มีแนวคิดแบบแก๊งสเตอร์ (Gangsterism) อย่าง...อัล คาโปน นั่นแหละ ซึ่งห่างไกลไปจากแนวคิดของอดีตผู้นำอเมริกาอย่างโธมัส เจฟเฟอร์สัน แบบคนละเรื่อง คนละม้วน...” หรือพูดง่ายๆ ว่า...ถ้ารู้สึกห่วงใยชาวเวเนซุเอลากันจริงๆ แล้ว แค่ตัดสินใจ “ยกเลิกการแซงชั่น” เท่านั้นเอง ไม่ว่า “มวลชนเสื้อขาว-เสื้อแดง” ที่หนุนใครต่อหนุนใคร ล้วนแต่พอได้ลืมหน้าอ้าปากไปด้วยกันทั้งสิ้น แต่ที่ยังพยายามแซงชั่นกันอุตลุด และกำลังเตรียมแซงชั่นรอบใหม่ในเร็วๆ นี้ซ้ำเติมยิ่งขึ้นไปอีก บทสรุปและคำตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ ของศาสตราจารย์ “Mallinson” ก็คงหนีไม่พ้นไปจากเรื่องของ “น้ำมัน” ในเวเนซุเอลา ที่ถือเป็นแหล่งสำรองอันดับหนึ่งของโลกนั่นเอง...

การจัดคาราวานบรรเทาทุกข์คราวนี้...จึงทำให้แม้แต่องค์กร “กาชาดสากล” (The International Federation of Red Cross and the Red Crescent Society) อดไม่ได้ที่จะต้องออกมาร้องเตือน ผู้ที่นำเอา “ตราสัญลักษณ์” ขององค์กรไปใช้ระหว่างขนข้าวปลาอาหารข้ามพรมแดนจากบราซิล หรือจากโคลัมเบีย ก็แล้วแต่ ว่าบรรดากลุ่มคนเหล่านี้...ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับองค์กร “กาชาดสากล” และการนำเอายี่ห้อเทรดมาร์คเหล่านี้ไปใช้อาจก่อให้เกิดความไม่เป็นกลาง การโอนเอียงไปเข้ากับฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด หรือความเป็นอิสระขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...เมื่อองค์กรระหว่างประเทศอย่าง “สหประชาชาติ” ยังคงให้การรับรองว่ารัฐบาลของประธานาธิบดี “มาดูโร” ถือเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่เช่นเดิม...

สรุปง่ายๆ ว่า...งานนี้ก็เลยออกไปทาง “แห้วรับประทาน” กันอีกครั้ง ด้วยเหตุเพราะการจัดฉาก จัดนิทรรศการงานแสดงคราวนี้ มันไม่ถึงกับ “เนียน” สักเท่าไหร่ อีกทั้งการแสดงออกถึงความ “กระเหี้ยนกระหือรือ” ของคุณพ่ออเมริกา ยังออกจะเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่าทุเรศเอามากๆ เรียกว่า...ไม่ใช่เฉพาะประเทศที่มีเอกราชอธิปไตยอย่างเวเนซุเอลาเท่านั้น การออกมาให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ “นายไมค์ ปอมเปโอ” ต่อรายการโทรทัศน์ “Telemundo” คราวล่าสุด เมื่อช่วงวันเสาร์ (23 ก.พ.) ที่ผ่านมา ด้วยการระบุเอาไว้แบบตรงไป-ตรงมาว่า... “ไม่ใช่แต่เวเนซุเอลาเท่านั้น รัฐบาลของเรายังเตรียมที่จะสนับสนุนประชาชนชาวนิคารากัว และคิวบา ให้ลุกขึ้นมาต่อต้านระบอบปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย (Non-Democratic Regime) เป็นรายต่อไป...” เช่นเดียวกับที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว “นายจอห์น โบลตัน” ที่ลงทุน “ทวีต” ถึงประธานาธิบดีนิคารากัวไว้เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมาว่า “ประธานาธิบดี แดเนียล ออร์เตกา (Daniel Ortega) เวลาของคุณกำลังจะหมดแล้ว และอีกไม่นานชาวนิคารากัวจะเป็นอิสระ...” คือขนาดกระทืบเวเนซุเอลายังไม่แล้วเสร็จ ยังกระเหี้ยนกระหือรือคิดตามไปกระทืบนิคารากัว และคิวบา ซะอีกด้วยต่างหาก...

ดังนั้น...แม้จะรวบรวมสมัครพรรคพวกบริวารมาหนุนหลัง “ประธานาธิบดีหุ่น” ของตัวเอง ได้ถึง 40-50 ประเทศ แต่ในแง่ “ความชอบธรรม” แล้ว ออกจะเป็นอะไรที่โฉ่งๆ ฉ่างๆ น่าเกลียด น่าทุเรศ อย่างเห็นได้ชัดกระทั่งตัว “นายกุยโด” เอง ก็ดูจะไม่ได้คิดสร้างความชอบธรรมทางการเมืองให้ตัวเองมากมายสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะหลังการจัดฉาก จัดนิทรรศการบริเวณชายแดนล้มเหลวลงไปแล้ว ก่อนเข้าร่วมประชุมกลุ่มประเทศละตินอเมริกาซึ่งออกไปทางขวาสุดๆ และก่อนที่จะมีกำหนดนัดพบปะกับรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ “นายไมค์ เพนซ์” ในวันจันทร์ที่ 25 ก.พ. การออกมาป่าวประกาศด้วยถ้อยคำที่ว่า “เราจำเป็นต้องใช้ทุกทางเลือกที่มี...เพื่อให้ได้มาซึ่งเสรีภาพต่อประเทศของเรา” จึงแทบไม่ได้ต่างอะไรไปจากการ “ชักศึกเข้าบ้าน” หรือการเรียกร้องให้ “ทหารต่างชาติ” เข้ามาเข่นฆ่าทหารและประชาชนชาวเวเนซุเอลา แบบตรงไป-ตรงมานั่นเอง...

ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าเหตุการณ์ในเวเนซุเอลานับจากนี้ ใครจะแพ้-ใครจะชนะ ในยกต่อไป สิ่งที่ผู้สื่อข่าวอิสระและนักคิด นักเขียน อย่าง “นายMax Blumenthal” ผู้ลงทุนเข้าไป “ทัวร์ซูเปอร์มาร์เกต” ในกรุงคาราคัส และยังพอเห็นข้าวปลาอาหารเหลืออยู่บานเบอะ ไม่ได้ถึงกับลำบากยากแค้น ดังที่ “สื่อตะวันตก” โหมประโคมเอาไว้แต่อย่างใด ได้สรุปถึงอารมณ์ ความรู้สึกของชาวเวเนซุเอลาโดยส่วนใหญ่ประมาณว่า... “จริงๆ แล้วชาวเวเนซุเอลาก็ไม่ได้คิดสนับสนุนนายมาดูโรมากมายสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ต้องการที่จะเห็นเอกราชและอธิปไตยของประเทศถูกย่ำยีอย่างน่าอเนจอนาถ น่าเวทนา เกินไปกว่านี้...” ก็น่าจะเป็นข้อสรุปที่ออกจะมี “น้ำหนัก” มิใช่น้อย...
กำลังโหลดความคิดเห็น