xs
xsm
sm
md
lg

โพลชู"ลุงตู่"ยังนำ รอกกต.ไฟเขียวดีเบต-หาเสียง ร้อง"ธนาธร" มั่วประวัติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


โพลชี้ "ลุงตู่" ยังนำโด่ง เก้าอี้นายกฯ แต่การเลือก ส.ส.พรรคเพื่อไทยคะแนนนำ ด้าน "พปชร." รอ กกต.ไฟเขียว ได้เห็นลุงตู่ช่วยตระเวนหาเสียง ขึ้นเวทีดีเบตแน่ "มาร์ค" กวักมือเรียกมาดีเบต อยากรู้นโยบายข้าวของ "พปชร." ทำไมคล้ายจำนำข้าวของ พท. ขณะที่โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ชี้ประชาชนต้องการความกระจ่าง ปม 250 ส.ว.เลือกนายกฯได้ "จาตุรนต์" ย้ำประชาชน อยากเห็น"บิ๊กตู่" ดีเบตในสถานการณ์ที่มีคู่แข่ง เพราะที่ผ่านมาพูดคนเดียวตลอด ด้าน "ศรีสุวรรณ" ร้อง กกต. ตรวจสอบ"ธนาธร" อุปโลกน์ประวัติ ประธานสภาอุตฯ เข้าข่ายผิด ม.73 (5) พ.ร.ป.เลือกตั้ง ชี้อัตราโทษสูงสุด คุก 10 ปี ปรับ 2 แสน เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
กรุงเทพโพล โดยศูนย์วิจัย ม.กรุงเทพ เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง" นับถอยหลัง 28 วัน สู่การเลือกตั้ง" โดยเก็บข้อมูลจากประชาชน ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,506 คน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 95.6 ตั้งใจว่าจะไปเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 24 มี.ค. 62 ที่จะถึงนี้ มีเพียง ร้อยละ 2.1 ที่ตั้งใจว่า จะไม่ไป ส่วนที่เหลือร้อยละ 2.3 ยังไม่แน่ใจ
เมื่อถามถึง สโลแกนนโยบายพรรคการเมือง ที่เห็น หรือได้ยิน แล้วสนใจมากที่สุด คือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส (พรรคเพื่อไทย) คิดเป็นร้อยละ 37.4 รองลงมาคือ นโยบายแก้จน สร้างคน สร้างชาติ (พรรคประชาธิปัตย์ ) คิดเป็นร้อยละ 34.1 อันดับ3 ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน เพื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชน (พรรคภูมิใจไทย) คิด เป็นร้อยละ 23.1 อันดับ 4 นโยบาย 7:7:7 สวัสดิการ สังคม เศรษฐกิจประชารัฐ (พรรคพลังประชารัฐ) ได้ร้อยละ 21.5
เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ท่านตั้งใจจะเลือกผู้สมัครจากพรรคใด มาบริหารประเทศ พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 11.7 ตั้งใจจะเลือกพรรคเพื่อไทย (เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อน ร้อยละ 2.4) รองลงมา ร้อยละ 10.6 ตั้งใจจะเลือกพรรคปชป. (เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3) และร้อยละ 10.2 ตั้งใจจะเลือกพรรคพลังประชารัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2) ขณะที่ส่วนใหญ่ ร้อยละ51.7 ยังไม่ตัดสินใจ (ลดลงร้อยละ 14.5)
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ จะสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 15.1 จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1) รองลงมา ร้อยละ 11.0 สนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9) และ ร้อยละ 9.0 จะสนับสนุน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4) ขณะที่ ร้อยละ 47.2 ยังไม่ตัดสินใจ ( ลดลงร้อยละ 12.2)
รอกกต.ไฟเขียว"บิ๊กตู่"ดีเบต-หาเสียงได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. ออกมาระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี ในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สามารถ ร่วมดีเบต หรือประชันนโยบายกับพรรคการเมืองต่างๆ ที่ กกต. เป็นผู้ดำเนินการจัดขึ้นได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม
ล่าสุด ทางฝ่ายกฎหมายของพรรคพปชร. ได้ทำหนังสือหารือมายังกกต. เพื่อขอความชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถช่วยหาเสียง และขึ้นเวทีดีเบต ได้หรือไม่ ซึ่ง กกต. จะหารือร่วมกัน ในวันนี้ (25ก.พ.) เพื่อพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อนประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ มีความแตกต่างจาก แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค หรือ ที่ปรึกษาพรรค และยังเป็น ข้าราชการ ซึ่งกฎหมาย ระบุว่า ข้าราชการ ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง โดย กกต.น่าจะมีข้อสรุปทั้งหมดในวันนี้
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพปชร. กล่าวว่า ขณธนี้ทางพรรคยังรอคำตอบที่เป็นทางการจากกกต. ว่าพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะแคนดิเดต นายกฯ ของพรรค สามารถทำอะไรได้บ้าง ที่ไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย ทั้งเรื่องของการขึ้นเวทีดีเบต และลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียง รวมทั้งต้องรอปรึกษาทีมกฎหมายก่อน เพื่อให้เกิดความชัดเจน
" มั่นใจว่าไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย จากนั้นก็จะขอตารางเวลา พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อเดินหน้าทันที เพราะขณะนี้พรรคการเมืองอื่น ถือว่าได้เปรียบที่แคนดิเดต นายกฯ ของแต่ละพรรคสามารถลงพื้นที่ พบปะกับประชาชนได้ และจากการลงพื้นที่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มั่นใจว่า พรรคพลังประชารัฐ จะได้ที่นั่งไม่ต่ำกว่า 150 ที่นั่ง แม้ผลโพลจะเคยระบุว่า แคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ เป็นอันดับหนึ่ง แต่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลก็ตาม เพราะยังมีเวลาเหลืออีก 30วัน โดยจะเดินหน้าลงพื้นที่ พบปะประชาชน เพื่อขอคะแนน พร้อมมั่นใจ จะชนะคู่แข่งแบบทิ้งห่าง หลายช่วงตัว" โฆษกพรรคพปชร.กล่าว
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า ถ้ากกต.ไฟเขียวมาว่าจะไม่เกิดข้อร้องเรียนในภายหลัง หากจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ มาประชันนโยบาย ตนเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะได้มีโอกาสในการขึ้นเวทีดีเบต อย่างแน่นอน
"มาร์ค" อยากฟังเรื่องข้าวจากปาก"บิ๊กตู่"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี กกต. จะหาข้อสรุป ในการจัดดีเบต พรรคการเมือง ในวันนี้(25 ก.พ.) โดยเฉพาะในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะสามารถขึ้นเวที ดีเบต กับพรรคการเมืองได้หรือไม่ ว่า ตนยังไม่เห็นเหตุผลว่า ทำไมพล.อ.ประยุทธ์ จะดีเบตไม่ได้ เพราะป้ายหาเสียง ก็ขึ้นรูปคู่กับผู้สมัครส.ส. ของพรรคพปชร. อยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องดีที่ กกต. จะทำให้เกิดความชัดเจน เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย และปฏิบัติให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ตามหลักการแล้วเมื่ออาสาเข้ามาทำงานให้กับประชาชน ก็ต้องพร้อมที่จะเข้ามาสู่กระบวนการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ส่งเสริมประชาธิปไตย ร่วมกัน
" กฎหมาย ระบุว่าข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นข้าราชการการเมือง ดังนั้น เมื่อตัดสินใจเล่นการเมืองแล้ว ก็อยากให้แข่งขันกับคนอื่นอย่างเป็นธรรม ต้องไม่อยู่บนเวที ที่สื่อสารฝ่ายเดียว และเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ที่มีสิทธิ์จะรู้ว่า แต่ละฝ่ายมีความคิดความอ่าน อย่างไร สามารถให้มีการท้วงติง เปรียบเทียบได้ ไม่ใช่เป็นผลประโยชน์ของผู้สมัครด้วยกัน แต่เป็นผลประโยชน์ของประชาชน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึง กรณีพรรคพปชร. เสนอนโยบายข้าว ที่มีลักษณะคล้ายกับโครงการรับจำนำข้าว ของพรรคเพื่อไทย ว่า อ่านดูแล้วเห็นว่า เป็นโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งตนแปลกใจมาก ไม่คิดว่า พรรคพปชร. จะกล้าเสนอ เพราะบริหารบ้านเมืองมาหลายปี และทราบอยู่แล้วว่าความเสียหายจากการจำนำข้าวเป็นอย่างไร แต่กลับกล้าที่จะเสนอนโยบายจำนำข้าวอีก แม้ไม่ใช้คำว่า"จำนำ" หรือ"รับซื้อ" แต่ก็พูดในทำนองให้กู้ไม่มีดอกเบี้ย แล้วไม่ต้องเอามาคืนก็ได้ จึงไม่ต่างกับการจำนำข้าว ในขณะที่ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยเอง ยังยอมรับว่า จะไม่ทำอีก
"ประเด็นอย่างนี้ ผมคิดว่าถ้าพล.อ.ประยุทธ์ มาร่วมดีเบตก็ต้องมาสนทนากัน เพราะเคยวิจารณ์หลายเรื่อง เกี่ยวกับนโยบาย ในช่วง- 4-5 ปีที่ผ่านมา แต่วันนี้กับกลายเป็นว่า พร้อมจะไปผลักดันนโยบายเหล่านั้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะกลายเป็นลักษณะ "เพื่อไทยคิด พลังประชารัฐทำ" หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าถ้าเป็นเช่นนั้น ประเทศชาติก็เสียหาย
อนาคตใหม่รอ"บิ๊กตู่"ดีเบตปัญหาศก.
น.ส.พรรรณิการ์ วาณิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึง กรณี กกต. ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) สามารถร่วมวงดีเบต โดยไม่ขัดต่อข้ากฎหมายว่า สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ ตอนนี้มีความได้เปรียบกว่านักการเมืองคนอื่นทั้งหมด ทั้งในฐานะหัวหน้าคสช. ที่มี ม. 44 อยู่ในมือ ฐานะนายกฯ ที่อยู่ในรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มช่วงก่อนการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี การที่ไม่ออกมาร่วมดีเบต กับนักการเมืองคนอื่นๆ อาจทำให้ประชาชนยังไม่เห็นความชัดเจน และยากต่อการตัดสินใจ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ ในฐานะแคนนดิเดต นายกฯ เลย หากเจ้าตัวตัดสินใจร่วมเวทีดีเบต นอกจากจะทำให้ประชาชนเข้าใจวิสัยทัศน์มากขึ้น และทำให้ประชาชนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ยังมีโอกาสพูดเปรียบเทียบวิสัยทัศน์ กับพรรคการเมือง อื่น โดยตรง
"ตอนนี้ แม้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน จะเป็นเรื่องที่ทุกคนอยากเห็นความหวังมากที่สุด แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ในกรณีของพล.อ.ประยุทธ์ นั้น ประชาชน ต้องการคำอธิบาย กรณีความชัดเจนของ ส.ว. 250 คน ที่เข้าไปนั่งรอเลือกนายกฯ อยู่ในสภาแล้วมากที่สุด เพราะ ส.ว.ที่เข้ามาทั้งหมด นั้น มาจากอำนาจคสช.ทั้งสิ้น และยิ่งเป็นโค้งสุดท้ายช่วงก่อนการเลือกตั้ง เชื่อว่าเสียงเรียกร้องเหล่านี้ จะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง" โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าว
อ้างประชาชนอยากฟัง"บิ๊กตู่" ดีเบต
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) กล่าวถึงกรณี กกต. จัดประชันนโยบายให้กับ 54 พรรคการเมือง โดยมีการจับสลาก เลือกคำถาม และจับคู่พิจารณาจากจำนวนการส่งผู้สมัครของพรรคการเมืองว่า การจัดดีเบตโดยกกต. ที่ผ่านมาไม่เคยประสบความสำเร็จ และไม่มีประโยชน์ เพราะไม่มีคนฟัง ยกเว้นแค่ผู้สนับสนุน จึงเห็นว่าเวทีดีเบต ควรจัดแบบเสรี เพราะมีสื่อจำนวนมาก แต่ก็ยังขาดความน่าสนใจ เพราะ พล.อ.ประยุท์ จันทร์โอชา ไม่ไปร่วมดีเบต ซึ่งประชาชนอยากเห็นการตอบคำถาม เมื่อถูกซักถาม และจะได้รู้ว่า เมื่อมีคู่แข่งจริงๆ จะพูดอย่างไร เพราะที่ผ่านมาพูดคนเดียวมาโดยตลอด
ร้องกกต.สอบ"ธนาธร"มั่วประวัติ
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ว่า ตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไปในเว็บไซด์ ของพรรคอนาคตใหม่ ที่อุปโลกน์ประวัติของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่า มีประวัติเป็น ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระหว่างปี 51-55 โดยข้อมูลดังกล่าว มีการเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของพรรคฯ มานานกว่า 5 เดือน จนประชาชนออกมาท้วงติง และสื่อมวลชน นำมาเผยแพร่ เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไป ซึ่งต่อมาได้มีการลบแก้ไขไปแล้วนั้น เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่มีพ.ร.ฎ. เลือกตั้งแล้ว จึงถือได้ว่าเป็นความผิดสำเร็จ และเชื่อว่าอาจเป็นการจงใจ หรือเจตนาที่จะหลอกลวงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง อันเข้าข่าย ข้อห้ามตาม มาตรา 73 (5) ของ พ.ร.ป.การเลือกตั้ง 2561 ที่บัญญัติ ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งผู้ฝ่าฝืน อาจมีความผิดตาม มาตรา 159 ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาท ถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และศาลจะสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของผู้นั้น มีกําหนด 20 ปีด้วย
"กรณีดังกล่าว มีกูรู ทั้งตัวจริงและตัวปลอม ออกมาให้ความเห็นมากมาย แต่ไม่มีใครกล้าที่จะการันตีได้ว่า เหตุดังกล่าว นายธนาธร หรือ พรรคอนาคตใหม่ มีเจตนาหลอกลวงหรือไม่ อย่างไร เพราะต้องดูบริบท และองค์ประกอบหลายๆ เหตุปัจจัยมาประกอบ โดยผู้ที่จะต้องทำหน้าที่สืบสวน ไต่สวน รวมรวบพยานหลักฐานได้ตามกฎหมาย ดีที่สุดคือ กกต. เพื่อจักต้องดำเนินการทำสำนวนส่งฟ้องศาลฯ เพื่อวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานทางคดีต่อไป ตามอำนาจหน้าที่" นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ ระบุว่า ตนเองจะนำความ พร้อมพยานหลักฐาน ไปยื่นคำร้องต่อกกต. ให้ดำเนินการสืบสวน ไต่สวน เพื่อดำเนินการตามครรลองของกฎหมาย ในวันนี้ ( 25 ก.พ.) เวลา 10.00 น. เพื่อยื่นให้ กกต. ตรวจสอบ พร้อมกับกรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อ 18 ก.พ. 62 ด้วยข้อความในลักษณะใส่ร้าย ด้วยความเท็จหรือไม่ ด้วยว่า "รัฐจากส่วนกลางจับมือกับสื่อมวลชนบางกลุ่มผลิตสื่อเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้คนอีสาน เป็นคนตลก ไม่มีความรู้..." อันมีความผิดตาม มาตรา 73 (5) ของพ.ร.ป.การเลือกตั้ง ด้วยเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น