ณ บ้านพระอาทิตย์
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
ตามที่พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2562 นั้นทำให้มีประชาชนเกิดความสงสัยและตั้งคำถามมากมายหลายประการ จึงขอรวบรวมสรุปประเด็นที่มีการสอบถามเกี่ยวกับกัญชาดังต่อไปนี้
คำถามที่ 1 กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายแล้วหรือไม่?
ตอบคำถามที่ 1 กัญชายังคงเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 อยู่เหมือนเดิม แต่อนุญาตให้ปลูก ผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก ครอบครอง หรือนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น โดยในช่วงเวลา 5 ปี รัฐจะต้องเป็นผู้ดำเนินการเอง หรือถ้าเป็นเอกชนจะต้องร่วมกับหน่วยงานของรัฐเท่านั้น
หมายความว่ากัญชานำมาปลูกเอง ครอบครองมีไว้ ใช้เอง หรือให้คนไข้เองตามอำเภอใจยังไม่ได้ ต้องได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น โดยถ้าใครมี “ครอบครอง”ไว้เพื่อจำหน่ายไม่ถึง 10 กิโลกรัม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท แต่ถ้าครอบครอง 10 กิโลกรัมขึ้นไปให้ถือว่ามี “ครอบครองไว้เพื่อจำหน่าย” ต้องระวางโทษตั้งแต่ 1-15 ปี และปรับตั้งแต่ 1 แสน ถึง 1.5 ล้านบาท
แต่ถ้ามีการฝ่าฝืน ปลูก ผลิต นำเข้า ส่งออกโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท แต่ถ้ามีการ “ปลูก ผลิต นำเข้า หรือส่งออก เพื่อจำหน่าย”โดยไม่ได้รับอนุญาต ระวางโทษหนักสุดเช่นกัน คือ จำคุก 1-15 ปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึง 1.5 ล้านบาท
ส่วนกัญชง (Hemp) แม้จะไม่ได้อยู่ในยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แล้ว แต่ก็ต้องมีการอนุญาตและให้ใบอนุญาตตามกฎกระทรวง โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการฯเช่นกัน
ส่วน “กระท่อม”นั้นก็ยังถือเป็นพืชเสพติดประเภทที่ 5 ต่อไป เพียงแต่ว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามกฎหมาย สามารถมีมติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ (ที่จะกล่าวถึงต่อไป)ประกาศให้ท้องที่ซึ่งทำการเสพกระท่อมได้โดยไม่เป็นความผิด และกรณีเป็นพืชกระท่อม การฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวกับกระท่อมในกรณีปลูก ผลิต นำเข้า หรือกระท่อมจะไม่มีโทษจำคุก แต่จะมีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หากมีการบริโภคโดยไม่ใช่ตามคำสั่งทางการแพทย์ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 พันบาท
แต่กระท่อมถ้ามีครอบครองไว้เพื่อ “จำหน่าย” ไม่เกิน 10 กิโลกรัม มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้ามีไว้เกิน 10 กิโลกรัมให้ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท
คำถามที่ 2 ใครเป็นผู้มีอำนาจในการให้ใบอนุญาตในการปลูก ผลิตเป็นยา ขาย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองกัญชา?
ตอบคำถามที่ 2 คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษในกรณีกัญชา20-27 คน เป็นผู้ให้ความเห็นชอบต่อรัฐมนตรี ประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายยาเสพติดให้โทษฉบับเดิม ส่วนที่สองคือคณะกรรมการเพิ่มเติมเฉพาะในวาระที่จะมีการพิจารณาในส่วนของกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์
โดยในส่วนแรก คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายเดิม 12-19 คน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานกรรมการ, อธิบดีกรมการแพทย์หรือผู้แทน, อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์หรือผู้แทน, อธิบดีกรมอนามัยหรือผู้แทน, ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือผู้แทน, อธิบดีกรมอัยการหรือผู้แทน, อธิบดีกรมศุลกากรหรือผู้แทน, เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือผู้แทน, เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือผู้แทน, ผู้แทนกระทรวงกลาโหม, ผู้ทรงคุณวุฒิอื่นไม่เกิน 7 คนที่รัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ, เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเป็นกรรมการและเลขานุการ, หัวหน้ากองควบคุมวัตถุเสพติดเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ส่วนที่สอง คือโดยในวาระการพิจารณาการอนุญาตที่เกี่ยวกับกัญชาให้เพิ่มองค์ประกอบของคณะกรรมการอีก 9 คน คือ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก, อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม, อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, อธิบดีกรมสุขภาพจิต, นายกแพทยสภา, นายกสภาการแพทย์แผนไทย, นายกสภาเภสัชกรรม
คำถามที่ 3 ใครมีสิทธิขอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก ในช่วง 5 ปีนับจากกฎหมายบังคับใช้ ?
ตอบคำถามที่ 3 โดยสรุปคือในช่วง 5 ปีนับจากนี้ หน่วยงานของรัฐที่มีภารกิจเฉพาะเจาะจงจะเป็นผู้ขออนุญาตดำเนินการทั้งหมดทั้งการปลูก ผลิต นำเข้า ส่งออก โดยต้องขออนุญาตและด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด 20-27 คน โดยหน่วยงานของรัฐดังกล่าว ได้แก่ มหาวิทยาลัยของรัฐบาลหลายแห่งที่มีการเรียนการสอนด้านการแพทย์ เภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เกษตรศาสตร์ หรือหน่วยงานของรัฐที่ให้บริการทางการแพทย์ (เช่น โรงพยาบาลภาครัฐ) เภสัชกรรม (เช่น องค์การเภสัชกรรม) การเกษตรเพื่อการแพทย์ หน่วยงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้โทษ และ สภากาชาดไทย
หรือถ้าจะเป็นผู้ประกอบวิชชาชีพที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์ 7 ประเภทได้แก่ เวชกรรม เภสัชกรรม ทันตกรรม สัตว์แพทย์ชั้นหนึ่ง แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้านว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือ มหาวิทยาลัยเอกชนที่มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์ (เช่น มหาวิทยาลัยรังสิต) หรือ เกษตรกรที่รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมาย หรือที่รัฐมนตรีอนุญาต จะขออนุญาตต่อคณะกรรมการก็ได้แต่ก็ต้องร่วมกับหน่วยงานกับหน่วยงานของรัฐตามที่ได้กล่าวมาแล้วเท่านั้น
คำถามที่ 4 แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้าน ที่ต้องนำกัญชามาเข้าตำรับจะดำเนินการอย่างไร?
ตอบคำถามที่ 4 แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้าน จะปลูกเองไม่ได้ แต่สามารถนำกัญชามาปรุงยาตามตำรับแพทย์แผนไทยได้ แต่จะต้องนำกัญชามาจากหน่วยงานอื่นซึ่งปลูกแล้วนำมาเข้าตำรับยา เช่น นำมาจากหรือเข้าร่วมกับวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายที่ร่วมกับภาครัฐที่ทำตามกฎเกณฑ์ แล้วนำมาปรุงยาสำหรับคนไข้เฉพาะรายซึ่งแพทย์กลุ่มนี้เป็นผู้ให้การรักษา
คำถามที่ 5 แพทย์ ผู้ป่วย หรือ ญาติผู้ป่วย ซึ่งแอบครอบครองกัญชา หรือมีน้ำมันกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ หรือรักษาอาการเจ็บป่วย อยู่ในขณะนี้ จะทำอย่างไร?
ตอบคำถามที่ 5 ถ้ามีการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การรักษาผู้ป่วย การรักษาโรคเฉพาะตัว หรือการวิจัยก่อนวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2562 “ไม่ต้องรับโทษ” ถ้าดำเนินการดังต่อไปนี้ภายใน 90 วัน คือ
1. ยื่นคำขอรับใบอนุญาตต่อเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เฉพาะกรณีที่เป็นผู้มีคุณสมบัติคือ มหาวิทยาลัยของรัฐที่มีการเรียนการสอนหรือการวิจัยทางการแพทย์ เภสัชกรรม วิทยาศาสตร์ หรือการเกษตร, หน่วยงานของรัฐที่ให้บริการทางการแพทย์ หรือเภสัชกรรม, ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ เวชกรรม เภสัชกรรม ทันตกรรม สัตวแพทย์ชั้นหนึ่ง แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้าน, มหาวิทยาลัยเอกชนที่ศึกษาวิจัยและการจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับแพทย์หรือเภสัชศาสตร์, ผู้ประกอบวิชาชีพเกษตรกรรมที่รวมกันเป็นวิสาหกิจชุมชนแต่ต้องดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวกับการแพทย์ หรือมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีคณะแพทย์ศาสตร์หรือเภสัชศาสตร์, ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะระหว่างประเทศ, ผู้ป่วยเดินทางระหว่างประเทศ, ผู้ขออนุญาตอื่นที่รัฐมนตรีกำหนด ทั้งนี้ผู้ขออนุญาตจะต้องเป็นบุคคลมีสัญชาติไทย หรือถ้าเป็นนิติบุคคลจะต้องมี กรรมการ และการ ถือหุ้นเป็นสัญชาติไทยอย่างน้อย 2 ใน 3
เมื่อยื่นคำขอต่อเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว ให้สามารถครอบครองกัญชาต่อไปได้จนกว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จ แต่กรณีที่ยื่นคำขอแล้วไม่ได้รับอนุญาต ให้กัญชาหรือสารสกัดกัญชานั้นเป็นของกระทรวงสาธารณสุข หรือทำลาย ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ (20-27 คน)
2.หากไม่ได้เป็นผู้มีคุณสมบัติข้างต้น แต่เป็นผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้กัญชา ก็ต้องแจ้งต่อเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาภายใน 90 วันนับแต่วันที่กฎหมายฉบับนี้บังคับใช้เช่นกัน แต่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ
แต่ถ้าไม่ใช่ 2 กลุ่มดังกล่าวข้างต้น ก็จะไม่ได้รับอนุญาต และให้ทำลายกัญชาทั้งหมดไป ยกเว้นเป็นผู้ขออนุญาตอื่นที่รัฐมนตรีกำหนดขึ้น
คำถามที่ 6 ผู้ป่วยที่จะใช้กัญชาเพื่อการแพทย์นั้นจะต้องมีเงื่อนไขอย่างไร?
ตอบคำถามที่ 6 ผู้ป่วยสามารถใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ โดยจะต้องเป็นการรักษาโรคตาม “คำสั่ง” ของผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ 5 ประเภท คือ เวชกรรม ทันตกรรม แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ที่ได้รับอนุญาต หรือเป็นการใช้เพื่อศึกษาวิจัย ทั้งนี้จะต้องเป็นตำรับยาที่ให้ใช้ได้ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดเท่านั้น หากมีการฝ่าฝืนในการใช้เสพหรือใช้โดยไม่ดำเนินการตามที่กำหนด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
คำถามที่ 7 วิสาหกิจชุมชนที่จะปลูกกัญชาร่วมกับรัฐคืออะไร และต้องทำอย่างไร?
ตอบคำถามที่ 7 ต้องดำเนินการตามกฎหมายอีกฉบับหนึ่งชื่อ พระราชบัญญัติ ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 โดยมีประกาศคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน กำหนดคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ของวิสาหกิจชุมชน โดยจะต้องประกอบด้วยสมาชิกที่อยู่ร่วมกันในชุมชนไม่น้อยกว่า 7 คน โดยบุคคลดังกล่าวจะต้องไม่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน แล้วขอจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชุนที่กรมส่งเสริมการเกษตร ตามเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้เป็นระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ว่าด้วยการรับจดทะเบียนและการเพิกถอนทะเบียนวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548
คำถามที่ 8 โฆษณาผลิตภัณฑ์กัญชาหรือกระท่อมต่อประชาชน หรือผ่านโซเชียลมีเดียได้หรือไม่?
ตอบคำถามที่ 8 โฆษณาต่อประชาชนทั่วไปโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย ยกเว้นเป็นการโฆษณาที่กระทำโดยตรงต่อ “ผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์ 7 ประเภท” ได้แก่ เวชกรรม ทันตกรรม เภสัชกรรม สัตวแพทย์ชั้นหนึ่ง แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้าน
หรือหากเป็นฉลาก หีบห่อ เอกสาร ภาพ ภาพยนตร์ ต้องได้รับอนุญาตก่อนซึ่งต้องเป็นไปตามรายละเอียดของกฎกระทรวง
คำถามที่ 9 การปลูกกัญชา หรือผลิตสารสกัดจากกัญชาจะต้องปฏิบัติอะไร ในเงื่อนไขอะไรบ้าง?
ตอบคำถามที่ 9 แม้ในในระยะ 5 ปีแรกจะต้องร่วมกับหน่วยงานของรัฐเท่านั้น แต่ก็มีการดำเนินการหลายอย่างให้เป็นไปตามกฎกระทรวงด้วย โดยจะต้องมีการจัดให้มีป้ายที่เปิดเผยได้ง่ายว่าเป็นสถานที่ปลูกหรือผลิต โดยลักษณะของป้ายและข้อความที่แสดงต้องเป็นไปตามที่กฎกระทรวงกำหนด, จัดให้มีการวิเคราะห์กัญชาที่ผลิตขึ้นก่อนนำออกจากสถานที่ ซึ่งจะต้องมีหลักฐานแสดงรายละเอียดซึ่งต้องเก็บรักษาไว้ตามที่กฎกระทรวงกำหนด, จัดให้มีฉลากและเอกสารกำกับกัญชาหรือคำเตือนหรือข้อควรระวังการใช้ที่ภาชนะ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา, จัดให้มีการแยกเก็บกัญชาเป็นสัดส่วนจากยาหรือวัตถุอื่น และเก็บในที่ซึ่งมั่นคงแข็งแรงและมีกุญแจใส่ไว้ หรือเครื่องป้องกันอย่างอื่นที่มีสภาพเท่าเทียมกัน, ในกรณีที่ถูกขโมย สูญหาย หรือถูกทำลาย ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้อนุญาตทราบโดยทันที, และต้องปฏิบัติการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
และยังจะต้องทำบัญชีรับจ่ายเสนอรายงานต่อเลขาธิการเป็นรายเดือนและรายปี โดยบัญชีดังกล่าวให้เก็บรักษาไว้และพร้อมที่จะแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทุกเวลาในขณะเปิดทำการ ภายใน 5 ปีนับแต่วันที่ลงรายการครั้งสุดท้ายในบัญชี
คำถามที่ 10 การ “นำเข้าหรือส่งออก” กัญชาจะต้องปฏิบัติอะไร? ในเงื่อนไขอะไรบ้าง?
ตอบคำถามที่ 10 แม้ในในระยะ 5 ปีแรกจะต้องร่วมกับหน่วยงานของรัฐ จัดให้มีป้ายที่เปิดเผยให้เห็นได้ง่ายว่าเป็นสถานที่ทำการที่แสดงว่าเป็นสถานที่นำเข้าหรือส่งออกกัญชาหรือกระท่อม โดยลักษณะและขนาดของป้ายและข้อความที่แสดงต้องเป็นไปตามที่กฎกระทรวงกำหนด, จะต้องจัดให้มีใบรับรองของผู้ผลิตแหล่งเดิม แสดงรายละเอียดผลการวิเคราะห์คุณภาพกัญชาที่นำเข้าหรือส่งออก, จัดให้มีฉลากและเอกสารกำกับกัญชาหรือสารสกัดกัญชา คือคำเตือนหรือข้อควรระวังในการใช้ภาชนะ หรือ หีบห่อบรรจุกัญชาที่นำเข้าหรือส่งออก โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา, จัดให้มีการแยกเก็บกัญชาเป็นสัดส่วนจากยาหรือวัตถุอย่างอื่น, เก็บในที่ซึ่งมั่นคงแข็งแรงและมีกุญแจใส่ไว้ หรือเครื่องป้องกันอย่างอื่นที่มีสภาพเท่าเทียมกัน, ในกรณีถูกขโมย สูญหาย หรือถูกทำลายต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้อนุญาตทราบโดยทันที, และปฏิบัติการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
และยังจะต้องทำบัญชีรับจ่ายเสนอรายงานต่อเลขาธิการเป็นรายเดือนและรายปี โดยบัญชีดังกล่าวให้เก็บรักษาไว้และพร้อมที่จะแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทุกเวลาในขณะเปิดทำการ ภายใน 5 ปีนับแต่วันที่ลงรายการครั้งสุดท้ายในบัญชี
คำถามที่ 11 สำหรับผู้ที่จะ “จำหน่าย” หรือ “ครอบครอง”กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์จะต้องดำเนินการอะไรบ้าง?
ตอบคำถามที่ 11 จะต้องจัดให้มีการแยกเก็บกัญชาเป็นสัดส่วนจากวัตถุอื่น และเก็บในที่ซึ่งมั่นคงแข็งแรงและมีกุญแจไว้ หรือเครื่องป้องกันอย่างอื่นที่มีสภาพเท่าเทียมกัน, ดูแลให้มีฉลากและเอกสารกำกับยาเสพติดให้โทษทั้งกัญชาและกระท่อม หรือคำเตือนหรือข้อควรระวังการใช้ที่ภาชนะ หรือหีบห่อบรรจุกัญชา กระท่อม มิให้ชำรุดบกพร่อง, โดยในกรณีถูกขโมย สูญหาย หรือถูกทำลาย ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้อนุญาตทราบโดยทันที และจะต้องปฏิบัติอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
และยังจะต้องทำบัญชีรับจ่ายเสนอรายงานต่อเลขาธิการเป็นรายเดือนและรายปี โดยบัญชีดังกล่าวให้เก็บรักษาไว้และพร้อมที่จะแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทุกเวลาในขณะเปิดทำการ ภายใน 5 ปีนับแต่วันที่ลงรายการครั้งสุดท้ายในบัญชี
คำถามที่ 12 เมื่อกฎหมายยาเสพติดให้โทษ ประกาศบังคับใช้แล้ว การยกเลิก 7 สิทธิบัตรสารสกัดกัญชา ของบริษัท โอซูกะ ฟาร์มาซูติคอล จำกัด กับ บริษัท จีดับเบิลยู ฟาร์มา จำกัด ซึ่งอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ประกาศยกเลิกโดยอ้างคำสั่ง คสช. ที่ 1/2562 จะมีผลอย่างไร?
ตอบคำถามที่ 12 เนื่องจากคำสั่งคสช.ที่ 1/2562 ในข้อ 4 กำหนดว่าเมื่อ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับใหม่ประกาศเมื่อใด การกำหนดเหตุผลการเพิกถอนสิทธิบัตรกัญชาเพื่อการพาณิชย์ ด้วยเหตุผลว่ากัญชาจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 9 (5) เพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดี อนามัย หรือสวัสดิภาพของประชาชน เหตุผลเหล่านี้จะต้องยกเลิกไป
ดังนั้น เมื่ออธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้เพิกถอนคำขอสิทธิบัตรกัญชาครบทั้ง 7 ฉบับเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 แต่ยังมีเวลาอุทธรณ์คำสั่งได้อีกภายในเวลา 60 วัน ดังนั้นเมื่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งยังอยู่ในช่วงเวลาอุทธรณ์ 60 วันได้ บริษัทเหล่านี้จะอุทธรณ์โดยอ้างเหตุผลว่าได้มีกฎหมายใหม่บังคับใช้แล้ว เหตุผลที่เพิกถอนสิทธบัตรกัญชาย่อมถูกยกเลิกไปด้วย ได้หรือไม่?
ถ้าสุดท้ายสิทธิบัตรกัญชาเหล่านี้สามารถอุทธรณ์กลับสถานภาพเดิมได้ ส่วนหนึ่งต้องถือความรับผิดชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติบางคนที่ตระบัดสัตย์ต่อภาคประชาสังคมว่า จะยกเลิกสิทธิบัตรกัญชาให้เสร็จสิ้นก่อน แล้วจึงจะดำเนินการเสนอกฎหมายทูลเกล้าฯเพื่อบังคับใช้ต่อไปภายหลัง กลับกลายเป็นการสลับขั้นตอนผิดสัญญา โดยทูลเกล้าฯกฎหมายก่อนแล้วมายกเลิกสิทธิบัตรตามหลัง อันเป็นการเปิดช่องให้ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิบัตรมีเวลาสามารถที่จะอุทธรณ์โดยใช้เงื่อนไขใหม่ได้ หรือไม่? ให้ประชาชนติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
และถ้าการยกเลิกสิทธิบัตรเป็นละครสำหรับการหย่อนบัตรเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 บริษัทเหล่านี้จะไม่อุทธรณ์ก่อนวันที่ 24 มีนาคม 2562 เพราะหลังเลือกตั้งยังพอมีเวลาก่อนจะถึงเวลาครบ 60 วันในการอุทธรณ์ได้
ดังนั้น จะเห็นได้ว่ากว่าที่กฎหมายฉบับดังกล่าวจะใช้ได้จริง จะต้องรอกฎกระทรวง ระเบียบปฏิบัติที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก และหน่วยงานรัฐเองซึ่งมีขั้นตอนตามระบบราชการมากก็ไม่น่าจะดำเนินการทุกอย่างได้ทันเวลาตามความต้องการของประชาชนจำนวนมากที่เฝ้ารอความหวังอยู่ ดังนั้นภาครัฐจึงควรจะ เร่งผลิต ผ่อนปรน อำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือให้สามารถนำกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์มาใช้ประโยชน์ให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะสาร CBD ซึ่งมีมากในกัญชง และการใช้กัญชาในการแพทย์แผนไทยควรจะเร่งปลดล็อกเพื่อให้นำมาใช้กับผู้ป่วยให้ได้เร็วที่สุด
ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต