“ประธาน กกต.” ไล่ “ไทยรักษาชาติ” ดูคำแถลงปมไม่ตั้ง กก.ไต่สวนคดียุบพรรค ชี้ กม.ให้อำนาจหากมีหลักฐานอันควรเชื่อ ด้านเลขา กกต.ย้ำเทียบคำร้องยุบ พปชร.ไม่ได้ "โฆษกคสช." ยันไม่มีใบสั่งเร่งรัด-เลือกปฏิบัติ "ธนาธร" ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ ชี้มีพฤติกรรมหมิ่นตาม กม. ด้าน หน.อนาคตใหม่บุกหาเสียงบุก ม.สวนดุสิต-สวนสุนันทา ลั่นไม่กลัวติดคุก “เจษฎ์” อดีตที่ปรึกษา กรธ.มองเว็บอนาคตใหม่อ้างยาก เหตุระบุข้อมูลหัวหน้าพรรคเกินจริงนาน 5 เดือน ยกข้อกฎหมายส่อหลอกลวง ผลโพลลับว่อนไลน์ผู้สมัคร “พท.-ทษช.” ระบุ 30 ที่นั่ง กทม.แชร์กันแค่ ปชป.ที่ได้ 19 ส่วน พท.คว้าไป 11 “เสี่ยไก่-วัฒนา” ร่วงที่บางแค ส่วน “ลูกเหลิม” มีลุ้นเฮ
วานนี้ (21 ก.พ.) ที่อาคารอิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่กกต.ตัดสิทธิ์ผู้สมัครส.ส.และผู้สมัครได้ยื่นร้องต่อศาลฎีกา ว่า ไม่สามารถพูดในเรื่องนี้ได้ เพราะเมื่อเข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว ไม่สามารถไปคิดอะไรล่วงหน้าหรือให้ความเห็นได้ ต้องเคารพศาล ส่วนกรณีที่กกต.ไม่ตั้งคณะกรรมการไต่สวนกรณีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคนั้น ตนขอให้ไปอ่านคำแถลงข่าวของกกต. ที่ได้เปิดเผยไปก่อนหน้านี้ ยืนยันว่ากกต.มีอำนาจพิจารณาตามมาตรา 92 ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ระบุว่า เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการไต่สวน
เมื่อถามว่า ถ้าหากศาลตัดสินให้มีการยุบพรรคไทยรักษาชาติ กกต.จะต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่ ในฐานะที่เป็นผู้รับสมัคร นายอิทธิพร กล่าวว่า การมายื่นใบสมัครเป็นการรับเรื่องไว้เฉยๆ เหมือนกับการที่ใครมาส่งจดหมายก็รับเรื่องเอาไว้ แต่ยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณา ถ้าเปรียบก็เหมือนศาลรับเรื่องเอาไว้ แต่ยังไม่ได้รับฟ้อง
**ชี้ต่างจากคำร้องยุบ พปชร.
ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องยุบพรรคพลังประชารัฐว่า ยังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการตรวจสอบตามหลักฐาน หากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีความผิดตามมาตรา 92 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง จึงจะเสนอต่อ กกต. เพื่อพิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป ทั้งนี้กรณีของพรรคไทยรักษาชาติมีหลักฐานเป็นใบสมัครแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ส่วนพรรคพลังประชารัฐ มีข้อมูลไม่มากนัก คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ได้ ทั้งนี้หลังจากที่ทางพรรคไทยรักษาชาติ ได้ยื่นชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้วนั้น ทางศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้ติดต่อขอคำชี้แจงเพิ่มเติมกับทาง กกต. แต่อย่างใด
**คสช.ยันไม่ได้จ้องเล่น “ธนาธร”
ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชี้แจงกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ระบุมีการเร่งรัดและเลือกปฏิบัติ ในคดีที่ถูกฝ่ายกฎหมาย คสช. แจ้งความต่อ บก.ปอท. กล่าวหา ตามพ.ร.บ.คอมพ์ มาตรา 14(2) กรณีไลฟ์สดวิจารณ์พลังดูด เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 61 ที่ผ่านมา พร้อมพวก นายไกลก้อง ไวทยาการ นายทะเบียนสมาชิกพรรค และน.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ กรรมการบริหารพรรค ซึ่งต้องเดินไปเข้าพบอัยการสูงสุด (อสส.) ในวันที่ 27 ก.พ.นี้ ว่า เป็นหน้าที่ของทางตำรวจ ยืนยัน คสช.ไม่ได้เร่งรัดหรือเลือกปฏิบัติ ทุกอย่างเป็นไปตามหลักการขั้นตอนปกติทั่วไปของกฎหมายปกติ ไม่ใช่กฎหมายที่มาจาก คสช.
พ.อ.วินธัย เปิดเผยด้วยว่า พฤติกรรมทางคดีของนายธนาธร นั้น เหตุเกิดขึ้นตั้งแต่ 26 มิ.ย.61 โดย นายธนาธร และผู้ร่วมรายการทั้งสามคน ได้ร่วมกันกล่าวบิดเบือนว่า " มีการดูด สส.เข้าไปพรรคใหม่ที่มีชื่อคล้ายคลึงกับนโยบายรัฐ มีการใช้คดีความเก่ามาเป็นเงื่อนไข บีบให้ ส.ส.เข้าร่วมพรรคใหม่ โดยขู่ว่าถ้าไม่เข้าร่วม จะดำเนินคดีต่างๆตามขั้นตอน
**ไม่หวั่นคุกโวคนในพรรคแทนได้
วันเดียวกัน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมทีมงานเดินทางไปหาเสียงพื้นที่เขตดุสิต บริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และชุมชนสวนอ้อย โดยมีนักศึกษา บุคคลากรมหาวิทยาลัย และผู้คนในชุมชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ นายธนาธร กล่าวถึงคดีที่ถูก คสช.แจ้งความดำเนินคดีต่อ บก.ปอท. ซึ่งอัยการเจ้าของคดีนัดวันที่ 27 ก.พ.นี้ว่า ไม่กังวล ทุกคนในพรรคทดแทนกันได้ ไม่ว่า อะไรจะเกิดขึ้นความเป็นพรรคอนาคตใหม่จะดำรงอยู่ต่อไป ส่วนกระแสตอบรับจากคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี นั้น ขอขอบคุณทุกคนมาก แต่ยืนยันว่า อนาคตใหม่ให้ความสนใจกลุ่มคนทุกช่วงวัย เวลาลงพื้นที่ต่างจังหวัดตามตลาดนัด ก็มีทั้งวัยทำงานและสูงอายุ แน่นอนเราสนใจคนรุ่นใหม่มาก เพราะ คนกลุ่มนี้พร้อมเปิดกว้างรับแนวความคิดที่ก้าวหน้าได้
**โฆษณาเกินจริงมีมูลยุบพรรค
อีกด้าน นายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษา คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่เวปไซต์พรรคอนาคตใหม่ ระบุประวัติของนายธนาธร ว่า เคยเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 2 สมัย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงเป็นประธานสภาอุตสาหกรรม จ.นครนายกและเพิ่งมาแก้ไข หลังจากที่ถูกเปิดโปง ว่า การปล่อยข้อมูลที่ผิดพลาดไว้ในเวปไซต์พรรคอนาคตใหม่นานถึง 5 เดือน ในแง่กฎหมาย อาจไม่ได้มองว่าตั้งใจหลอกลวง แต่ความเป็นพรรคที่ชูเรื่องของเทคโนโลยี และหาเสียงในโลกออนไลน์เป็นหลัก เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องก็ควรรีบแก้ไข ไม่ใช่ปล่อยทิ้งไว้นานถึง 5 เดือน ซึ่งการอ้างว่าเป็นความผิดพลาดของทีมงานแต่ทิ้งข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไว้นานขนาดนี้ก็ เป็นคำแก้ตัวที่อ้างยาก
“ความผิดดังกล่าวมีโทษถึงขั้นยุบพรรค ตามกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 73 (5) กำหนดห้ามไม่ให้ผู้สมัครจูงใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งด้วยการหลอกลวงต้องติดตามดูว่าจะมีผู้ใดไปยื่นคำร้องเรื่องนี้ต่อ กกต.หรือไม่ เรื่องนี้จึงอาจถือว่าเป็นมรสุมการเมืองลูกใหม่ของพรรคอนาคตใหม่” อดีตที่ปรึกษา กรธ.ระบุ
**เผยใครแจ้งได้สินบนนำจับด้วย
สอดคล้องกับ นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ตอนหนึ่งว่า “การกระทำความผิดตามมาตรา 73 (5) มีโทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ทั้งให้ศาลสั่งให้ผู้กระทำความผิดจ่ายสินบนนำจับไม่เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับให้แก่ผู้แจ้งความด้วย
“กรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวนายธนาธรซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ปฏิเสธความรับผิดไม่ได้ จะอ้างเจ้าหน้าของพรรคกระทำไปโดยเข้าใจผิดไม่ได้ เพราะข้อความดังกล่าวอยู่ในเวปเพจของพรรคอนาคตใหม่ถึง 5 เดือนเศษ ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ดังนั้นผู้ใดจะไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจก็สามารถกระทำได้ และมีสิทธิที่จะได้รับสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับที่ศาลสั่งปรับผู้กระทำผิดด้วย ผู้ใดอยากได้สินบนนำจับก็ไปแจ้งความได้เลย” นายชูชาติ ระบุ
** โพลหลุด ปชป.ได้ 19 เขต กทม.
รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักษาชาติกลุ่มหนึ่ง ได้ส่งข้อความทางไลน์ส่วนตัวหากัน เกี่ยวกับเอกสารซึ่งคาดว่าจะเป็นผลโพลเลือกตั้งใน กทม.ที่จัดทำเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเอกสารสรุปตัวเลขคะแนนในลักษณะของเปอร์เซ็นต์ โดยเอกสารดังกล่าวสำรวจเจาะจงเฉพาะพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ และพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่พรรคการเมืองอื่นไม่ได้ถูกระบุชื่อพรรคเอาไว้ แต่บอกเพียงเปอร์เซ็นต์ที่คาดว่าพรรคการเมืองอื่นจะได้คะแนนออกมาเท่านั้น นอกจากนี้ ยังจัดผู้สมัครส.ส.ของทั้ง 3 พรรคเป็นเกรดต่างๆ อีกด้วย โดยผลปรากฎว่า พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งส่งผู้สมัครส.ส.กทม.ครบทั้ง 30 เขตเลือกตั้งนั้น จะได้รับชัยชนะสูงถึง 19 เขต ส่วนพรรคเพื่อไทยซึ่งส่งผู้สมัคร 22 เขตนั้น จะได้รับชัยชนะ 11 เขต ขณะที่พรรคการเมืองอื่นจะไม่ได้รับการเลือกตั้งแม้แต่เขตเดียว เขตที่น่าสนใจอาทิ เขต 8 นายสรรเสริญ สมะลาภา พรรคประชาธิปัตย์ ชนะ ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง พรรคเพื่อไทย เขต 13 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ พรรคประชาธิปัตย์ ชนะ นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส พรรคเพื่อไทย เขต 26 นายวัน อยู่บำรุง พรรคเพื่อไทย บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะชนะ พ.ต.อ.สามารถ ม่วงศริ พรรคประชาธิปัตย์ และเขต 28 นางอรอนงค์ คล้ายนก พรรคประชาธิปัตย์ จะชนะ นายวัฒนา เมืองสุข พรรคเพื่อไทย เป็นต้น.