xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** "ไทยรักษาชาติ" ส่อเค้าถูก กกต. ส่งศาลรธน.พิจารณายุบพรรค หากถึงที่สุดแล้วถูกยุบจริง บรรดา "ลูกท่าน หลานเธอ" ในระบอบทักษิณ ที่ผู้ใหญ่ "จัดให้" นั่งกรรมการบริหารพรรค อาจถูก "ประหารชีวิตทางการเมือง" พ่วงคดีอาญา

ลุ้นระทึก !! เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (12ก.พ.) มีข่าวสะพัดออกมาว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา "ยุบพรรค" ไทยรักษาชาติ (ทษช.) จากกรณีเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในบัญชีของพรรค แบบ "มิบังควรเป็นอย่างยิ่ง" ... ทั้งที่เดิมมีการแจ้งว่าที่ประชุมของ กกต. จะประชุมเพื่อตั้งกรรมการขึ้นมาไต่สวน โดยดึง "คนนอก" มาร่วมเป็นกรรมการสอบด้วย แต่แล้วที่ประชุม กกต.เห็นว่า ตามมาตรา 92 ( 2) พ.ร.ป.พรรคการเมือง ใช้คำว่า "เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใดกระทำการดังกล่าว ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น " ซึ่งหลักฐาน ที่ปรากฏต่อ กกต.ในขณะนี้ ถือว่าเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้แล้ว ประกอบกับเรื่องนี้มีความสำคัญ ควรมีความชัดเจนโดยเร็ว จึงมีรายงานว่า กกต. มีมติไปแล้ว ...เมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ในขณะที่การประชุมกกต.ยังไม่จบ "อิทธิพร บุญประคอง" ประธาน กกต. ต้องออกมาเบรกในตอนค่ำ ว่าการพิจารณายังไม่จบ ถ้าจบแล้วจะแถลงให้ทราบ ...
ทั้งนี้ "ข้อหา" ที่พรรค ทษช. เจอ จนเป็นเรื่องนำมาสู่การเสนอให้ "ยุบพรรค" คือ การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรค เข้าข่ายความผิด มาตรา 92 ( 1 ) ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง คือ เป็นกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งกฎหมายมาตราดังกล่าว ได้กำหนดฐานความผิดไว้ว่า เมื่อ กกต. มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใด กระทำการ (1) ล้มล้างการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ( 2 ) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของ "คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง" นั้น...
หากถึงที่สุดแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้ "ยุบพรรค" กรรมการบริหารพรรคทษช. ทั้งหมด จะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือที่เรียกว่า "ใบดำ" เพราะกฎหมายไม่ได้เขียนระยะเวลาเอาไว้ว่า 5 ปี 10 ปี หรือนานเพียงใด... เท่านั้นยังไม่พอ กฎหมายยังกำหนดเป็นลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ รวมทั้งกรรมการองค์กรอิสระด้วย ... ดังนั้น เมื่อถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ก็เท่ากับถูก "ประหารชีวิต" ในทางการเมืองไปเลย...
ที่น่าสนใจคือ ในบรรดากรรมการบริหารพรรคทั้งหมดที่ตั้งขึ้นมา 14 คนนั้น ล้วนเป็น "ลูกท่าน หลานเธอ" และคนวงในของ "ระบอบทักษิณ" ทั้งนั้น ไล่เรียงจาก
1. หัวหน้าพรรค ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช เป็นลูกชายคนสุดท้องของ เสริมศักดิ์ กับ"เจ๊เบียบ" ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ที่อุตสาห์ปลุกปั้นให้ได้เป็น ส.ส.ขอนแก่น มา 2 สมัยแล้ว หวังว่าจะได้เติบโตในเส้นทางการเมือง เป็นที่เชิดชูของวงศ์ตระกูล
2. นายฤภพ ชินวัตร รองหัวหน้าพรรค ลูกชายคนโตของ พายัพ ชินวัตร ซึ่งก็คือ หลานชายของ ทักษิณ ชินวัตร
3. น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรค จาก จ.พิจิตร เป็นอดีต ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคเพื่อไทย และเป็นอดีต เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นคนสนิทของ "เฮียเพ้ง" พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรัฐมนตรี ทั้งในยุครัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์
4. นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ รองหัวหน้าพรรค อดีตส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน และอดีตผู้แทนการค้าไทย ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
5. นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล รองหัวหน้าพรรค เป็น "หมอเสื้อแดง" จาก จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำนักเคลื่อนไหวมวลชน กลุ่ม"คนอยากเลือกตั้ง"
6. นายรุ่งเรือง พิทยศิริ กรรมการบริหารพรรค อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีหลายกระทรวง ที่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ-การคลัง ที่ชิงลาออกก่อนที่จะมี การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรค
7. นายจุลพงศ์ โนนศรีชัย กรรมการบริหารพรรค อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างประเทศ
8. นายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรค คนนี้เป็น ลูกชายของ "ยุทธ ตู้เย็น" ยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำคนสำคัญในระบอบทักษิณ ที่ประสบความสำเร็จจากการเป็นประธานสโมสร สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด ผู้เป็นพ่อจึงหวังให้สืบทอกทางการเมือง จึงหันจากสนามฟุตบอล มาลงสนามการเมือง
9. นายต้น ณ ระนอง รองเลขาธิการพรรค ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ของ กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รองนายกฯ อดีตรมว.คลัง และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เขาบอกว่า เข้ามาเล่นการเมืองเพราะอยากเป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก ภายในพรรค
10. นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองเลขาธิการพรรค ที่โด่งดัง มาจากกรณีมีการส่งอีเมลในชื่อของเขา อ้างมีการจ่ายเงินให้สื่อเพื่อช่วยนำเสนอข่างของน.ส.ยิ่งลักษณ์ สุดท้ายเลยผันตัวเองจากอาชีพสื่อมวลชน มาเป็น หัวหน้าฝ่ายประสานงานและเผยแพร่นโยบายด้านเศรษฐกิจ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
11. นายคณาพจน์ โจมฤิทธิ์ รองเลขาธิการพรรค คนนี้เป็นเพื่อสนิทของ "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนสุดท้องของทักษิณ ที่ได้รับการโปรโมตให้เป็นที่ปรึกษากฎหมายของพรรค และยังอยู่ลำดับที่ 8 ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคด้วย
12. นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ อดีตผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์
13. น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายทะเบียนสมาชิกพรรค หลานสาวทักษิณ ลูกสาว เยาวเรศ ชินวัตร เคยเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ดูแลระบบโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์รัฐบาล พรรคเพื่อไทย รวมถึง เฟซบุ๊กเพื่อไทย ทวิตเตอร์ รวมถึงเฟซบุ๊กยิ่งลักษณ์ ด้วย
14. นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ เหรัญญิกพรรค ภรรยานายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดี ดีเอสไอ
ในจำนวนนี้จะเห็นได้ว่า กว่าครึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ได้รับการ"โปรโมต" ให้มานั่งเป็นกรรมการบริหารพรรค หวังจะให้เติบโตในทางการเมืองแบบก้าวกระโดด แต่สุดท้าย อาจถูกกวาดลงจากเวทีการเมืองไปตลอดกาลก็ได้ ... ไม่เพียงเท่านั้น ยังอาจเจอ "คดีอาญา" ตามมาตรา 112 ตามมาอีกด้วย กลายเป็นเรื่อง "เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด วิบัติเป็น" ที่มาจาก "ผู้ใหญ่" จัดให้แท้ๆ

**เบื้องหลัง ฮาคีม สมหวังลี้ภัยออสเตรเลีย เจ้าชายบาห์เรน ขี่ม้าขาว ตัวจริงที่ savethailand บทสรุปดราม่า จิงโจ้เจ้าเลห์จบลงเพราะพระบารมีราชวงค์บาห์เรน-ไทย**

ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ได้รับเสียงปรบมืออย่างชื่นชมในสังคนออนไลน์ถึงเบื้องหลังใช้ "การทูต" แก้ปัญหายุติเรื่องส่งตัว "ฮาคีม อัล อาไรบี" นักฟุตบอลชาวบาห์เรน ไปออสเตรเลียเรียบร้อย .. จริงๆ แล้วคนที่มีบทบาทอย่างมากและเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคลี่คลายปัญหานี้ก็คือ เจ้าชายซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งบาห์เรน ... เห็นได้ชัดจากปากคำของรมว.ต่างประเทศเอง ที่เปิดเผยเรื่องนี้หลังจากเดินทางไปประเทศบาห์เรน เพื่อเข้าเฝ้าเจ้าชายซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งบาห์เรน เพื่อหารือกรณี นายฮาคีม ว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดี เรื่องนี้ต้องใช้การทูตในการแก้ปัญหา... โดยรัฐบาลบาห์เรนเขามองในแง่ความสัมพันธ์พิเศษกับเรา เขาเห็นว่าประเทศไทยไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย เขาเข้าใจดี ไม่อยากเห็นประเทศไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถูกกดดัน ถูกสารพัดอย่างโดยไม่ชอบธรรม รวมทั้งไม่อยากให้เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองเล่นงานรัฐบาลได้ ... พร้อมระบุว่าหากไทยอยากจะส่งให้ใคร หรือส่งให้ออสเตรเลีย สามารถส่งได้ แต่ประเทศบาห์เรน ของสงวนสิทธิ์เรื่องคดีของนายฮาคีม กับออสเตรเลียต่อ
“บาห์เรนรับรู้เรื่องที่ประเทศไทยถูกกดดัน และรู้ว่าปีนี้เป็นปีที่สำคัญของประเทศไทย เขาไม่อยากให้เรื่องยืดเยื้อ ไม่อยากให้ประเทศไทยลำบากใจ บาห์เรนเป็นเพื่อนที่ดี และยืนยันว่าที่เดินทางไปไม่ใช่เพราะไทยถูกกดดันจากหลายประเทศ แต่เพราะบาห์เรนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องหาทางออก เขาช่วยอย่างเต็มที่”ดอน กล่าว
ดังนั้น เรื่องที่ยื้อเยื้อจนไทยตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมานับแต่ตัดสินใจจับฮาคีม เมื่อสองเดือนกว่าๆ ที่ผ่าน ต้องบอกว่า เจ้าชายบาห์เรน คือ ผู้ที่ทรงขี่ม้าขาวมาช่วย เป็นผู้savethailand ตัวจริงกล่าวเฉพาะเจ้าชายซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งบาห์เรน และ ราชวงศ์บาห์เรน ทั้งกษัตริย์องค์ปัจจุบัน และ เจ้าชายเคาะลีฟะฮ์ บิน ซัลมาน อัล เคาะลีฟะฮ์ นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นพระเจ้าอาของกษัตริย์ เป็นที่ทราบกันดีในหมู่คนไทยในบาห์เรนว่า ทรงให้ความ ชื่นชมและเคารพกษัตริย์และราชวงศ์จักรีของเรามาก รวมทั้งกษัตริย์และองค์นายกฯก็รักประเทศไทยและคนไทยมากเช่นกัน ... ดราม่ากรณี ฮาคีม กับจิงโจ้ จึงจบลงด้วยพระบารมีของสองราชวงค์โดยแท้

รูป
-อิทธิพร บุญประคอง
-ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช - ฤภพ ชินวัตร --มิตติ ติยะไพรัช --ต้น ณ ระนอง--คณาพจน์ โจมฤทธิ์ --ชยิกา วงศ์นภาจันทร์
-ดอน ปรมัตถ์วินัย --ฮาคีม อัล อาไรบี
กำลังโหลดความคิดเห็น