ผู้จัดการรายวัน360- ครม.ไฟเขียวเพิ่ม 12 เม.ย.เป็นวันหยุดกรณีพิเศษ คนไทยฉลองสงกรานต์ 5 วันเต็ม พร้อมเห็นชอบแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน 4 ปี (2561-2564) กำหนดเป็น 4 ยุทธศาสตร์หลัก พร้อมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 หน่วยงาน “กระทรวงสาธารณสุข-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-บริษัทกลางฯ” เน้นลดความปลอดภัยทางถนน ลดอันตราย กำหนด "บิ๊กตู่"สั่งดึงเทคโนโลยีแก้ปัญหารถติด-กำหนดความเร็วรถวิ่งบนทางด่วนให้เหมาะสมตามช่วงเวลา
พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ โดยกำหนดให้ วันศุกร์ที่ 12 เม.ย. 62 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน พิจารณาความเหมาะสมในการให้เป็นวันหยุด ให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีหน่วยงานใดที่มีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็นและกำหนดนัดหมายในวันดังกล่าวไว้แล้ว หากยกเลิกหรือเลื่อนออกไปจะกระทบต่อประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยไม่ให้เกิดความเสียหายกับหน่วยงานและประชาชน อย่างไรก็ตาม ทำให้ปี 2562 มีวันหยุดราชการกรณีพิเศษเพิ่มเป็น 2 วันคือ วันที่ 6 พ.ค.ที่ ครม.อนุมัติไปแล้ว และ วันที่ 12 เม.ย.
นอกจากนี้ ที่ประชุมครม.เห็นชอบแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ.2561-2564 ฉบับที่ 4 โดยเน้นความปลอดภัยทางถนน และส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัย เน้นลดอันตราย การบาดเจ็บ และอุบัติเหตุทางถนน ในกลุ่มเสี่ยงประเภทต่างๆ สำหรับเป้าหมายของแผนแม่บทฉบับนี้ จะใช้อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ในแผนแม่บทให้สอดคล้องกับฐานข้อมูลการเสียชีวิตของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด โดยประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ คือ
1. การปฏิรูประบบการจัดการด้านความปลอดภัยทางถนน โดยการจัดทำแผนบูรณาการ การปฏิบัติราชการด้านความปลอดภัยทางถนนระดับกระทรวง รวมถึงมีการเพิ่มประสิทธิภาพฐานข้อมูลทางถนน โดยจัดให้มีระบบข้อมูลอุบัติเหตุระดับชาติ และเชิงลึกภายใน 2 ปี และปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัยยิ่งขึ้น มีการเพิ่มขีดความสามารถ ในการบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาล
2. การเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืนในกลุ่มเยาวชน และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการกับปัจจัยเสี่ยงหลัก ที่นำไปสู่อุบัติเหตุทางถนนผู้ใช้รถ ใช้ถนนทุกกลุ่ม เน้นผู้ใช้แรงงาน ผู้ใช้รถจักรยานยนต์
3. ยุทธศาสตร์ประเทศไทยขนส่งทางถนนแปลอดภัย 4.0 โดยมีการเพิ่มมูลค่าให้กับค่าขนส่งอย่างมืออาชีพและทันสมัย
4. ประชารัฐ เพื่อถนนปลอดภัยโดยส่งเสริมการมีส่วนร่วม เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนจากทุกภาคส่วน นอกจากนั้นยังมียุทธศาสตร์ระยะยาว 20 ปี ตั้งแต่ปี 2561-2580 ซึ่งเป็นการพัฒนาแผนระยะยาวตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างยังยืน
"เรื่องนี้นายกฯ สั่งการเพิ่มเติมเน้นเรื่องใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการบริหารเรื่องการจราจร และจากการที่นายกฯได้ไปดูงานต่างประเทศ จะเห็นว่ามีการจัดแผนงานจราจรอย่างบูรณาการในทุกหน่วยงานและทุกพื้นที่ร่วมกัน จึงสั่งการให้พิจารณาเรื่องการกำหนดความเร็วของรถบนทางด่วนในแต่ละเวลา เช่น ถ้าเวลารถบนทางด่วนว่าง ก็อาจเพิ่มลิมิตความเร็วให้สูงขึ้นแต่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละวัน เพื่อลดความหนาแน่นของการจราจร"
พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ โดยกำหนดให้ วันศุกร์ที่ 12 เม.ย. 62 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน พิจารณาความเหมาะสมในการให้เป็นวันหยุด ให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีหน่วยงานใดที่มีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็นและกำหนดนัดหมายในวันดังกล่าวไว้แล้ว หากยกเลิกหรือเลื่อนออกไปจะกระทบต่อประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยไม่ให้เกิดความเสียหายกับหน่วยงานและประชาชน อย่างไรก็ตาม ทำให้ปี 2562 มีวันหยุดราชการกรณีพิเศษเพิ่มเป็น 2 วันคือ วันที่ 6 พ.ค.ที่ ครม.อนุมัติไปแล้ว และ วันที่ 12 เม.ย.
นอกจากนี้ ที่ประชุมครม.เห็นชอบแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ.2561-2564 ฉบับที่ 4 โดยเน้นความปลอดภัยทางถนน และส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัย เน้นลดอันตราย การบาดเจ็บ และอุบัติเหตุทางถนน ในกลุ่มเสี่ยงประเภทต่างๆ สำหรับเป้าหมายของแผนแม่บทฉบับนี้ จะใช้อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ในแผนแม่บทให้สอดคล้องกับฐานข้อมูลการเสียชีวิตของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด โดยประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ คือ
1. การปฏิรูประบบการจัดการด้านความปลอดภัยทางถนน โดยการจัดทำแผนบูรณาการ การปฏิบัติราชการด้านความปลอดภัยทางถนนระดับกระทรวง รวมถึงมีการเพิ่มประสิทธิภาพฐานข้อมูลทางถนน โดยจัดให้มีระบบข้อมูลอุบัติเหตุระดับชาติ และเชิงลึกภายใน 2 ปี และปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัยยิ่งขึ้น มีการเพิ่มขีดความสามารถ ในการบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาล
2. การเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืนในกลุ่มเยาวชน และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการกับปัจจัยเสี่ยงหลัก ที่นำไปสู่อุบัติเหตุทางถนนผู้ใช้รถ ใช้ถนนทุกกลุ่ม เน้นผู้ใช้แรงงาน ผู้ใช้รถจักรยานยนต์
3. ยุทธศาสตร์ประเทศไทยขนส่งทางถนนแปลอดภัย 4.0 โดยมีการเพิ่มมูลค่าให้กับค่าขนส่งอย่างมืออาชีพและทันสมัย
4. ประชารัฐ เพื่อถนนปลอดภัยโดยส่งเสริมการมีส่วนร่วม เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนจากทุกภาคส่วน นอกจากนั้นยังมียุทธศาสตร์ระยะยาว 20 ปี ตั้งแต่ปี 2561-2580 ซึ่งเป็นการพัฒนาแผนระยะยาวตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างยังยืน
"เรื่องนี้นายกฯ สั่งการเพิ่มเติมเน้นเรื่องใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการบริหารเรื่องการจราจร และจากการที่นายกฯได้ไปดูงานต่างประเทศ จะเห็นว่ามีการจัดแผนงานจราจรอย่างบูรณาการในทุกหน่วยงานและทุกพื้นที่ร่วมกัน จึงสั่งการให้พิจารณาเรื่องการกำหนดความเร็วของรถบนทางด่วนในแต่ละเวลา เช่น ถ้าเวลารถบนทางด่วนว่าง ก็อาจเพิ่มลิมิตความเร็วให้สูงขึ้นแต่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละวัน เพื่อลดความหนาแน่นของการจราจร"