ผู้จัดการรายวัน360-เผย 3 พรรคการเมือง "พท.-ทษช.-สร." ยื่นสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ-เสนอชื่อนายกฯ แล้ว "ภูมิธรรม" แจงเพื่อไทยชง 3 ชื่อนายกฯ แต่ไม่มีชื่อ "ชัชชาติ" ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ อ้างไม่ถนัดงานนิติบัญญัติ ด้านเจ้าตัวเผยหาก พท.ไม่ได้เป็นรัฐบาล เล็งลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. "บิ๊กตู่"เผยอ่านนโยบาย พปชร.ไปเยอะ เตรียมถามจะต่อยอดจากของเดิมยังไง ก่อนตัดสินใจก่อน 8 ก.พ.นี้ "ลูกบุญทรง"ยันพร้อมช่วยพรรคหาเสียง แม้ไม่ได้ลง ส.ส.เขต "พุทธิพงศ์"ลาออกจากตำแหน่งลุยการเมืองเต็มตัว กกต.ชี้เปลี่ยนชื่อเป็น "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ไม่ผิด ล่าสุดยอดสมัคร ส.ส. 6,828 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (5 ก.พ.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้เปิดรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เป็นวันที่ 2 มีสมาชิกจาก 3 พรรคการเมือง คือ พรรคเพื่อไทย ไทยรักษาชาติ และเสรีรวมไทย เดินทางมารอแกนนำพรรคที่จะเดินทางมายื่นสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และบัญชีบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมา เวลา 08.30 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายชัยเกษม นิติสิริ และพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้เข้ายื่นเอกสารสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ รวม 97 รายชื่อ พร้อมรายชื่อแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี 3 รายชื่อ ประกอบด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ , นายชัชชาติ และนายชัยเกษม
ภายหลังการยื่นบัญชีรายชื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เดินทักทายกับแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ อาทิ นายสุธรรม แสงประทุม นพ.เหวง โตจิราการ โดยในส่วนของพรรคไทยรักษาชาติ ที่นำโดยร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค นำผู้สมัครของพรรค เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ มายื่นสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำนวน 108 คน แต่ยังไม่เสนอชื่อนายกฯ
ขณะที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย มายื่นสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ100 คน และส่งบัญชีผู้ที่แต่ละพรรคเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี คนเดียว คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์
นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้สมัครของพรรคได้รับหมายเลขแตกต่างกัน จึงขอให้ประชาชนจดจำโลโก้พรรค เพื่อนำไปใช้ลงคะแนน ในส่วนของพรรค พท. ส่งผู้สมัคร ส.ส.เขต 250 คน แบ่งเป็นภาคเหนือ 50 คน ภาคกลาง 55 คน ภาคอีสาน 112 คน ภาคใต้ 10 คน และ กทม. 23 คน โดยพรรคมีมติให้ส่งสมัครส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 97 คน ในจำนวนดังกล่าวไม่มีชื่อ นายชัชชาติ เพราะพรรคต้องการให้ทำงานด้านบริหาร และนายชัชชาติ ก็เป็น 1 ใน 3 ของผู้ที่พรรคเสนอชื่อเป็นนายกฯ ส่วนการส่งสมัครไม่ครบทุกเขต ไม่ใช่การฮั้วกันระหว่างพรรคการเมือง เนื่องจากมีผู้ลงแข่งขันมากกว่า 5,000 คน ผู้สมัครทุกคน ถือเป็นคู่แข่งกัน
ด้านนายชัชชาติกล่าวถึงกรณีที่ไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค ว่า เป็นมติของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งตนเคยได้แจ้งไปแล้วว่า ไม่ถนัดงานด้านนิติบัญญัติ น่าจะมีคนเก่งๆ ของพรรคที่เชี่ยวชาญมากกว่า พรรคก็เห็นด้วยกับสิ่งที่เราแจ้งไป และการเลือกตั้งครั้งนี้ มีกฎ ระเบียบใหม่ ออกมา จะทำให้ได้จำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ น้อยลง และเราน่าจะได้ ส.ส.เขตจำนวนมาก เชื่อว่าพรรคมีคนเก่งที่จะมาร่วมงาน ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะอยู่ในบัญชีรายชื่อ แค่อยู่ในบัญชีของนายกฯ ก็พอแล้ว
เมื่อถามว่า ถ้าหลังเลือกตั้ง พรรค พท. ไม่ได้เป็นฝ่ายบริหาร จะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร นายชัชชาติ กล่าวว่า อาจจะสมัครผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งมีทางเลือกอีกมาก มีหลายบทบาท ยืนยัน ไม่น้อยใจ และไม่ว่าอย่างไร ก็อยู่กับพรรคเพื่อไทยแน่นอน
** เปลี่ยนชื่อเป็น"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์"ไม่ผิด
นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า หลังจากปิดรับสมัคร ในวันที่ 8 ก.พ. แล้ว กกต.จะตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครแต่ละบุคคลอีกครั้ง รวมถึงการดำเนินการตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด หากมีพรรคการเมืองใดดำเนินการไม่สมบูรณ์ ก็จะส่งผลให้รายชื่อที่ยื่นสมัครมาทั้งหมดนั้นเสียไป และค่าสมัคร ตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนกรณีมีผู้สมัครเปลี่ยนชื่อเป็น "ทักษิณ" หรือ "ยิ่งลักษณ์" นั้น ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล และเป็นสีสันของการเลือกตั้ง เพราะไม่ได้เป็นชื่อต้องห้าม ตามที่กฎหมายระบุไว้
สำหรับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังได้รับการทาบทาม เพื่อเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐนั้น นายณัฏฐ์ กล่าวว่า เท่าที่เห็นก็เป็นไปตามข้อกฎหมาย ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่า เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นนั้น เป็นเรื่องของความรู้สึกของแต่ละคนเท่านั้น ซึ่งอยากให้รอดูการตัดสินใจของประชาชน อย่าเพิ่งไปวิตกแทน ในส่วนของ กกต. จะมีการวินิจฉัยเฉพาะกรณีที่มีคำร้องเรียนเท่านั้น ไม่ใช่แค่การนำเสนอข่าว
***"บิ๊กตู่"ถามพปชร.ต่อยอดนโยบายยังไง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการพิจารณานโยบายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก่อนตัดสินใจว่าจะรับคำเชิญเพื่อไปเป็นนายกฯ ในบัญชีของพรรคหรือไม่ว่า กำลังดูอยู่ เอานโยบายมาศึกษา อ่านไปได้เยอะแล้ว หลายๆ อย่าง ก็ทำกันแล้ว ส่วนเขาจะทำให้ดีต่อไปอย่างไร ก็คงต้องถามเขาอีกที โดยจะพิจารณาไม่เกิน วันที่ 8 ก.พ.นี้ ขอให้เวลาตนบ้าง เพราะต้องทำงานอย่างอื่นอยู่ตลอดเวลา
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่า ไม่พอใจรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค พปชร. โดยเฉพาะนักการเมืองที่มีคดีความติดตัว อยู่ในลำดับต้นๆ จะเป็นเงื่อนไขในการตอบรับเป็นนายกฯ ในบัญชีพรรคหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ ผมยังไม่เห็น ก็แล้วแต่พรรคเขาทำ ไม่เกี่ยวกับผม เพราะผมยังไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองเลย เขามีกำหนดการส่งรายชื่อของเขาอยู่แล้ว ทำไมผมจะต้องไปเกี่ยวกับเขาด้วยล่ะ ประชาชนก็ช่วยกันดูแลหน่อยแล้วกันว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย การเลือกตั้ง เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม เราต้องคิดถึงเรื่องการปฏิรูปเรื่องการเมือง การปรองดองสมานฉันท์ เราก็ต้องดูว่าคนที่เข้ามาทำงานการเมืองวันนี้ มีใครบ้าง ที่ปรองดอง สมานฉันท์ ไม่ใช่ต่อยตีกันตลอดเวลา บ้านเมืองก็ไปไม่ได้
เมื่อถามว่า เผื่อใจไว้สำหรับการไม่ได้เป็นนายกฯต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมเผื่อทุกเรื่อง ผมพร้อมทุกอย่าง จะทำอะไรก็ได้ ผมก็ติดอยู่อย่างเดียว คือ ภาระดูแลประเทศชาติมา 3-4 ปี มีอะไรดีขึ้นตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ก็มีอะไรที่ไม่ได้ทำตั้งเยอะตั้งแยะ เหมือนกัน อะไรที่ประชาชนคาดหวัง ก็อยากทำให้ดีที่สุด ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเลือกตั้งใคร ส่วนกรณีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อชาติ (พช.) เปลี่ยนชื่อเป็นทักษิณและยิ่งลักษณ์ว่า เรื่องของการเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรก็แล้วแต่ มันก็แปลกดีนะประเทศไทย แต่ไม่น่าสนใจสำหรับตน ส่วนใครจะสนใจก็แล้วแต่ ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดูแลอยู่แล้ว
***ไปยโสธร-มุกดาหาร แจกที่ดินทำกิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดการตรวจราชการที่ จ.ยโสธร และมุกดาหาร เพื่อติดตามโครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ การพัฒนามาตรฐานการผลิตสินค้าปศุสัตว์ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน พร้อมเป็นสักขีพยานมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมให้แก่ผู้แทนประชาชน
** "ลูกบุญทรง"ยันช่วยพรรคหาเสียง
นายเดชณัฐวิทย์ เตริยาภรมย์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ตนเองไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต ที่ จ.เชียงใหม่ ว่า เป็นมติของกรรมการบริหารพรรค ที่ให้ตนไปสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งตนเองก็น้อมรับการตัดสินใจของผู้บริหารพรรค ไมได้มีปัญหาอะไร และหลังจากนี้ ก็ต้องเดินหน้าทำงานในพื้นที่ เพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป อีกทั้งก็ต้องเดินช่วยหาเสียงในแบบเขตเลือกตั้ง ให้กับผู้สมัครที่จ.เชียงใหม่ ด้วย
***"พุทธิพงศ์"ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงลาออกจากตำแหน่งแล้ว โดยให้มีผลทันที โดยจะไปทำงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นประธานยุทธ์ศาสตร์การเลือกตั้งในเขตกรุงเทพฯ และมีรายชื่อเป็นผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อนายพุทธิพงษ์ ลาออกเพื่อไปดูงานการเมืองเต็มตัว ก็จะไม่มีการตั้งใครขึ้นมาแทน เพราะมีคนทำงานอยู่แล้ว และไม่ใช่ลาออกเพราะถูกกดดันจากใคร
***สรุปสมัครส.ส.เขต 2 วัน 6,828 คน
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวภายหลังการปิดรับสมัคร ส.ส.วันสอง ว่าในระบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มีการรับสมัครเพิ่มเติม 883 คน รวม 2 วัน มีผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขต 6,828 คน ส่วนระบบบัญชีรายชื่อ มี 3 พรรคการเมือง ที่ผ่านการตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น มีผู้สมัคร 229 คน รวม 2 วัน มีพรรคการเมืองยื่นสมัครแล้ว 5 พรรค ผู้สมัครรวม 244 คน โดยการยื่นสมัคร ส.ส.ระบบบัญชี หาก กกต.รับสมัครแล้ว พรรคการเมืองไม่สามารถเพิ่มจำนวนผู้สมัคร หรือเปลี่ยนแปลงลำดับผู้สมัครในบัญชีได้ และไม่สามารถขอเงินค่าสมัครคืนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (5 ก.พ.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้เปิดรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เป็นวันที่ 2 มีสมาชิกจาก 3 พรรคการเมือง คือ พรรคเพื่อไทย ไทยรักษาชาติ และเสรีรวมไทย เดินทางมารอแกนนำพรรคที่จะเดินทางมายื่นสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และบัญชีบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมา เวลา 08.30 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายชัยเกษม นิติสิริ และพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้เข้ายื่นเอกสารสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ รวม 97 รายชื่อ พร้อมรายชื่อแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี 3 รายชื่อ ประกอบด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ , นายชัชชาติ และนายชัยเกษม
ภายหลังการยื่นบัญชีรายชื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เดินทักทายกับแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ อาทิ นายสุธรรม แสงประทุม นพ.เหวง โตจิราการ โดยในส่วนของพรรคไทยรักษาชาติ ที่นำโดยร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค นำผู้สมัครของพรรค เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ มายื่นสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำนวน 108 คน แต่ยังไม่เสนอชื่อนายกฯ
ขณะที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย มายื่นสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ100 คน และส่งบัญชีผู้ที่แต่ละพรรคเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี คนเดียว คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์
นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้สมัครของพรรคได้รับหมายเลขแตกต่างกัน จึงขอให้ประชาชนจดจำโลโก้พรรค เพื่อนำไปใช้ลงคะแนน ในส่วนของพรรค พท. ส่งผู้สมัคร ส.ส.เขต 250 คน แบ่งเป็นภาคเหนือ 50 คน ภาคกลาง 55 คน ภาคอีสาน 112 คน ภาคใต้ 10 คน และ กทม. 23 คน โดยพรรคมีมติให้ส่งสมัครส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 97 คน ในจำนวนดังกล่าวไม่มีชื่อ นายชัชชาติ เพราะพรรคต้องการให้ทำงานด้านบริหาร และนายชัชชาติ ก็เป็น 1 ใน 3 ของผู้ที่พรรคเสนอชื่อเป็นนายกฯ ส่วนการส่งสมัครไม่ครบทุกเขต ไม่ใช่การฮั้วกันระหว่างพรรคการเมือง เนื่องจากมีผู้ลงแข่งขันมากกว่า 5,000 คน ผู้สมัครทุกคน ถือเป็นคู่แข่งกัน
ด้านนายชัชชาติกล่าวถึงกรณีที่ไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค ว่า เป็นมติของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งตนเคยได้แจ้งไปแล้วว่า ไม่ถนัดงานด้านนิติบัญญัติ น่าจะมีคนเก่งๆ ของพรรคที่เชี่ยวชาญมากกว่า พรรคก็เห็นด้วยกับสิ่งที่เราแจ้งไป และการเลือกตั้งครั้งนี้ มีกฎ ระเบียบใหม่ ออกมา จะทำให้ได้จำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ น้อยลง และเราน่าจะได้ ส.ส.เขตจำนวนมาก เชื่อว่าพรรคมีคนเก่งที่จะมาร่วมงาน ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะอยู่ในบัญชีรายชื่อ แค่อยู่ในบัญชีของนายกฯ ก็พอแล้ว
เมื่อถามว่า ถ้าหลังเลือกตั้ง พรรค พท. ไม่ได้เป็นฝ่ายบริหาร จะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร นายชัชชาติ กล่าวว่า อาจจะสมัครผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งมีทางเลือกอีกมาก มีหลายบทบาท ยืนยัน ไม่น้อยใจ และไม่ว่าอย่างไร ก็อยู่กับพรรคเพื่อไทยแน่นอน
** เปลี่ยนชื่อเป็น"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์"ไม่ผิด
นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า หลังจากปิดรับสมัคร ในวันที่ 8 ก.พ. แล้ว กกต.จะตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครแต่ละบุคคลอีกครั้ง รวมถึงการดำเนินการตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด หากมีพรรคการเมืองใดดำเนินการไม่สมบูรณ์ ก็จะส่งผลให้รายชื่อที่ยื่นสมัครมาทั้งหมดนั้นเสียไป และค่าสมัคร ตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนกรณีมีผู้สมัครเปลี่ยนชื่อเป็น "ทักษิณ" หรือ "ยิ่งลักษณ์" นั้น ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล และเป็นสีสันของการเลือกตั้ง เพราะไม่ได้เป็นชื่อต้องห้าม ตามที่กฎหมายระบุไว้
สำหรับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังได้รับการทาบทาม เพื่อเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐนั้น นายณัฏฐ์ กล่าวว่า เท่าที่เห็นก็เป็นไปตามข้อกฎหมาย ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่า เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นนั้น เป็นเรื่องของความรู้สึกของแต่ละคนเท่านั้น ซึ่งอยากให้รอดูการตัดสินใจของประชาชน อย่าเพิ่งไปวิตกแทน ในส่วนของ กกต. จะมีการวินิจฉัยเฉพาะกรณีที่มีคำร้องเรียนเท่านั้น ไม่ใช่แค่การนำเสนอข่าว
***"บิ๊กตู่"ถามพปชร.ต่อยอดนโยบายยังไง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการพิจารณานโยบายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก่อนตัดสินใจว่าจะรับคำเชิญเพื่อไปเป็นนายกฯ ในบัญชีของพรรคหรือไม่ว่า กำลังดูอยู่ เอานโยบายมาศึกษา อ่านไปได้เยอะแล้ว หลายๆ อย่าง ก็ทำกันแล้ว ส่วนเขาจะทำให้ดีต่อไปอย่างไร ก็คงต้องถามเขาอีกที โดยจะพิจารณาไม่เกิน วันที่ 8 ก.พ.นี้ ขอให้เวลาตนบ้าง เพราะต้องทำงานอย่างอื่นอยู่ตลอดเวลา
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่า ไม่พอใจรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค พปชร. โดยเฉพาะนักการเมืองที่มีคดีความติดตัว อยู่ในลำดับต้นๆ จะเป็นเงื่อนไขในการตอบรับเป็นนายกฯ ในบัญชีพรรคหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ ผมยังไม่เห็น ก็แล้วแต่พรรคเขาทำ ไม่เกี่ยวกับผม เพราะผมยังไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองเลย เขามีกำหนดการส่งรายชื่อของเขาอยู่แล้ว ทำไมผมจะต้องไปเกี่ยวกับเขาด้วยล่ะ ประชาชนก็ช่วยกันดูแลหน่อยแล้วกันว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย การเลือกตั้ง เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม เราต้องคิดถึงเรื่องการปฏิรูปเรื่องการเมือง การปรองดองสมานฉันท์ เราก็ต้องดูว่าคนที่เข้ามาทำงานการเมืองวันนี้ มีใครบ้าง ที่ปรองดอง สมานฉันท์ ไม่ใช่ต่อยตีกันตลอดเวลา บ้านเมืองก็ไปไม่ได้
เมื่อถามว่า เผื่อใจไว้สำหรับการไม่ได้เป็นนายกฯต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมเผื่อทุกเรื่อง ผมพร้อมทุกอย่าง จะทำอะไรก็ได้ ผมก็ติดอยู่อย่างเดียว คือ ภาระดูแลประเทศชาติมา 3-4 ปี มีอะไรดีขึ้นตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ก็มีอะไรที่ไม่ได้ทำตั้งเยอะตั้งแยะ เหมือนกัน อะไรที่ประชาชนคาดหวัง ก็อยากทำให้ดีที่สุด ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเลือกตั้งใคร ส่วนกรณีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อชาติ (พช.) เปลี่ยนชื่อเป็นทักษิณและยิ่งลักษณ์ว่า เรื่องของการเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรก็แล้วแต่ มันก็แปลกดีนะประเทศไทย แต่ไม่น่าสนใจสำหรับตน ส่วนใครจะสนใจก็แล้วแต่ ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดูแลอยู่แล้ว
***ไปยโสธร-มุกดาหาร แจกที่ดินทำกิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดการตรวจราชการที่ จ.ยโสธร และมุกดาหาร เพื่อติดตามโครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ การพัฒนามาตรฐานการผลิตสินค้าปศุสัตว์ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน พร้อมเป็นสักขีพยานมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมให้แก่ผู้แทนประชาชน
** "ลูกบุญทรง"ยันช่วยพรรคหาเสียง
นายเดชณัฐวิทย์ เตริยาภรมย์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ตนเองไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต ที่ จ.เชียงใหม่ ว่า เป็นมติของกรรมการบริหารพรรค ที่ให้ตนไปสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งตนเองก็น้อมรับการตัดสินใจของผู้บริหารพรรค ไมได้มีปัญหาอะไร และหลังจากนี้ ก็ต้องเดินหน้าทำงานในพื้นที่ เพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป อีกทั้งก็ต้องเดินช่วยหาเสียงในแบบเขตเลือกตั้ง ให้กับผู้สมัครที่จ.เชียงใหม่ ด้วย
***"พุทธิพงศ์"ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงลาออกจากตำแหน่งแล้ว โดยให้มีผลทันที โดยจะไปทำงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นประธานยุทธ์ศาสตร์การเลือกตั้งในเขตกรุงเทพฯ และมีรายชื่อเป็นผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อนายพุทธิพงษ์ ลาออกเพื่อไปดูงานการเมืองเต็มตัว ก็จะไม่มีการตั้งใครขึ้นมาแทน เพราะมีคนทำงานอยู่แล้ว และไม่ใช่ลาออกเพราะถูกกดดันจากใคร
***สรุปสมัครส.ส.เขต 2 วัน 6,828 คน
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวภายหลังการปิดรับสมัคร ส.ส.วันสอง ว่าในระบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มีการรับสมัครเพิ่มเติม 883 คน รวม 2 วัน มีผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขต 6,828 คน ส่วนระบบบัญชีรายชื่อ มี 3 พรรคการเมือง ที่ผ่านการตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น มีผู้สมัคร 229 คน รวม 2 วัน มีพรรคการเมืองยื่นสมัครแล้ว 5 พรรค ผู้สมัครรวม 244 คน โดยการยื่นสมัคร ส.ส.ระบบบัญชี หาก กกต.รับสมัครแล้ว พรรคการเมืองไม่สามารถเพิ่มจำนวนผู้สมัคร หรือเปลี่ยนแปลงลำดับผู้สมัครในบัญชีได้ และไม่สามารถขอเงินค่าสมัครคืนได้