ข่าวปนคน คนปนข่าว 5 ก.พ.
**เปิดตัวละครลับ “พรหมประยูร เพื่อน ตท.12 ของลุงตู่” เครือญาติ “เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร” เบื้องหลังกระบวนการลุยถั่ว สู้ไม่ถอย คั่วตำแหน่ง ผอ.การท่าเรือคนใหม่ จ่อเข้าครม.เร็วๆ นี้
กระบวนการสรรหาผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เพื่อให้ได้ เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร รองผู้อำนวยการ สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ นั่งเก้าอี้ เบอร์ 1 การท่าเรือ ยังเดินหน้าต่อไปแม้จะมีเสียงทัดทานแค่ไหน คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า (12ก.พ.)” อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะนำเข้าที่ประชุมครม. เพื่อให้ความเห็นชอบ
หลังจากครม.เห็นชอบการสรรหาที่ยืดเยื้อเป็นมหากาพย์มาข้ามปี ก็จะได้ชื่อว่าเสร็จสิ้นปิดดีลลง แต่ เรือโทกมลศักดิ์ จะทำงานตามหน้าที่ได้หรือไม่ ไม่มีใครจะตอบได้ ... อย่างที่คนในท่าเรือ และสื่อหลายสำนักได้รายงานมาอย่างต่อเนื่องว่า การสรรหาของการท่าเรือนั้น มีข้อครหา กังขาในความโปร่งใส ส่อไปในทางที่อาจจะผิดกฎหมาย กระทั่งทักท้วงและเรียกร้องให้ตรวจสอบในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของ เรือโทกมลศักดิ์ ... ประเด็นต่างๆ ทั้งหลายเหล่านี้ หากมีผู้ฟ้องร้อง หรือ ร้องเรียนขึ้นมา ไล่เรียงไปตั้งแต่กรรมการสรรหา ที่เหลืออยู่ที่ยังไม่ลาออก บอร์ดการท่าเรือ และ รัฐมนตรีที่ผลักดัน ล้วนต้องมีส่วนรับผิดชอบ... ตัวอย่างแบบนี้หาดูได้ไม่ยาก ที่ยังคั่งค้างอยู่ในกระบวนการยุติธรรมก็มีจำนวนไม่น้อย คดีบางคดีในอดีต คนที่เกี่ยวข้องน่าจะรู้ดีว่า ในปั้นปลายของการสรรหา จะวุ่นวาย หรือ กลายเป็นคดีความ แต่ก็ดันทุรัง “ลุยถั่ว” มั่วแต่งตั้งกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา
การสรรหา ผอ.การท่าเรือครานี้ ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า ผู้มีอำนาจชี้เป้ามาแล้วว่า ต้องเป็น “คนใน” พิธีการสรรหา ก็แค่พิธิกรรมที่ทำให้ครบจบกันไป ตัวเลือกเดียวที่มีมาตั้งแต่ต้นจนจบคือ เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร เท่านั้น โดยมีผลประโยชน์ของการท่าเรือนับแสนล้าน เป็นเดิมพัน เพื่อให้ภาระกิจของกระบวนการลุยถั่วสำเร็จ “ผู้มีอำนาจ” คนแล้วคนเล่า ถูกยกมาเอ่ยอ้าง ตั้งแต่เจ้ากระทรวง อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ,ไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช. แล้วก็โยงใยไปถึง “บิ๊กอ้อ” พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ ที่รับบัญชามาจาก “ลุงตู่” พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ... กว่าคนที่มีชื่อถูกอ้างจะเคลียร์กันเองว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น หรือไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับเรือโทกมลศักดิ์ ตามที่ออกสื่อ ก็วุ่นวายกันพักใหญ่
ล่าสุดมีรายงานว่า แม้จะเคลียร์กันไปได้ และ บางคนมีแนวคิดจะล้มกระดานสรรหาไม่เอา เรือโทกมลศักดิ์ เพราะเห็นด้วย ควรต้องตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส แต่กระบวนการที่ยังสู้ไม่ถอย ไม่ยอมถอน และยังเดินหน้าเข้าสู่วาระของครม. เพราะมี “คนใกล้ชิด-เพื่อนลุงตู่” เป็นตัวละครลับอีกคนหนึ่ง ... คำว่า “คนใกล้ชิด หรือเพื่อนลุงตู่” นั้นใช้เมื่อไหร่ย่อมได้ผลคล้ายลุงตู่ลงมากำกับดูแลด้วยตนเอง ... นี่จึงเป็นไปได้ว่า ที่ทั้งกระบวนการไปจนถึงรัฐมนตรี ต่างกระวีกระวาด กระตือรือร้น ทำให้อย่างเต็มกำลังเพราะเกรงอกเกรงใจคนๆ นี้หรือไม่ ... บังเอิญที่พอตรวจสอบคนใกล้ชิด หรือเพื่อนลุงตู่ พบว่า นอกจากรายชื่อที่เอ่ยอ้างออกมาก่อนหน้า ยังปรากฎว่า มีเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 รุ่นเดียวกับพลเอก ประยุทธ อดีตเคยเป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ นามสกุล “พรหมประยูร” นามสกุลเดียวกับ เรือโทกมลศักดิ์เป๊ะ ว่ากันว่า “เพื่อนตท.12” คนนี้ของลุงตู่ เป็นพี่ชายของ เรือโทกมลศักดิ์ นั่นเอง ...ที่ผ่านมาลับ ลวง พราง อ้างได้อ้างกันไป แต่ “พรหมประยูร” คือ “เพื่อนลุงตู่” จริงแท้ แน่นอน ... มิน่าล่ะ!
** บ้องตื้นสิ้นดี … ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อชาติ ที่มี ”ตุ๊ดตู่-ยุทธ ตู้เย็น” เป็นกุนซือ แห่ไปเปลี่ยนชื่อเป็น ”ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง หวังจะให้คนจำง่าย ช่างเป็นความคิดที่มักง่าย และบ้องตื้นสิ้นดี ...ปากบอกทำพรรคการเมืองเพื่อปรองดอง แต่ถ้ายังก้าวไม่พ้น”ทักษิณ” ก็อย่าทำเสียดีกว่า
“ไฮไลต์” ของการเปิดรับสมัคร ส.ส.วันแรก เมื่อวานนี้ (4ก.พ.) ไม่ได้อยู่ที่ขบวนแห่สิงโต กลองยาว ของพรรคการเมือง หรือว่า นักการเมืองคนดัง จับได้เบอร์อะไร แต่อยู่ที่ผู้สมัครของ ”พรรคเพื่อชาติ”ในหลายจังหวัด พากันไปเปลี่ยนชื่อเพื่อใช้ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยผู้ชาย ก็เปลี่ยนเป็นชื่อ”ทักษิณ” ผู้หญิงก็เปลี่ยนเป็น “ยิ่งลักษณ์” ด้วยว่าหวังให้ประชาชนจดจำได้ง่าย...
“พรรคเพื่อชาติ” มี นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ อดีต รมช.พาณิชย์ ในรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ เจ้าของห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล เป็นหัวหน้าพรรค และมี “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ และ ”ยุทธ ตู้เย็น” ยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง เป็น ”กองเชียร์” ส่วนสมาชิกพรรค และผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส่วนใหญ่ก็เป็น ”กลุ่มคนเสื้อแดง” ที่มาเคลื่อนไหวในยุคที่มีการขับไล่รัฐบาล ”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และปกป้อง รัฐบาล”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ...สถานะของพรรค แม้จะไม่ใช่ ”พรรคลูก” ที่แยกตัวออกมาจากพรรคเพื่อไทย เหมือน”พรรคไทยรักษาชาติ” แต่ก็ถือว่าเป็นแนวร่วมเดียวกัน คอยเก็บตกคะแนนของกลุ่มคนเสื้อแดง หวังไปบวกให้ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ตามแผน”แตกแบงก์พัน” ...
จากอดีต ที่ไม่เคยได้เป็น ”แกนนำ” ในการเคลื่อนไหว ได้แต่เป็น”แกนนั่ง แกนนอน” เมื่อมีการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา และได้”อัพเกรด” เป็นผู้สมัครส.ส. ย่อมเกิดความฮึกเหิม รู้สึกว่าตัวเองมีค่า มีราคาขึ้นมาทันที และด้วยประสบการณ์ ที่ได้เก็บรับจากการชุมนุมเคลื่อนไหว ประกอบกับมี”กุนซือ” ที่เป็นนักเคลื่อนไหวระดับชาติ จึงต้องตีโจทย์ว่า ทำอย่างไรจะให้คนรู้จัก ติดหู ติดตา จึงงัดกลยุทธ์การตลาด โดยใช้ชื่อที่คนคุ้นชิน เหมือนผงซักฟอก ต้องเป็น”แฟ๊บ” หรือยาทากลากเกลื้อน ต้อง ”ซีม่าโลชั่น” จึงไปเปลี่ยนชื่อเป็น”ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งก็สร้างความฮือฮา ปัง เปรี้ยงขึ้นมาจริงๆ
ในจำนวนคนที่เปลี่ยนชื่อตัวเอง เป็น”ทักษิณ ยิ่งลักษณ์” ครั้งนี้ ที่จ.นครราชสีมา จะมีมากสุด คือใช้ชื่อทักษิณ ถึง 6 คน และชื่อยิ่งลักษณ์ อีก 1 คน ... อย่างเช่น นายทักษิณ เขื่อนโคกสูง ชื่อเดิม นายสด เขื่อนโคกสูง เป็นผู้สมัครส.ส.นครราชสีมา เขต 4 ส่วนผู้สมัครส.ส.หญิง เปลี่ยนชื่อเป็น นางยิ่งลักษณ์ 1 คน คือ นางกนกวรรณ เพชรรักษา ผู้สมัคร ส.ส. เขต 10 เปลี่ยนชื่อเป็น นางยิ่งลักษณ์ เพชรรักษา ... ส่วนที่ จ.พะเยา ก็เช่นกัน มีผู้สมัครส.ส. เขต 1 คือ นายจิรโรจน์ กิรติศักดิ์วรกุล ก็เปลี่ยนเป็นชื่อ นายทักษิณ กิรติศักดิ์วรกุล และ เขต 3 นายประพันธ์ สินชัย เปลี่ยนชื่อเป็นนายทักษิณ สินชัย ... ที่ จ.อุทัยธานี นายนภกฤช ทวีการไถ ผู้สมัครส.ส. เขต 1 ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น นายทักษิณ ทวีการไถ และ นางกันอัชลี เกษคำ ผู้สมัคร เขต 2 ก็เปลี่ยนชื่อเป็น นางยิ่งลักษณ์ เกษคำ เช่นกัน …
ยังมี ที่ จ.สุรินทร์ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ “ตำรวจชุดแดง” อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในพื้นที่ เขต 6 แต่ครั้งนี้ หมดสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากพ้นโทษจำคุกยังไม่ถึง 10 ปี ก็เลยส่งภรรยา คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไชยศีรษะ ลงสมัคร ส.ส.เขต 6 ในนามพรรคเพื่อชาติ และยังมี น.ส.ยิ่งรัก ไชยศีรษะ น้องสาวของ จ่าประสิทธิ์ ลงสมัครใน เขต 1 ด้วย ซึ่งแต่เดิมทั้งภรรยา และน้องสาว ของจ่าประสิทธิ์ ไม่ได้ชื่อ ยิ่งลักษณ์ , หรือ ยิ่งรัก แต่เพิ่งเปลี่ยนชื่อตอนที่จะลงสมัครส.ส. โดยบอกว่า มีความศรัทธาในตัวอดีตนายกฯ คนนี้ และถือว่าเป็น ”นามมงคล” ที่จะหนุนส่งให้ได้เป็น ส.ส.
เรื่องผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อชาติ เปลี่ยนชื่อเป็น ”ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” กลายเป็นประเด็นฮอตในโลกโซเชียล ขึ้นมาทันที มีการคอมเมนต์ วิพากษ์วิจารณ์ กันหลากหลาย อย่างเช่น .."คนเหล่านี้ที่เปลี่ยนชื่อ ขนาดชื่อตัวเองยังไม่มั่นใจเลยแล้วใครจะกล้าเลือกเป็นผู้แทน ชาวบ้านไม่ได้กินหญ้านะ "… น่าจะเปลี่ยนเป็น ” อีโ¬ง่” จะได้จำง่าย ... น่าจะมี “นช.” นำหน้าด้วย จะได้เต็มยศ ไปเลย... ขณะที่”ตุ๊ดตู่” จตุพร บอกว่า ทางพรรคไม่ได้บอกให้เปลี่ยนชื่อ เข้าใจว่าผู้สมัคร มีการพูดคุย แลกเปลี่ยน และตัดสินใจกันเอง ด้วยเชื่อว่าจะเป็นที่จดจำของประชาชน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่อง ”เสรีภาพ” ส่วนการตัดสินใจใดๆ ก็เป็นเรื่องของประชาชน ในวันเลือกตั้ง
ยังมีความเห็นของ “วิเชียร ชิดชนกนารถ” รองอธิบดีกรมการปกครอง ฝ่ายการทะเบียนและเทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การเปลี่ยนชื่อเป็นอิสระ และสิทธิของประชาชน แต่ต้องไม่ขัดต่อศีลธรรม คำหยาบคาย หรือซ้ำกับราชทินนาม ตามพระราชบัญญัติ ชื่อบุคคล ที่บัญญัติไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 "การที่ประชาชนจะเปลี่ยนชื่อเป็น ยิ่งลักษณ์ หรือ ทักษิณ เราจะห้ามอย่างไร คนที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ และ ทักษิณ มีเป็นพันคน แล้วชื่อ ยิ่งลักษณ์ หรือ ทักษิณ ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายทะเบียน เป็นผู้พิจารณา เรื่องนี้อยากให้ไปถามทาง กกต. มากกว่า" ... ขณะที่ พ.ต.องจรุงวิทย์ ภุมมา เลขาฯกกต. เจอนักข่าวถามเรื่องนี้ ก็ได้แต่บอกว่า เพิ่งเห็นจากข่าว ในช่วงบ่าย ปกติการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล เป็นอำนาจของนายทะเบียน แต่จะส่งข้อมูลให้ฝ่ายกฎหมาย รับไปตรวจสอบ
จะว่าไปแล้ว การงัดมุกเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น”ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ใช้ลงสมัครส.ส. เพื่อหวังจะบอกว่า ตนเองเป็นเสมือนตัวแทนของ”ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ใครยังรัก ยังศรัทธาในสองพี่น้องคู่นี้ ก็ให้มาเลือกตนเอง นับว่าเป็นเรื่อง “บ้องตื้น” สิ้นดี ...นี่หรือพรรคการเมืองที่บอกว่ามีจุดยืน “เพื่อการปรองดอง” ... ถ้าทำพรรคการเมืองแล้วยัง ”ก้าวไม่พ้นทักษิณ” ก็อย่าทำมันเลยดีกว่า ..
------------------
รูป
-เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร –อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
-สงคราม กิจเลิศไพโรจน์, จตุพร พรหมพันธุ์ –ผู้สมัครส.ส.ที่เปลี่ยนชื่อเป็น ทักษิณ และยิ่งลักษณ์
**เปิดตัวละครลับ “พรหมประยูร เพื่อน ตท.12 ของลุงตู่” เครือญาติ “เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร” เบื้องหลังกระบวนการลุยถั่ว สู้ไม่ถอย คั่วตำแหน่ง ผอ.การท่าเรือคนใหม่ จ่อเข้าครม.เร็วๆ นี้
กระบวนการสรรหาผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เพื่อให้ได้ เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร รองผู้อำนวยการ สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ นั่งเก้าอี้ เบอร์ 1 การท่าเรือ ยังเดินหน้าต่อไปแม้จะมีเสียงทัดทานแค่ไหน คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า (12ก.พ.)” อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะนำเข้าที่ประชุมครม. เพื่อให้ความเห็นชอบ
หลังจากครม.เห็นชอบการสรรหาที่ยืดเยื้อเป็นมหากาพย์มาข้ามปี ก็จะได้ชื่อว่าเสร็จสิ้นปิดดีลลง แต่ เรือโทกมลศักดิ์ จะทำงานตามหน้าที่ได้หรือไม่ ไม่มีใครจะตอบได้ ... อย่างที่คนในท่าเรือ และสื่อหลายสำนักได้รายงานมาอย่างต่อเนื่องว่า การสรรหาของการท่าเรือนั้น มีข้อครหา กังขาในความโปร่งใส ส่อไปในทางที่อาจจะผิดกฎหมาย กระทั่งทักท้วงและเรียกร้องให้ตรวจสอบในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของ เรือโทกมลศักดิ์ ... ประเด็นต่างๆ ทั้งหลายเหล่านี้ หากมีผู้ฟ้องร้อง หรือ ร้องเรียนขึ้นมา ไล่เรียงไปตั้งแต่กรรมการสรรหา ที่เหลืออยู่ที่ยังไม่ลาออก บอร์ดการท่าเรือ และ รัฐมนตรีที่ผลักดัน ล้วนต้องมีส่วนรับผิดชอบ... ตัวอย่างแบบนี้หาดูได้ไม่ยาก ที่ยังคั่งค้างอยู่ในกระบวนการยุติธรรมก็มีจำนวนไม่น้อย คดีบางคดีในอดีต คนที่เกี่ยวข้องน่าจะรู้ดีว่า ในปั้นปลายของการสรรหา จะวุ่นวาย หรือ กลายเป็นคดีความ แต่ก็ดันทุรัง “ลุยถั่ว” มั่วแต่งตั้งกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา
การสรรหา ผอ.การท่าเรือครานี้ ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า ผู้มีอำนาจชี้เป้ามาแล้วว่า ต้องเป็น “คนใน” พิธีการสรรหา ก็แค่พิธิกรรมที่ทำให้ครบจบกันไป ตัวเลือกเดียวที่มีมาตั้งแต่ต้นจนจบคือ เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร เท่านั้น โดยมีผลประโยชน์ของการท่าเรือนับแสนล้าน เป็นเดิมพัน เพื่อให้ภาระกิจของกระบวนการลุยถั่วสำเร็จ “ผู้มีอำนาจ” คนแล้วคนเล่า ถูกยกมาเอ่ยอ้าง ตั้งแต่เจ้ากระทรวง อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ,ไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช. แล้วก็โยงใยไปถึง “บิ๊กอ้อ” พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ ที่รับบัญชามาจาก “ลุงตู่” พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ... กว่าคนที่มีชื่อถูกอ้างจะเคลียร์กันเองว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น หรือไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับเรือโทกมลศักดิ์ ตามที่ออกสื่อ ก็วุ่นวายกันพักใหญ่
ล่าสุดมีรายงานว่า แม้จะเคลียร์กันไปได้ และ บางคนมีแนวคิดจะล้มกระดานสรรหาไม่เอา เรือโทกมลศักดิ์ เพราะเห็นด้วย ควรต้องตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส แต่กระบวนการที่ยังสู้ไม่ถอย ไม่ยอมถอน และยังเดินหน้าเข้าสู่วาระของครม. เพราะมี “คนใกล้ชิด-เพื่อนลุงตู่” เป็นตัวละครลับอีกคนหนึ่ง ... คำว่า “คนใกล้ชิด หรือเพื่อนลุงตู่” นั้นใช้เมื่อไหร่ย่อมได้ผลคล้ายลุงตู่ลงมากำกับดูแลด้วยตนเอง ... นี่จึงเป็นไปได้ว่า ที่ทั้งกระบวนการไปจนถึงรัฐมนตรี ต่างกระวีกระวาด กระตือรือร้น ทำให้อย่างเต็มกำลังเพราะเกรงอกเกรงใจคนๆ นี้หรือไม่ ... บังเอิญที่พอตรวจสอบคนใกล้ชิด หรือเพื่อนลุงตู่ พบว่า นอกจากรายชื่อที่เอ่ยอ้างออกมาก่อนหน้า ยังปรากฎว่า มีเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 รุ่นเดียวกับพลเอก ประยุทธ อดีตเคยเป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ นามสกุล “พรหมประยูร” นามสกุลเดียวกับ เรือโทกมลศักดิ์เป๊ะ ว่ากันว่า “เพื่อนตท.12” คนนี้ของลุงตู่ เป็นพี่ชายของ เรือโทกมลศักดิ์ นั่นเอง ...ที่ผ่านมาลับ ลวง พราง อ้างได้อ้างกันไป แต่ “พรหมประยูร” คือ “เพื่อนลุงตู่” จริงแท้ แน่นอน ... มิน่าล่ะ!
** บ้องตื้นสิ้นดี … ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อชาติ ที่มี ”ตุ๊ดตู่-ยุทธ ตู้เย็น” เป็นกุนซือ แห่ไปเปลี่ยนชื่อเป็น ”ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง หวังจะให้คนจำง่าย ช่างเป็นความคิดที่มักง่าย และบ้องตื้นสิ้นดี ...ปากบอกทำพรรคการเมืองเพื่อปรองดอง แต่ถ้ายังก้าวไม่พ้น”ทักษิณ” ก็อย่าทำเสียดีกว่า
“ไฮไลต์” ของการเปิดรับสมัคร ส.ส.วันแรก เมื่อวานนี้ (4ก.พ.) ไม่ได้อยู่ที่ขบวนแห่สิงโต กลองยาว ของพรรคการเมือง หรือว่า นักการเมืองคนดัง จับได้เบอร์อะไร แต่อยู่ที่ผู้สมัครของ ”พรรคเพื่อชาติ”ในหลายจังหวัด พากันไปเปลี่ยนชื่อเพื่อใช้ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยผู้ชาย ก็เปลี่ยนเป็นชื่อ”ทักษิณ” ผู้หญิงก็เปลี่ยนเป็น “ยิ่งลักษณ์” ด้วยว่าหวังให้ประชาชนจดจำได้ง่าย...
“พรรคเพื่อชาติ” มี นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ อดีต รมช.พาณิชย์ ในรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ เจ้าของห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล เป็นหัวหน้าพรรค และมี “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ และ ”ยุทธ ตู้เย็น” ยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง เป็น ”กองเชียร์” ส่วนสมาชิกพรรค และผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส่วนใหญ่ก็เป็น ”กลุ่มคนเสื้อแดง” ที่มาเคลื่อนไหวในยุคที่มีการขับไล่รัฐบาล ”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และปกป้อง รัฐบาล”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ...สถานะของพรรค แม้จะไม่ใช่ ”พรรคลูก” ที่แยกตัวออกมาจากพรรคเพื่อไทย เหมือน”พรรคไทยรักษาชาติ” แต่ก็ถือว่าเป็นแนวร่วมเดียวกัน คอยเก็บตกคะแนนของกลุ่มคนเสื้อแดง หวังไปบวกให้ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ตามแผน”แตกแบงก์พัน” ...
จากอดีต ที่ไม่เคยได้เป็น ”แกนนำ” ในการเคลื่อนไหว ได้แต่เป็น”แกนนั่ง แกนนอน” เมื่อมีการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา และได้”อัพเกรด” เป็นผู้สมัครส.ส. ย่อมเกิดความฮึกเหิม รู้สึกว่าตัวเองมีค่า มีราคาขึ้นมาทันที และด้วยประสบการณ์ ที่ได้เก็บรับจากการชุมนุมเคลื่อนไหว ประกอบกับมี”กุนซือ” ที่เป็นนักเคลื่อนไหวระดับชาติ จึงต้องตีโจทย์ว่า ทำอย่างไรจะให้คนรู้จัก ติดหู ติดตา จึงงัดกลยุทธ์การตลาด โดยใช้ชื่อที่คนคุ้นชิน เหมือนผงซักฟอก ต้องเป็น”แฟ๊บ” หรือยาทากลากเกลื้อน ต้อง ”ซีม่าโลชั่น” จึงไปเปลี่ยนชื่อเป็น”ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งก็สร้างความฮือฮา ปัง เปรี้ยงขึ้นมาจริงๆ
ในจำนวนคนที่เปลี่ยนชื่อตัวเอง เป็น”ทักษิณ ยิ่งลักษณ์” ครั้งนี้ ที่จ.นครราชสีมา จะมีมากสุด คือใช้ชื่อทักษิณ ถึง 6 คน และชื่อยิ่งลักษณ์ อีก 1 คน ... อย่างเช่น นายทักษิณ เขื่อนโคกสูง ชื่อเดิม นายสด เขื่อนโคกสูง เป็นผู้สมัครส.ส.นครราชสีมา เขต 4 ส่วนผู้สมัครส.ส.หญิง เปลี่ยนชื่อเป็น นางยิ่งลักษณ์ 1 คน คือ นางกนกวรรณ เพชรรักษา ผู้สมัคร ส.ส. เขต 10 เปลี่ยนชื่อเป็น นางยิ่งลักษณ์ เพชรรักษา ... ส่วนที่ จ.พะเยา ก็เช่นกัน มีผู้สมัครส.ส. เขต 1 คือ นายจิรโรจน์ กิรติศักดิ์วรกุล ก็เปลี่ยนเป็นชื่อ นายทักษิณ กิรติศักดิ์วรกุล และ เขต 3 นายประพันธ์ สินชัย เปลี่ยนชื่อเป็นนายทักษิณ สินชัย ... ที่ จ.อุทัยธานี นายนภกฤช ทวีการไถ ผู้สมัครส.ส. เขต 1 ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น นายทักษิณ ทวีการไถ และ นางกันอัชลี เกษคำ ผู้สมัคร เขต 2 ก็เปลี่ยนชื่อเป็น นางยิ่งลักษณ์ เกษคำ เช่นกัน …
ยังมี ที่ จ.สุรินทร์ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ “ตำรวจชุดแดง” อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในพื้นที่ เขต 6 แต่ครั้งนี้ หมดสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากพ้นโทษจำคุกยังไม่ถึง 10 ปี ก็เลยส่งภรรยา คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไชยศีรษะ ลงสมัคร ส.ส.เขต 6 ในนามพรรคเพื่อชาติ และยังมี น.ส.ยิ่งรัก ไชยศีรษะ น้องสาวของ จ่าประสิทธิ์ ลงสมัครใน เขต 1 ด้วย ซึ่งแต่เดิมทั้งภรรยา และน้องสาว ของจ่าประสิทธิ์ ไม่ได้ชื่อ ยิ่งลักษณ์ , หรือ ยิ่งรัก แต่เพิ่งเปลี่ยนชื่อตอนที่จะลงสมัครส.ส. โดยบอกว่า มีความศรัทธาในตัวอดีตนายกฯ คนนี้ และถือว่าเป็น ”นามมงคล” ที่จะหนุนส่งให้ได้เป็น ส.ส.
เรื่องผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อชาติ เปลี่ยนชื่อเป็น ”ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” กลายเป็นประเด็นฮอตในโลกโซเชียล ขึ้นมาทันที มีการคอมเมนต์ วิพากษ์วิจารณ์ กันหลากหลาย อย่างเช่น .."คนเหล่านี้ที่เปลี่ยนชื่อ ขนาดชื่อตัวเองยังไม่มั่นใจเลยแล้วใครจะกล้าเลือกเป็นผู้แทน ชาวบ้านไม่ได้กินหญ้านะ "… น่าจะเปลี่ยนเป็น ” อีโ¬ง่” จะได้จำง่าย ... น่าจะมี “นช.” นำหน้าด้วย จะได้เต็มยศ ไปเลย... ขณะที่”ตุ๊ดตู่” จตุพร บอกว่า ทางพรรคไม่ได้บอกให้เปลี่ยนชื่อ เข้าใจว่าผู้สมัคร มีการพูดคุย แลกเปลี่ยน และตัดสินใจกันเอง ด้วยเชื่อว่าจะเป็นที่จดจำของประชาชน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่อง ”เสรีภาพ” ส่วนการตัดสินใจใดๆ ก็เป็นเรื่องของประชาชน ในวันเลือกตั้ง
ยังมีความเห็นของ “วิเชียร ชิดชนกนารถ” รองอธิบดีกรมการปกครอง ฝ่ายการทะเบียนและเทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การเปลี่ยนชื่อเป็นอิสระ และสิทธิของประชาชน แต่ต้องไม่ขัดต่อศีลธรรม คำหยาบคาย หรือซ้ำกับราชทินนาม ตามพระราชบัญญัติ ชื่อบุคคล ที่บัญญัติไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 "การที่ประชาชนจะเปลี่ยนชื่อเป็น ยิ่งลักษณ์ หรือ ทักษิณ เราจะห้ามอย่างไร คนที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ และ ทักษิณ มีเป็นพันคน แล้วชื่อ ยิ่งลักษณ์ หรือ ทักษิณ ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายทะเบียน เป็นผู้พิจารณา เรื่องนี้อยากให้ไปถามทาง กกต. มากกว่า" ... ขณะที่ พ.ต.องจรุงวิทย์ ภุมมา เลขาฯกกต. เจอนักข่าวถามเรื่องนี้ ก็ได้แต่บอกว่า เพิ่งเห็นจากข่าว ในช่วงบ่าย ปกติการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล เป็นอำนาจของนายทะเบียน แต่จะส่งข้อมูลให้ฝ่ายกฎหมาย รับไปตรวจสอบ
จะว่าไปแล้ว การงัดมุกเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น”ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ใช้ลงสมัครส.ส. เพื่อหวังจะบอกว่า ตนเองเป็นเสมือนตัวแทนของ”ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ใครยังรัก ยังศรัทธาในสองพี่น้องคู่นี้ ก็ให้มาเลือกตนเอง นับว่าเป็นเรื่อง “บ้องตื้น” สิ้นดี ...นี่หรือพรรคการเมืองที่บอกว่ามีจุดยืน “เพื่อการปรองดอง” ... ถ้าทำพรรคการเมืองแล้วยัง ”ก้าวไม่พ้นทักษิณ” ก็อย่าทำมันเลยดีกว่า ..
------------------
รูป
-เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร –อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
-สงคราม กิจเลิศไพโรจน์, จตุพร พรหมพันธุ์ –ผู้สมัครส.ส.ที่เปลี่ยนชื่อเป็น ทักษิณ และยิ่งลักษณ์