xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**เสียงชื่นชมกระหึ่ม "ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์" จากปฏิปัติการถ้ำหลวง สู่ ปฎิบัติการ"สู้ภัยหมอกพิษ" จังหวัดพะเยา ตอกย้ำ "สุดยอดภาวะผู้นำ" ในยามวิกฤต มักสะท้อนตัวตนของคนเป็นผู้นำเสมอ

ขณะที่กรุงเทพฯเจอปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 วิกฤตแสนสาหัสมาหลายสัปดาห์ต่อเนื่อง จนตัองประกาศปิดสถานศึกษา บรรเทาปัญหาชั่วคราว รัฐบาลและหน่วยงานรับผิดชอบโดนด่าไม่เว้นวัน ... เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักๆ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ถึงกับให้สัมภาษณ์ออกอาการเกรี้ยวกราด หลายครัง ทั้งเรื่องที่ไม่สามารถไปดูแลสุขภาพให้ทุกคนได้ ต้องดูแลตัวเองบ้าง อย่าหวังพึ่งรัฐบาลถ่ายเดียว แถมขู่จะออกมาตรการเข้มข้นมาใช้ ... อารมณ์ของท่านผู้นำก็เข้าใจได้ เพราะ ฝุ่นพิษครั้งนี้รุนแรง และคงอยู่นาน มาตรการชั่วคราวก็งัดออกมาใช้พอสมควร มีความพยายามทุกทางเพื่อบรรเทา ทั้งแจกหน้ากากป้องกัน การฉีดน้ำ และขอความร่วมมือจากภาคเอกชน โรงงาน ไซต์งานก่อสร้างหยุดเพิ่มฝุนชั่วคราว แต่ผลไม่เกิดเป็นรูปธรรม "จับต้องได้" มิหนำซ้ำ เจอท่านผู้นำบริภาษเข้าไปอีก ประชาชนจึงรู้สึกอึดอัดที่ พึงพารัฐไม่ได้ คล้ายทุกอย่างจะต้องปล่อยไปตามยถากรรม เผชิญปัญหา และแก้ไขด้วยตัวเอง
แต่ที่พะเยา กลับแตกต่าง !! เพราะหลังจาก นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ประกาศ "มาตรการ 60 วันอันตราย ห้ามเผาทุกชนิดโดยเด็ดขาด" ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.-15 เม.ย.62 และขอความร่วมมือทุกภาคส่วน "ห้ามไม่ให้มีการเผาใดๆโดยเด็ดขาด" เมื่อวันที่ 1ก.พ. ที่ผ่านมา เสียงชื่นชมก็ดังกระหึ่ม...ที่ชื่นชมเพราะ พะเยาเองมักจะประสบปัญหามลพิษจากหมอกควัน และไฟป่า และการเผาในที่โล่ง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน และเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ เหมือนหลายๆ พื้นที่ หรือ กทม.ที่ประสบปัญหา แต่"ความเด็ดขาด" ในการเตรียมพร้อมสู้ภัยของผู้ว่าฯ ไม่เหมือนที่อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดึงทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม และเน้นหนักไปที่ประชาชน ให้มามีส่วนเตรียมการป้องกัน และช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ต้องรอวิกฤตแล้วโทษกันไปมา ทุกขั้นตอนมีแนวทางชัดเจน เป็นแผนที่ต้องบอกว่า สร้างความเชื่อมั่นและคาดหมายได้เลยว่า ต้องมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ประชาชนรับรู้ได้
ยกตัวอย่างเช่น หากตรวจพบว่าพื้นที่ใดมีไฟ และเกิดจุดความร้อน (Hotspot)ขึ้น ให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ผู้บริหารอปท. หัวหน้าหน่วยงานที่รับผิดชอบ เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อรายงานสถานการณ์ พร้อมแนวทางมาตรการแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน โดยในห้วงก่อนวันที่ 15 ก.พ. และหลัง วันที่ 15 เม.ย. ห้ามการเผาทุกชนิดโดยเด็ดขาด หากมีความจำเป็นในการเผาวัชพืชในที่ดินทำกิน ขอให้ราษฎรผู้ครอบครองที่ดิน จัดทำแนวกันไฟ พร้อมขออนุญาตจากผู้ใหญ่บ้าน
หรือกำนันในพื้นที่ เพื่อประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการควบคุมไม่ให้เกิดไฟลุกลามเข้าไปยังพื้นที่อื่นๆ หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติและไฟลุกลามเข้าไปในเขตพื้นที่อื่น มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2 -15 ปี และ ปรับตั้งแต่ 20,000-150,000 บาท นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.-16 พ.ค.62 การจัดระเบียบการเผาเตรียมพื้นที่ทำกิน เจ้าของที่ดิน "ต้องขออนุญาตจากนายอำเภอท้องที่" และห้ามไม่ให้ลุกลามเข้าพื้นที่ป่า หากเกิดไฟลุกลามเข้าเขตป่า จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด สำหรับการเผาขยะ เศษกิ่งไม้ ใบไม้ และการเผาในที่โล่งทุกชนิดในพื้นที่ชุมชน ก่อเหตุรำคาญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เรียกได้ว่า ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ดึงเอาศักยภาพของราชการ อำนาจรัฐที่มีมาใช้อย่างเต็มที่ มีทั้งพระเดช พระคุณครบ ขณะที่ทุกขั้นทุกตอน ไม่ลืมรายละเอียดสำหรับบทลงโทษทั้งจำ ทั้งปรับ ที่จะกำราบคนที่คิดจะฝ่าฝืน มองการเตรียมการของ จ.พะเยา เพื่อสู้ภัยหมอกพิษแล้ว ภาพจำ "ปฎิบัติการถ้ำหลวงช่วยชีวิต13 หมูป่า" ที่ จ.เชียงรายก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง การรวมพลังของทุกภาคส่วนทั่วโลก และความอดทน เด็ดขาด เป็นหัวใจนำไปสู่ความสำเร็จ ช่วยชีวิต"ทีมหมูป่า" ออกมาได้อย่างปลอดภัย ... ครั้งนั้นโลกได้ประจักษ์ในผลงาน และยกย่อง"ภาวะผู้นำ" ของนายณรงค์ศักดิ์ ให้เป็นตัวอย่างของการแก้ไขวิกฤตที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ให้ลุล่วงได้อย่างเหลือเชื่อ นี่เป็นอีกครั้ง ที่เราต้องจดจำ และศึกษาภาวะผู้นำของ ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์ ไว้เป็นแบบอย่าง

**เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง 2562 เพจ "อิป้า หามาเล่า" ได้รวบรวม "10 ตระกูล-หุ้นดัง" ที่มีความผูกพันในลักษณะ "ถุงเงิน" ของ พรรคเพื่อไทย ออกมาตีแผ่ ใครเป็นใคร เหนือความคาดหมาย หรือไม่ ลองติดตามดู

อันดับ 1 จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก "ตระกูลชินวัตร" ที่เทให้พรรคนี้อย่าสุดจิต สุดใจ โดยมีสินทรัพย์ในหุ้น มูลค่าประมาณ 6,509,137,793 บาท ผ่านหุ้น SC (บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น) ถือโดยน.ส. แพทองธาร ชินวัตร และน.ส. พินทองทา ชินวัตร 2 ลูกสาวของทักษิณ
2. ตระกูล“ดามาพงษ์”มีสินทรัพย์ในหุ้น มูลค่ารวม 4,136,996,393 บาท ผ่านหุ้น 2 ตัว คือ SC(บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น) ที่มีคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมของคุณหญิงพจมาน ถือหุ้นใหญ่ ส่วนอีกตัว คือ PR9 (บมจ.โรงพยาบาลพระรามเก้า) ที่มีคุณหญิงพจมาน อดีตภรรยาของ"ทักษิณ"เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
3.ตระกูล "มหากิจศิริ" ซึ่ง “ประยุทธ มหากิจศิริ”ผู้นำครอบครัว มีความสนิทสนมกับทักษิณ มีลูกชายคือ เฉลิมชัย เป็นเพื่อนสนิท พานทองแท้ ชินวัตร…และประยุทธ ยังเคยสวมหัวโขน รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย อีกด้วย ตระกูลนี้ มีสินทรัพย์ในหุ้น มูลค่ารวม ประมาณ 2,135,656,273 บาท
4. ตระกูล"ภิรมย์ภักดี" นายใหญ่อย่าง สันติ ภิรมย์ภักดี แสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในตระกูลชินวัตร และที่ผ่านมามีกิจกรรมทางสังคม ที่ฉายให้เห็นถึงความเป็นเพื่อนเป็นพวกพ้องกันแบบชัดๆ ผ่านทางลูกๆ ของทั้งชินวัตร และภิรมย์ภักดี เช่น งานแต่งงานของลูกสาวของทักษิณ ที่ยกกันไปทั้งครอบครัวภิรมย์ภักดี ครอบครัวนี้ มีสินทรัพย์ในหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 5,396,150,609 บาท
5.ตระกูล“อัศวโภคิน”ในอดีตงานหนึ่ง อนันต์ อัศวโภคิน ถูกจัดให้นั่งติดกับ ทักษิณ (สมัยเป็นนายกฯ) ส่วนอีกข้างหนึ่งเป็นเก้าอี้ของ เจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งภาพที่ปรากฏออกมาสู่สาธารณชน สะท้อนให้เห็นว่า นักธุรกิจ 2 คนนี้ สนิทสนม และให้การสนับสนุนพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ครอบครัวนี้ มีสินทรัพย์ในหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 32,301,022,115 บาท
6.ตระกูล"ทองแตง" ในอดีต "วิชัย ทองแตง" เคยเป็นทนายความช่วยว่าความให้ ทักษิณ ในคดีซุกหุ้น เมื่อปี 44 จากข้อแก้ต่าง“บกพร่องโดยสุจริต” ซึ่งผลสุดท้าย ศาลรัฐธรรมนูญก็มีมติ 8 ต่อ 7 ให้ ทักษิณ พ้นผิดในข้อกล่าวหาดังกล่าว และนี่ก็คือคดีสุดท้าย ก่อนที่ “วิชัย ”จะวางมือจากอาชีพทนายความ ครอบครัวนี้ มีสินทรัพย์ในหุ้น มูลค่ารวม 29,221,907,088 บาท
7.ตระกูล"โพธารามิก" ดร.อดิศัย โพธารามิก ก่อตั้ง บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล เคยเป็น รมว.ศึกษาธิการ และรมว.พาณิชย์ ในรัฐบาลทักษิณ ครอบครัวนี้ มีสินทรัพย์ในหุ้น มูลค่ารวม 22,359,504,558 บาท
8.ตระกูล"มาลีนนท์" โดย “ประชา มาลีนนท์ ”เคยผงาดเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง ในรัฐบาลทักษิณ และสื่อดังในอดีตเคยระบว่า “เมื่อทักษิณ ตั้งพรรคการเมือง ประชา มาลีนนท์ ก็ยังเป็นหนึ่งในกลุ่มทุนที่เอื้อความสนับสนุนแก่พรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน”ครอบครัวมาลีนนท์ มีสินทรัพย์ในหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 4,057,220,497 บาท
9.ตระกูล “เทพกาญจนา”โดย พงศ์เทพ เทพกาญจนา หนึ่งในมือกฎหมายชั้นเซียนของทักษิณ โดยสมัยสังกัดพรรคไทยรักไทย เป็นถึง รองเลขาธิการพรรค และได้ดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ครอบครัวเทพกาญจนา มีสินทรัพย์ในหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 2,131,507,943 บาท
10.ตระกูล“วัธนเวคิน”โดยภรรยาของ พงศ์เทพ เทพกาญจนา คือนางพนิดา นามสกุลเดิม คือ วัธนเวคิน ครอบครัวนี้ มีสินทรัพย์ในหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 7,679,606,357 บาท
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น และไม่ได้หมายความว่า คนในตระกูลเหล่านี้ทุกคน จะต้องเป็นกองหนุนของทักษิณ และพรรคในสังกัดเสมอไป เพียงแต่มีคนในตระกูลดังเหล่านี้บางคนที่มีความสัมพันธ์อันดี ในทางใดทางหนึ่งกับทักษิณ ส่วนที่ว่าจะหนับหนุนเงินทุน หรืออย่างอื่นหรือไม่นั้น อันนี้แล้วแต่วิจารณญาณ ของแต่ละบุคคล

**กรณี"บิ๊กโจ๊ก" ย้ายตม.10 ราย โยงมุสลิมกัมพูชา ยังไม่พบอาวุธ จับตา "คลิป" สร้างความแตกแยกระหว่างไทยพุทธ กับมุสลิม

กรณี "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ลงนามคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการที่ ศปก.สตม. จำนวน 10 นาย ทั้งตำรวจที่ตม.สระแก้ว และตม.ปัตตานี สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 28 ม.ค. เจ้าหน้าที่ทหารพราน ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้น"โรงเรียนปอเนาะมัตรอลาตุลฟาละห์" หมู่ 4 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีการ"ฝึกการต่อสู้" ในช่วงเวลากลางคืน เข้าไปถึงพบผู้ต้องสงสัย 13 คน เป็นคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา 11 คน อายุระหว่าง 16-26 ปี 9 คน พาสปอร์ตหมดอายุ และไม่มีพาสปอร์ต 1 คน นำตัวไปสอบสวนทราบว่า เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว จึงมีการตั้งกรรมการสอบตำรวจ ตม. จ.สระแก้ว และตม.จ.ปัตตานี
เบื้องต้นผู้บริหารระดับสูงในจังหวัดชายแดน เปิดเผยว่า การตรวจค้นไม่ได้พบอาวุธ ตามการให้ข่าวผ่านสื่อบางฉบับ ซึ่งตรงกับการให้สัมภาษณ์สื่อ ของ พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จว.ปัตตานี หลังการจับกุมว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบกลุ่มวัยรุ่นนัดรวมกลุ่มกันช่วงกลางดึก บริเวณป่าด้านหลังแล้ว มีการ"ฝึกยุทธวิธีคล้ายทหาร" จึงจัดกำลังเฝ้าซุ่มสังเกตุการณ์อยู่ 3 คืน พบว่าทุกคืนจะมีกลุ่มวัยรุ่นมาฝึกร่างกาย และการต่อสู้ด้วยมือเปล่า จึงเข้าตรวจสอบ และตรวจค้นทันที ทำให้กลุ่มวัยรุ่นแตกตื่น พากันหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ไล่สกัดจับได้ทั้งหมด โดยเป็นชาวกัมพูชาที่มาศึกษาด้านศาสนา ที่โรงเรียนปอเนาะแห่งนี้ โดยพบมีการนำหมอนมาผูกไว้กับต้นไม้ให้เหมือนกระสอบทราย จากนั้นนำตัวทั้งหมดส่งศูนย์ซักถาม พร้อมกับเชิญ ผอ.โรงเรียนปอเนาะ มาสอบสวน
แต่ไม่ว่าผลการสอบสวนจะนำไปสู่การโยงใยกับกลุ่มก่อความรุนแรงในภาคใต้ หรือไม่ แต่ชัดเจนว่า ชาวกัมพูชาเหล่านี้ มีความผิดในการเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทย ซึ่งเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ ตม.ที่ "บิ๊กโจ๊ก" มีคำสั่งย้ายอย่างแน่นอน และในทางการข่าวทราบว่า "การฝึกกำลัง" แม้จะไม่มีอาวุธ ก็อาจเป็นต้นทางไปสู่การ"ฝึกอาวุธ" ในขั้นต่อไป นั่นเอง
สำหรับโรงเรียนสอนศาสนาในภาคใต้นั้น ไม่ได้มีเพียงชาวมุสลิมกัมพูชา ที่เข้ามาศึกษาเท่านั้น แต่มีมุสลิมจากทั่วโลกมาศึกษาในไทย ทั้งชาวอินโดนีเซีย หรือ จากแอฟริกา เพราะชาวมุสลิมถือว่าดินแดนภาคใต้ของไทยนั้นเป็น ส่วนหนึ่งของ "ระเบียงเมกกะ" และมีมุสลิมไทยจำนวนมากไปศึกษาในต่างประเทศเช่นเดียวกัน เพียงแต่ที่ผ่านมา ยังไม่มีการตรวจพบว่า มีชาวต่างชาติเข้ามาร่วมสร้างสถานการณ์ ความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้
แต่ที่มีวิตกกังวลในขณะนี้คือ การพยายามสร้างความขัดแย้ง หลังเหตุการณ์"ยิงพระสงฆ์" เพื่อโยงให้เป็นความขัดแย้งด้านศาสนา อาจมีการสร้างสถานการณ์ลอบยิงมัสยิด เพื่อให้กลายเป็นประเด็นการตอบโต้กันไปมา โดยผู้บริหารระดับสูงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ บอกว่า ในขณะนี้ไม่ห่วงชาวพุทธ ในจังหวัดภาคใต้ เพราะได้ใช้นโยบายในการดูแล คุ้มครอง ป้องกัน แต่ห่วงใยความยายความขัดแย้งไปยังชาวพุทธ นอกพื้นที่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ มีการพยายามเผยแพร่คลิปของ "พล.อ.ณพล บุญทับ" ทั้งที่เป็นการพูดผ่านมาแล้วหลายปี ซึ่งยิ่งทำให้ความขัดแย้งไม่พอใจ ขยายออกไปยังคนไทยพุทธนอกพื้นที่ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการทำงานขอเจ้าหน้าที่ ในขณะที่ พล.อ.ณพล นั้นมีสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับธรรมกาย และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ทั้งนี้หลายปีก่อนหลังจากที่ "ทักษิณ" หนีออกไปนอกประเทศแล้ว คุณหญิงพจมาน เคยไปร่วมพิธีสักการะอนุสาวรีย์พระนเรศวรมหาราช ที่ นครราชสีมา โดยมีภรรยาของ พล.อ.ณพล เป็นประธาน และยังพบว่า เคยมีการซื้อขายที่ดินแปลงใหญ่ ในโคราช ระหว่างคุณหญิงพจมาน กับพล.อ.ณพล ที่เป็น 1 ใน 5 ของผู้ขายด้วย ดังนั้นไม่ทราบว่าผู้เผยแพร่คลิปในช่วงนี้ มีวัตถุประสงค์ใดกันแน่

----------
รูป
-- ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร
-ทักษิณ ชินวัตร- คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ - ประยุทธ มหากิจศิริ- สันติ ภิรมย์ภักดี-อนันต์ อัศวโภคิน- ดร.อดิศัย โพธารามิก
-พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล
กำลังโหลดความคิดเห็น