ศาลพิพากษาจำคุก “สวัสดิ์ แสงบางปลา” อดีตประธานสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ฐานฟอกเงินอีกสำนวน รวม 10 กระทง เป็นเวลา 60 ปี แต่จำคุกสูงสุดตามกฎหมาย 20 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 ผู้รับเงินโดนจำคุก 3 ปี เผย “สวัสดิ์” โดนโทษคุกเต็มอัตรา 20 ปีแล้วเพิ่มไม่ได้
วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณา 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีฟอกเงิน หมายเลขดำ ฟย.20/2560 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ฟ้องนายสวัสดิ์ แสงบางปลา อดีตประธานกรรมการบริหารสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, น.ส.จิรัชญา หรือไข่เจียว คุณยศยิ่ง และ น.ส.ภวิษย์พร ใบเกตุ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินสหกรณ์จุฬาฯ 42 ล้านบาท จากกรณีจำเลยร่วมกันฉ้อโกงเงินประชาชนที่นำมาร่วมลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล
วันนี้ศาลได้เบิกตัวนายสวัสดิ์ จากเรือนจำมาฟังคำพิพากษา ส่วน น.ส.จิรัชญา และ น.ส.ภวิษย์พร ซึ่งได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาล
โดยศาลพิเคราะห์แล้ว จำเลยที่ 1, 3 กระทำผิด พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ โดยสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปกระทำผิดฐานฟอกเงิน เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันฟอกเงิน จำคุกจำเลยที่ 3 เป็นเวลา 4 ปี ส่วนจำเลยที่ 1 ขณะกระทำผิดเป็นผู้มีอำนาจจัดการสถาบันการเงิน ต้องระวางโทษ 2 เท่า ให้จำคุกกระทงละ 8 ปี
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 3 ทางนำสืบเป็นประโยชน์การพิจารณา ลดโทษให้คนละ 1 ใน 4 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 6 ปี รวม 10 กระทง เป็น 60 ปี เมื่อรวมโทษแล้วคงจำคุกได้สูงสุด 20 ปี และจำคุกจำเลยที่ 3 เป็นเวลา 3 ปี
การกระทำของจำเลยที่ 1 ผิดต่อเนื่องคดีอาญาที่พิพากษาโทษจำคุก 200 ปี 600 เดือน แล้ว ซึ่งจำคุกสูงสุด 20 ปี จึงไม่อาจเพิ่มโทษคดีนี้ต่อได้อีก และยกฟ้องจำเลยที่ 2 เนื่องจากพยานหลักฐานรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 รับรู้ถึงการกระทำของจำเลยที่ 1, 3 ว่าเป็นความผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายสวัสดิ์ เมื่อรวมโทษจำคุก 20 ปี ฐานฉ้อโกงประชาชน ฯ ก่อนหน้านี้ และรวมโทษฐานฟอกเงินในวันนี้อีก 20 ปี รวมโทษทั้ง 2 คดีคงจำคุกนายสวัสดิ์ไว้ 20 ปี.
วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณา 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีฟอกเงิน หมายเลขดำ ฟย.20/2560 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ฟ้องนายสวัสดิ์ แสงบางปลา อดีตประธานกรรมการบริหารสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, น.ส.จิรัชญา หรือไข่เจียว คุณยศยิ่ง และ น.ส.ภวิษย์พร ใบเกตุ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินสหกรณ์จุฬาฯ 42 ล้านบาท จากกรณีจำเลยร่วมกันฉ้อโกงเงินประชาชนที่นำมาร่วมลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล
วันนี้ศาลได้เบิกตัวนายสวัสดิ์ จากเรือนจำมาฟังคำพิพากษา ส่วน น.ส.จิรัชญา และ น.ส.ภวิษย์พร ซึ่งได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาล
โดยศาลพิเคราะห์แล้ว จำเลยที่ 1, 3 กระทำผิด พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ โดยสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปกระทำผิดฐานฟอกเงิน เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันฟอกเงิน จำคุกจำเลยที่ 3 เป็นเวลา 4 ปี ส่วนจำเลยที่ 1 ขณะกระทำผิดเป็นผู้มีอำนาจจัดการสถาบันการเงิน ต้องระวางโทษ 2 เท่า ให้จำคุกกระทงละ 8 ปี
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 3 ทางนำสืบเป็นประโยชน์การพิจารณา ลดโทษให้คนละ 1 ใน 4 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 6 ปี รวม 10 กระทง เป็น 60 ปี เมื่อรวมโทษแล้วคงจำคุกได้สูงสุด 20 ปี และจำคุกจำเลยที่ 3 เป็นเวลา 3 ปี
การกระทำของจำเลยที่ 1 ผิดต่อเนื่องคดีอาญาที่พิพากษาโทษจำคุก 200 ปี 600 เดือน แล้ว ซึ่งจำคุกสูงสุด 20 ปี จึงไม่อาจเพิ่มโทษคดีนี้ต่อได้อีก และยกฟ้องจำเลยที่ 2 เนื่องจากพยานหลักฐานรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 รับรู้ถึงการกระทำของจำเลยที่ 1, 3 ว่าเป็นความผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายสวัสดิ์ เมื่อรวมโทษจำคุก 20 ปี ฐานฉ้อโกงประชาชน ฯ ก่อนหน้านี้ และรวมโทษฐานฟอกเงินในวันนี้อีก 20 ปี รวมโทษทั้ง 2 คดีคงจำคุกนายสวัสดิ์ไว้ 20 ปี.