ปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องปิดกันที่เวเนซุเอลากันอีกนั่นแหละทั่น ไหนๆ ก็ลากยาวเรื่องนี้มาเกือบตลอดทั้งสัปดาห์ คืออย่างน้อยก็น่าจะ “ตามไปดู” กันต่อ ว่าสุดท้ายแล้ว...มันจะออกหัว-ออกก้อย-ออกกลาง หรือออกไปในแนวไหน สำหรับชะตากรรมของประเทศที่ว่ากันว่า “ร่ำรวยทรัพยากร(น้ำมัน)” แบบสุดๆ ระดับถือเป็น “สนามประลองทางภูมิรัฐศาสตร์” ระหว่างอภิมหาอำนาจรายใหญ่ๆ ไม่ว่าอเมริกา-จีน-รัสเซีย ในการช่วงชิงความได้เปรียบ-เสียเปรียบ ด้านการ “เข้าถึงแหล่งพลังงาน” แต่กลับดันแทบไม่เหลือ “เงินสด” เอาไว้ใช้ ไว้จ่าย ไว้ซื้อหาสิ่งของจำเป็นที่ต้องอาศัยเงินตราต่างประเทศ โดยเฉพาะ “เงินดอลลาร์” ของอเมริกัน จนส่งผลให้ประเทศทั้งประเทศ “กรอบ” ซะยิ่งกว่าข้าวเกรียบเมืองเพชร เงินเฟ้อพุ่งขึ้นไประดับล้านๆ เปอร์เซ็นต์ และทำให้เกิด “เงื่อนไข” ในการส่งออกการปฏิวัติ หรือการแทรกแซงจากต่างชาติ ชนิดหาทางออก ทางลง ยังไม่เจอจนตราบเท่าทุกวันนี้...
คือถ้าดูจากความได้เปรียบ-เสียเปรียบ...ระหว่างประธานาธิบดีที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่าง “นายนิโคลัส มาดูโร” กับประธานาธิบดี “หุ่น” หรือประธานาธิบดีชั่วคราวที่คุณพ่ออเมริกาสถาปนาขึ้นมา อย่าง “นายJuan Guaido” ที่คงต้องเรียกว่า “ฮวน ไกวโด” กันแล้วในช่วงนี้ เพราะขนาดเว็บไซต์-ผู้จัดการของเราเอง ยังต้องเปลี่ยนคำเรียกจาก “กุยโด” เป็น “ไกวโด” เอาดื้อๆ แต่คงไม่ต้องถึงขั้น “ฆวน กวยโต” อย่างที่อาจารย์ “สมเกียรติ โอสถสภา” ผู้เชี่ยวชาญในบ้านเราท่านเตือนๆ เอาไว้ล่วงหน้า ว่าออกจะ “อันตราย” อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าหากพิธีกรนักเล่าข่าวทางทีวีนำไปออกเสียง เพราะอาจกลายเป็นคำเรียกที่หนักว่า “สมยศ ช่องเจ็ดสี” เอาเลยก็ไม่แน่ ซึ่งคงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...ในแง่ “ราคาต่อรอง” แล้ว ฝ่ายของ “นายไกวโด” ออกจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ ระดับ 5-4 หรือ 3-2 อะไรทำนองนั้น...
เอาง่ายๆ...แค่ดูจากกิริยาท่าทีของทั้งสองฝ่าย ขณะที่ประธานาธิบดีที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่าง “นายมาดูโร” ถึงกับต้องออกมาแบะท่า ประกาศพร้อมเจรจากับ “นายไกวโด” โดยมี “คนกลาง” ร่วมในการเจรจา แต่ฝ่ายประธานาธิบดีที่สถาปนาตัวเองขึ้นมาเองอย่างไม่ได้เป็นไปตามกฎหมายใดๆ ของเวเนซุเอลา แถมยังถูกฝ่ายกฎหมาย หรือศาลสถิตยุติธรรมเวเนซุเอลา ประกาศให้เป็น “ผู้ก่ออาชญากรรม” ห้ามออกนอกประเทศ ห้ามทำธุรกรรมทางการเงินใดๆ ทั้งสิ้น กลับออกมา “ปฏิเสธ” ไม่คิดจะเจรจาใดๆ กับฝ่ายตรงข้ามโดยเด็ดขาด มีแต่มุ่งเดินหน้า “พาคนไปตาย” หรือเรียกร้องให้มวลชนชาวเวเนซุเอลา ออกมาประท้วงกันเยอะๆ นับตั้งแต่วันพุธที่ 30 ม.ค. เป็นต้นไป...
เหตุที่ “ราคาต่อรอง” มันเปลี่ยนไป-เปลี่ยนมาในลักษณะที่ว่านี้...ว่าไปแล้ว คงไม่น่าจะเกี่ยวกับการที่ผู้สนับสนุน ถือหาง “นายไกวโด” อย่างคุณพ่ออเมริกา คิดจะหันไปใช้ “กรรมวิธีทางทหาร” เล่นงานรัฐบาล “มาดูโร” อย่างที่ “ไอ้หนวดอำมหิต-จอห์น โบลตัน” ที่ปรึกษาความมั่นคงแกล้งปล่อยข่าว ผ่านกระดาษโน้ตที่ตัวเองถือไว้ในมือแต่อย่างใด แม้ว่าการอาศัยกรรมวิธีชนิดนี้ จะยังคง “วางเอาไว้บนโต๊ะ” ประธานาธิบดีอเมริกันก็ตาม เพราะการใช้กำลังทหารแบบสุ่มสี่-สุ่มห้านั้น ตัวอย่างที่เห็นๆ อยู่ใน “สมรภูมิซีเรีย” ทุกวันนี้ ก็น่าจะถือเป็น “บทเรียน” ที่ชัดเจนพอสมควรแล้ว ยิ่งมี “ข่าวลือ” เรื่อง “ทหารรัสเซีย” ถูกส่งไปป้วนเปี้ยนอยู่ในเวเนซุเอลากันบ้างแล้ว ถึงจะออกไปทาง “ข่าวปลอม” ก็เถอะ แต่ถ้าหากคำนึงถึง “ผลประโยชน์” ที่ไม่ว่ามหาอำนาจอย่างรัสเซีย หรือจีน ต่าง “ทุ่มทุน” ไปเยอะแล้วในเวเนซุเอลา ระดับรายละเป็นหมื่นล้าน แสนล้านดอลลาร์ การ “หักพร้าด้วยด้ามเข่า” ตามกรรมวิธีเช่นนี้ คงต้องอาศัย “ต้นทุน” ระดับมหาศาลเอาเลยทีเดียว...
แต่สิ่งที่ทำให้ “ราคาต่อรอง” มันออกจะเปลี่ยนไปสู่ความได้เปรียบ หรือความเป็นต่อ ของประธานาธิบดีหุ่นอย่าง “นายไกวโด” ก็น่าจะเป็นเพราะการหันมาอาศัย “กรรมวิธีทางเศรษฐกิจ” อาศัยเรื่องเงินๆ ทองๆ นั่นแหละเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการประกาศ “แซงชั่น” บริษัทน้ำมันที่รัฐบาลเวเนซุเอลาเป็นเจ้าของ อย่างบริษัท “PDVSA” หรือ “Petroleos de Venezuela” โดยกระทรวงการคลังอเมริกัน อันทำให้สินทรัพย์มูลค่าไม่น้อยกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์ และรายได้จากการส่งออกน้ำมันในปีหน้ามูลค่าไม่น้อยกว่า 11,000 ดอลลาร์ ที่บริษัท “PDVSA” มีส่วนได้-ส่วนเสียอยู่ประมาณ 51 เปอร์เซ็นต์ ในบริษัทลูกอย่างบริษัท “Citgo” ซึ่งไปร่วมทุนกับบริษัท “Valero Energy” หรือบริษัท “Chevron” ของอเมริกา ขนเอา “น้ำมันดิบ” จากเวเนซุเอลา มากลั่นที่โรงกลั่นในเท็กซัสและหลุยเซียนาวันละ 500,000 บาร์เรลเป็นอย่างน้อย เพื่อส่งไปขายลูกค้าอย่างจีน รัสเซีย อินตะระเดีย ฯลฯ เป็นอันต้องถูก “ยึด” หรือถูก “ปล้น” เอาดื้อๆ!!! คล้ายๆ กับการที่รัฐบาลอังกฤษประกาศไม่ยอมส่ง “ทองคำสำรอง” มูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ คืนให้กับธนาคารกลางเวเนซุเอลา ตราบใดที่ “นายมาดูโร” ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีของประเทศนี้นั่นแหละ เพียงเท่านี้...ก็ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจในเวเนซุเอลาที่จมดิ่งอยู่ในนรกอยู่แล้ว ยิ่งดิ่งลึกลงไปถึงขุมที่ 18 ขุมที่ 19 ยากส์ส์ส์ที่จะเงยหน้า อ้าปากขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย...
เพราะภายใต้สภาวะเช่นนี้นี่เอง...ที่จะทำให้บรรดา “มวลชน” ชาวเวเนซุเอลาทั้งหลาย ซึ่งคงไม่ได้ต่างไปจาก “มวลชนคนธรรมดา ซึ่งมักถูกครอบงำโดยความต้องการในปัจจุบัน เสียจนกระทั่งผู้ปกครองที่หลอกลวงสามารถพบผู้ที่พร้อมให้หลอกลวงได้เสมอ” อย่างที่ปรมาจารย์ด้าน “ทฤษฎีอำนาจ” ชาวอิตาลี ผู้มีนามกรว่า “นิคโคโล มาเคียวเวลลี” เคยว่าไว้ ย่อมพร้อมที่จะ “ออกไปตาย” ตามคำเรียกร้อง เชิญชวนของประธานาธิบดีผู้ได้รับการสถาปนาจากต่างชาติ อย่าง “นายไกวโด” ได้ไม่ยากส์ส์ส์และนั่นเองที่จะทำให้ “การปฏิวัติส่งออก” สามารถถูกเปลี่ยนคำเรียกขานไปเป็น “การเปลี่ยนถ่ายอำนาจโดยสันติ” อย่างที่คุณพ่ออเมริกาท่านป่าวประกาศเอาไว้แล้วล่วงหน้า...
ว่าไปแล้ว...กรรมวิธีที่ว่านี้ ไม่เพียงถูกนำมาใช้แต่เฉพาะประเทศที่ร่ำรวยน้ำมัน อย่างเวเนซุเอลาเท่านั้น แต่ยังเตรียมที่จะนำไปใช้กับประเทศคู่กัด คู่อาฆาตอย่างประเทศ “อิหร่าน” ในอีกไม่นานไม่ช้านับจากนี้ ดังนั้น...ไม่ใช่แต่ “ระบอบปกครองมาดูโร” เท่านั้น ที่กำลังตกเป็น “เหยื่อ” ของ “การปฏิวัติส่งออกเวอร์ชั่นใหม่” แต่ข่าวคราวกรณีที่ประธานาธิบดีอิหร่าน ต้องออกมายอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจอิหร่านหนักหนาสาหัสที่สุดในรอบ 40 ปีหลังจากที่ประเทศซึ่งร่วมลงนามในข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน ไม่ว่ารัสเซีย จีน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาประเทศ “อียู” หรือ “อีย้วย” ทั้งหลาย ไม่สามารถช่วยบรรเทาเบาบาง ผลกระทบจาก “การแซงชั่น” ของอเมริกาได้อย่างเท่าที่ควรจะเป็น โอกาสที่โลกทั้งโลกจะได้เห็น “เหยื่อรายต่อไป” แบบรายแล้ว รายเล่า ก็น่าจะมีโอกาสเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...