“ศาลฎีกา” พิพากษายืน ศิริโชค- เทพไท - ชวนนท์ สามเกลอสายล่อฟ้า หมิ่นประมาท "ยิ่งลักษณ์" ปม ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ ให้จำคุกคนละ 1ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท ให้รอลงอาญา 2 ปี ยังสมัคร ส.ส.ได้
วานนี้ (24ม.ค.) ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ. 630/2557 ที่ พนักงานอัยการคดีอาญา 8 และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ , นายเทพไท เสนพงศ์ และนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นฯ, ดูหมิ่นเจ้าพนักงานฯ กรณีเมื่อ ระหว่างวันที่ 10-15 ก.พ. 55 จำเลยทั้งสาม ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ "สายล่อฟ้า" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่องบลูสกาย ร่วมกันใส่ร้ายน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เสียหายขณะไปปฏิบัติภารกิจ ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ทำนองว่า ประพฤติผิดจริยธรรม ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง คดีนี้ศาลชั้นต้น เห็นว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งสาม คนละ 1 ปี และปรับคนละ 50,000 บาท โทษจำคุก ให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี โจทก์ร่วม และจำเลยยื่นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามศาลชั้นต้น
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โจทก์ร่วม ยื่นฎีกาขอไม่ให้ศาลรอการลงโทษ ส่วนจำเลยทั้งสาม ก็ยื่นฎีกา ขอให้ศาลยกฟ้องด้วย อย่างไรก็ตาม ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทั้งฝ่ายโจทก์ร่วม ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ไม่ติดใจดำเนินคดี ส่วนจำเลยทั้งสาม ยื่นคำร้องขอถอนฎีกาออกจากการพิจารณาของศาลฎีกา หลังจากออกคำแถลงขอโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แล้ว
โดยศาลได้อ่านคำสั่งศาลฎีกาเกี่ยวกับการขอถอนฎีกา ซึ่งศาลฎีกาไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามถอนฎีกา เพราะคดีนี้ ศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จสิ้น และส่งให้ศาลชั้นต้นพร้อมอ่านแล้ว ต่อมาศาลชั้นต้น จึงได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ยืนตามศาลอุทธรณ์พิพากษามา แต่ให้รอลงอาญาจำเลยทั้งสาม
ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา นายศิริโชคและนายชวนนท์ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า เคารพคำพิพากษาของศาล ซึ่งศาลก็ระบุเหตุผลค่อนข้างชัดเจน ว่าแนวทางหรือวิธีการในการจัดรายการในวันนั้นมีเจตนาดี แต่อาจเป็นแนวทางที่เกินเลยข้อกฎหมายไป เพราะข้อเท็จจริง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไมได้ชี้แจงเหตุผลที่เดินทางไปประชุมโรงแรมโฟซีซั่นวันนั้น ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ศาลฎีกาจึงมีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ โดยให้รอลงอาญา
เมื่อถามว่าศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุกโดยรอลงอาญามีผลต่อการลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. หรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า ไม่มีผล เนื่องจากกรณีที่จะขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ศาลต้องมีคำพิพากษาจำคุกจริง แต่วันนี้ศาลให้รอลงอาญา จึงไม่มีผล เนื่องจากความผิดที่ได้รอลงอาญาไว้เป็นฐานหมิ่นประมาท ซึ่งในรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามผู้ถูกรอการลงโทษในความผิดฐานหมิ่นประมาทและความผิดลหุโทษ เป็น ส.ส. หรือเป็นรัฐมนตรี
ส่วนกรณีที่ออกมาขอโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น ก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง เพราะเราก็มีความรู้สึกอยู่แล้วว่าในบางคำพูดที่เราพูดไปสังคมทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจ เราก็ขอโทษในประเด็นนั้นไป แต่ประเด็นหลัก ๆ คือการที่เราตรวจสอบการทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าทำไมวันนั้นไม่ไปประชุมสภา ทำไมไปโรงแรมโฟซีซั่น ซึ่งศาลก็ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความจำเป็นจะต้องชี้แจงในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้ชี้แจง.
วานนี้ (24ม.ค.) ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ. 630/2557 ที่ พนักงานอัยการคดีอาญา 8 และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ , นายเทพไท เสนพงศ์ และนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นฯ, ดูหมิ่นเจ้าพนักงานฯ กรณีเมื่อ ระหว่างวันที่ 10-15 ก.พ. 55 จำเลยทั้งสาม ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ "สายล่อฟ้า" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่องบลูสกาย ร่วมกันใส่ร้ายน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เสียหายขณะไปปฏิบัติภารกิจ ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ทำนองว่า ประพฤติผิดจริยธรรม ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง คดีนี้ศาลชั้นต้น เห็นว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งสาม คนละ 1 ปี และปรับคนละ 50,000 บาท โทษจำคุก ให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี โจทก์ร่วม และจำเลยยื่นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามศาลชั้นต้น
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โจทก์ร่วม ยื่นฎีกาขอไม่ให้ศาลรอการลงโทษ ส่วนจำเลยทั้งสาม ก็ยื่นฎีกา ขอให้ศาลยกฟ้องด้วย อย่างไรก็ตาม ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทั้งฝ่ายโจทก์ร่วม ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ไม่ติดใจดำเนินคดี ส่วนจำเลยทั้งสาม ยื่นคำร้องขอถอนฎีกาออกจากการพิจารณาของศาลฎีกา หลังจากออกคำแถลงขอโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แล้ว
โดยศาลได้อ่านคำสั่งศาลฎีกาเกี่ยวกับการขอถอนฎีกา ซึ่งศาลฎีกาไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามถอนฎีกา เพราะคดีนี้ ศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จสิ้น และส่งให้ศาลชั้นต้นพร้อมอ่านแล้ว ต่อมาศาลชั้นต้น จึงได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ยืนตามศาลอุทธรณ์พิพากษามา แต่ให้รอลงอาญาจำเลยทั้งสาม
ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา นายศิริโชคและนายชวนนท์ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า เคารพคำพิพากษาของศาล ซึ่งศาลก็ระบุเหตุผลค่อนข้างชัดเจน ว่าแนวทางหรือวิธีการในการจัดรายการในวันนั้นมีเจตนาดี แต่อาจเป็นแนวทางที่เกินเลยข้อกฎหมายไป เพราะข้อเท็จจริง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไมได้ชี้แจงเหตุผลที่เดินทางไปประชุมโรงแรมโฟซีซั่นวันนั้น ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ศาลฎีกาจึงมีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ โดยให้รอลงอาญา
เมื่อถามว่าศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุกโดยรอลงอาญามีผลต่อการลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. หรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า ไม่มีผล เนื่องจากกรณีที่จะขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ศาลต้องมีคำพิพากษาจำคุกจริง แต่วันนี้ศาลให้รอลงอาญา จึงไม่มีผล เนื่องจากความผิดที่ได้รอลงอาญาไว้เป็นฐานหมิ่นประมาท ซึ่งในรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามผู้ถูกรอการลงโทษในความผิดฐานหมิ่นประมาทและความผิดลหุโทษ เป็น ส.ส. หรือเป็นรัฐมนตรี
ส่วนกรณีที่ออกมาขอโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น ก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง เพราะเราก็มีความรู้สึกอยู่แล้วว่าในบางคำพูดที่เราพูดไปสังคมทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจ เราก็ขอโทษในประเด็นนั้นไป แต่ประเด็นหลัก ๆ คือการที่เราตรวจสอบการทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าทำไมวันนั้นไม่ไปประชุมสภา ทำไมไปโรงแรมโฟซีซั่น ซึ่งศาลก็ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความจำเป็นจะต้องชี้แจงในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้ชี้แจง.