ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เป็นเวลามากกว่า 2 ปีที่ไม่พบการปรากฏตัวของ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่หนีคดีทั้งร่วมกันฟอกเงิน รับของโจรและคดีบุกรุกป่า โดยก่อนหน้านี้ทางลูกศิษย์วัดพระธรรมกายโดยนายองอาจ ธรรมนิทา ได้ถ่ายทอดสดให้เห็นการอาพาธของพระธัมมชโย ที่ป่วยด้วยอาการหลอดเลือดดำอุดตันบริเวณขาซ้าย เมื่อ 22 พฤษภาคม 2559 เพื่อกลบข่าวลือว่าได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว
พร้อมทั้งยืนยันว่าพระธัมมชโยจะไปรับทราบข้อกล่าวหาก่อนวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 ซึ่งเป็นเส้นตายที่กำหนดไว้ แต่ในวันดังกล่าวไม่มีการมอบตัวของพระธัมมชโย โดยแจ้งผ่านทนายความของวัดว่าเกิดอาการอาพาธกะทันหัน หลังจากนั้นสาธารณชนก็ไม่พบพระธัมมชโยอีกเลย
จากเหตุดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายตั้งแต่คืนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 เพื่อหาตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดี แต่ไม่สามารถติดตามตัวได้ จนต้องยกเลิกคำสั่งเมื่อ 11 เมษายน 2560 และยังถูกถอดสมณศักดิ์จากพระเทพญาณมหามุนี รวมถึงมีการแต่งตั้งพระครูสังฆรักษ์รังสฤษฎ์ พระในวัดพระธรรมกายขึ้นเป็นเจ้าอาวาสรูปใหม่แทน
เบอร์ 1 หาย-วัดแตก
แต่ในทางปฏิบัติเป็นที่ทราบกันดีว่า ภายในวัดยังให้ความสำคัญกับ พระทัตตชีโว เบอร์ 2 ของวัดขึ้นมาเป็นประธานงานบุญของวัดตลอดเวลา และอำนาจในการบริหารงานภายในวัดเป็นของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ น้องชายเสี่ยสอง วัชรศรีโรจน์
การเงียบหายไปของพระธัมมชโยท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอำนาจในการบริหารวัดพระธรรมกาย กิจกรรมบุญต่าง ๆ ยังคงเดินหน้าต่อไป ทั้งบุญใหญ่และบุญเล็ก การบอกบุญยังดำเนินไปตามปกติเหมือนเมื่อครั้งที่พระธัมมชโยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เพียงแต่มีพระทัตตชีโวขึ้นเป็นประธาน หลายงานมีการเปิดเสียงพระธัมมชโยเข้ามาเสริม เพื่อคลายความกังวลและดึงศรัทธาจากเหล่าบรรดาลูกศิษย์
ท่ามกลางการไร้วี่แววของพระธัมมชโยที่ทางการพยายามหาตัวมาดำเนินคดี และการโหยหาของบรรดาศิษย์ที่เคารพศรัทธาในตัวพระธัมมชโย โดยศิษย์กลุ่มของนายอัยย์ เพชรทอง ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตุถึงความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นกับคดีความของพระธัมมชโย มีความเชื่อว่ามีพระภายในวัดพระธรรมกายอาจมีเจตนากระทำการให้พระธัมมชโยถูกดำเนินคดี เพื่อทีมงานของพระดังกล่าวจะได้ขึ้นมาทำหน้าที่บริหารวัดและรวมถึงการขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายแทน
อัยย์หัวหอกโค่นพระมหาสมชาย
โดยหลังจากเกิดคดีความกับวัดพระธรรมกาย ภาครัฐได้มีการดำเนินคดีทุจริตเงินทอนวัดกับพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม ที่เคยหนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของวัดพระธรรมกาย ศิษย์ธรรมกายอย่างอัยย์ เพชรทอง ได้ออกมาเคลื่อนไหวในรูปของการจัดเสวนาทางวิชาการเรื่องภัยทางพระพุทธศาสนา ขณะที่ทางวัดพระธรรมกายออกประกาศการเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับทางวัด ขนาดถึงกับมีการประกาศห้ามบุคคลในกลุ่มอัยย์เข้ามาในบริเวณวัด
กลายเป็นความแตกแยกของวัดพระธรรมกาย ทั้งระหว่างศิษย์กลุ่มอัยย์กับกลุ่มอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่ผ่านมา และแตกแยกระหว่างศิษย์กับพระผู้ใหญ่ที่บริหารงานในวัดพระธรรมกาย ขณะที่ฝ่ายอัยย์ยังคงรุกหนักด้วยการรวมพลไปขับไล่พระกลุ่มเป้าหมายให้ออกไปจากวัด รวมถึงนำเหตุการณ์การเสียชีวิตของศิษย์คนสำคัญ และการไล่พระลูกวัดออกกลางพรรษา มาจับโยงมาเกี่ยวข้องกับพระที่ถูกตั้งข้อสงสัยทั้งหมด
การรุกหนักของอัยย์ถึงขั้นทำหนังสือถึงพระครูสังฆรักษ์รังสฤษฎ์ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พร้อมสำเนาถึงหลวงพ่อทัตตชีโว เมื่อ 11 กันยายน 2561 ขอให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อระงับอนุวาทาธิกรณ์ตามพระธรรมวินัยกับพระในวัดพระธรรมกาย 6 รูป ประกอบด้วย พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ พระถวัลย์ศักดิ์ ยติสักโก พระครูใบฎีกาอำนวยศักดิ์ มุนิสโก พระครูสังฆรักษ์อนุรักษ์ โสตถิโก พระแสนพล เทพเทพา พระทวี พรหมเทโว และยังส่งเรื่องนี้ไปยัง พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
ส่งสัญญาณ-พระธัมมชโยกุมอำนาจ
แม้เรื่องนี้จะไม่มีการตอบรับจากวัดพระธรรมกายและเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี แต่เริ่มมีสัญญาณบางประการมาถึงกลุ่มลูกศิษย์อัยย์ เพชรทองให้ทราบว่า ผู้มีอำนาจในวัดพระธรรมกายตัวจริงรับรู้และต้องการยุติปัญหานี้
ตัวอย่างหนึ่งที่นับว่าเป็นการแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้องของศิษย์กลุ่มอัยย์ ที่พบว่ามีพระในวัดพระธรรมกายบางรูป มีพฤติกรรมจำหน่ายพระเครื่อง จากนั้นจึงพบว่าพระครูปลัดจิรวัฒน์ จิรวฑฒโน ได้ลาสิกขาไปตามหนังสือเสนอบุคลากรสิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2561
ทุกอย่างมาชัดเมื่อปลายปี 2561 จากการบอกบุญแผ่นทองปิดบนยอดโดม พระมหาธรรมกายเจดีย์ เริ่มพิธีเมื่อ 1 มกราคม 2562 โดยก่อนเริ่มงานมีการตั้งข้อสงสัยจากศิษย์กลุ่มอัยย์มาอย่างต่อเนื่องว่าโครงการดังกล่าวเป็นของใคร ด้วยเกรงว่าจะมีการบอกบุญเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าของพระที่กุมอำนาจบริหารอยู่ในขณะนี้ ซึ่งศิษย์กลุ่มนี้ไม่ไว้วางใจ
แต่มีศิษย์อีกจำนวนหนึ่งที่พยายามแจ้งว่าโครงการดังกล่าวเป็นของ 01(รหัสเรียกแทนพระธัมมชโย) ช่วงแรก ๆ แกนนำไม่เชื่อยังคงทักท้วงเรื่องการทำบุญครั้งนี้ แต่ไม่นานนักเสียงทักท้วงจากศิษย์เบอร์ต้น ๆ ในกลุ่มนี้ก็เงียบลง พร้อมกับการลดบทบาทในการเคลื่อนไหวของนายอัยย์ เพชรทองและนางสาวศศินภา นิติธรรมปพน
สาเหตุที่กลุ่มอัยย์ เพชรทอง ลดการเคลื่อนไหวเป็นเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงในวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะพระในตำแหน่งบริหาร 3 รูปจาก 6 รูปที่อัยย์เคยยื่นอธิกรณ์ เบอร์หนึ่งที่ถูกจับตาเป็นพิเศษพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ ได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปพำนักตามสาขาต่าง ๆ ของวัดพระธรรมกายในต่างประเทศ
พระครูใบฎีกาอำนวยศักดิ์ มุนิสโก จากสำนักประธาน ถูกย้ายประจำศูนย์ปฏิบัติธรรมอินโดนีเซียและมอบให้พระที่ดูแลศูนย์อินโดฯ เข้ามาทำหน้าที่แทนในสำนักประธาน ส่วนพระถวัลย์ศักดิ์ ยติสักโก พ้นจากการดูแลงานด้านการคลังของวัด ยังเหลืออีก 3 รูปพระครูสังฆรักษ์อนุรักษ์ โสตถิโก พระแสนพล เทพเทพาและพระทวี พรหมเทโว ตอนนี้ทั้ง 3 ลดบทบาทลงเลือกที่จะอยู่เงียบ ๆ กับสถานการณ์ที่มีความเปลี่ยนแปลง
คนอื่นแก้ไม่ได้
การที่พระมหาสมชายต้องท่องต่างประเทศยาว พระอำนวยศักดิ์ย้ายไปอินโดฯ พระถวัลย์ศักดิ์หลุดคลัง เป็นไปไม่ได้ที่พระทัตตชีโวจะเป็นผู้ลงดาบ เพราะหากจะทำน่าจะดำเนินการไปก่อนหน้านี้แล้ว ผู้ที่จะทำให้พระผู้ใหญ่ทั้ง 3 รูปพ้นจากตำแหน่งได้ต้องเป็นคำสั่งของเบอร์ 1 ของวัดเท่านั้น นั่นคือพระธัมมชโย
แม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวออกมาว่าพระธัมมชโยได้กลับเข้ามาบริหารงานวัดพระธรรมกายเหมือนเดิมแล้ว แต่เป็นที่ทราบกันเป็นการภายในว่าตอนนี้อำนาจทั้งหมดกลับไปที่การตัดสินใจของพระธัมมชโย ไม่เช่นคงไม่มีใครกล้าเคลียร์ปัญหาเรื่องพระผู้ใหญ่
ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่อัยย์ เพชรทอง เสนอข้อสังเกตุมาแล้วถูกทั้งหมด หลายเรื่องก็ไม่ตรงกับความจริง แต่ที่ต้องเคลียร์ให้เพื่อต้องการลดปัญหาความขัดแย้งภายในวัด ไม่เช่นนั้นการขับเคลื่อนแนวทางของวัดอาจไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันและขาดพลังสนับสนุนจากลูกศิษย์บางส่วน อีกทั้งยังเกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีกับวัดพระธรรมกาย
ทุกกลุ่มทั้งพระและศิษย์วัดพระธรรมกาย แม้จะมาตามสายของพระผู้ใหญ่ แต่ทุกสายต้องขึ้นตรงต่อพระธัมมชโยทั้งสิ้น ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพราะทุกคนไม่ได้รับข้อมูลใด ๆ จากพระธัมมชโย ตอนนี้การที่ศิษย์กลุ่มอัยย์ ถอยตัวออกไปจากเรื่องที่เคยขัดแย้งกับพระภายในวัด สะท้อนให้เห็นถึงการส่งสัญญาณมาถึงศิษย์กลุ่มนี้ สำหรับอัยย์ เพชรทอง แล้วหากไม่ใช่เป็นสัญญาณที่มาจาก 01 เขาคงไม่ยอมยุติการเคลื่อนไหว
พอดีเลือกตั้ง
นับเป็นจังหวะพอดีกับสถานการณ์ในช่วงนี้ ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 วัดพระธรรมกายสามารถยุติปัญหาความขัดแย้งภายในวัดได้ ภายใต้ความเชื่อที่คาดกันว่าได้ศูนย์รวมจิตใจของพวกเขากลับคืนมา ลูกศิษย์ในสายการเมืองอย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักษาชาติ อาจมีความหวังสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงอยู่ไม่น้อย เช่นเดียวกับทางวัดที่ยังคาดหวังว่าคดีความต่าง ๆ ที่มีอาจเปลี่ยนแปลงไปหากพรรคการเมืองสายของทักษิณ ชินวัตร ได้กลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง
สำหรับบรรดาลูกศิษย์ที่ยังคงศรัทธาในวัดพระธรรมกาย จำนวนไม่น้อยมีความรู้สึกว่าพระที่เขาเคารพศรัทธาถูกกลั่นแกล้ง หลายคนระบายความรู้สึกตำหนิรัฐบาลปัจจุบัน รวมถึงยังผสมกับเหตุการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้ามาเป็นหัวข้อสนทนาในการต่อว่ารัฐบาลนี้
ปฎิเสธไม่ได้ว่าการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา ฐานเสียงจากศิษย์วัดพระธรรมกายมีผลต่อการเลือกตั้งอยู่ไม่น้อย แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาวัดพระธรรมกายจะเสียเครดิตไปไม่น้อยจากคดีความที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น แต่การเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้พรรคการเมืองอื่นก็คงประมาทฐานเสียงจากลูกศิษย์วัดพระธรรมกายไม่ได้เช่นกัน