หลังจากที่มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 ลงในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อตอนสาย วันที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา ถือว่าประเทศไทยได้เข้าสู่บรรยากาศของการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว ตามขั้นตอนจากนี้ ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็จะกำหนดวันรับสมัครและวันเลือกตั้ง ส.ส.ตามมาภายใน 5 วัน
**และล่าสุดก็เป็นไปตามคาดหมายตามที่ส่งสัญญาณมาก่อนหน้านี้ก็คือ ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้มีมติ กำหนดวันเลือกตั้งทั่วประเทศ ในวันอาทิตย์ 24 มีนาคม และ รับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ในวันที่ 4-8 กุมภาพันธ์
ทำให้เงื่อนไขแรก ที่บางกลุ่มพยายามหยิบยกขึ้นมา "ด่าฟรี" ประเภทเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง หรือประเภทที่อยากให้ "ไม่มีการเลือกตั้ง" ก็ต้องเงียบเสียงลงไป หรือไม่ก็ต้องหาเงื่อนไขใหม่ขึ้นมาจัดกิจกรรมกันใหม่ ก็ได้
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่มีการประกาศกฤษฎีกาดังกล่าว ทั้งก่อน และหลัง หากสังเกตจะได้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ในมุมการเมืองมองแล้วจะเห็นว่า มีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้น อย่างน้อย เมื่อวานนี้ (23 มกราคม) ก็มีให้เห็นอย่างน้อย สอง-สาม อย่าง
อย่างแรกก็คือ การย้ำให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ แต่เป็นรัฐบาลที่ยังมีอำนาจเต็มทุกประการ นายกรัฐมนตรี ก็ยังมีอำนาจอย่างเต็มที่เหมือนเดิม แต่ขณะเดียวกัน จะมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนบางอย่างในอนาคตอันใกล้นี้ ก็คือ จะมีการพิจารณาว่า จะยังคงมีการประชุมคณะรัฐมนตรี นอกสถานที่ หรือ "ครม.สัญจร" อยู่หรือไม่ แต่สำหรับตัวนายกฯ ซึ่งก็คือ "บิ๊กตู่" นั้น จะยังคงเดินทางไปตรวจราชการตามปกติ เพียงแต่ว่าจะไม่มีการพูดชี้นำให้กับพรรคการเมืองใด หรือขึ้นเวทีกับพรรคใด ซึ่งก็เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้อยู่แล้ว
รวมไปถึงการปรับรูปแบบรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน" ทุกวันศุกร์ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะไม่มีการพูดถึงเรื่องนโยบายของรัฐบาลมากนัก เนื่องจากเกรงว่า จะมีผลทางการเมืองกับบางพรรค แต่จะเน้นย้ำในเรื่องของปัญหา และการรับฟังและการแก้ปัญหาของชาวบ้าน
**แต่ที่น่าสนใจก็คือ ท่าทีล่าสุดทางการเมืองของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แม้ว่ายัง "อุบไต๋" ไม่ยอมตอบคำถามให้เห็นถึงอนาคตทางการเมือง แต่ล่าสุดเขาก็ส่งสัญญาณออกมาแบบอารมณ์ดี พร้อมกับแสดงสัญลักษณ์ทำมือแบบ "โอเค" ให้เห็นถึงสองครั้ง
แน่นอนว่า ท่าทางแบบนี้มาได้จังหวะเวลาพอดี เมื่อมีการประกาศการเลือกตั้ง และวันเลือกตั้ง ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนแบบเต็มร้อย เพราะยังไม่ได้พูดออกมาจากปาก หรือแสดงเหตุผลออกมาให้ทราบ แต่เมื่อพิจารณาจากท่าที และอารมณ์บนความเคลื่อนไหวดังกล่าวมันก็น่าจะชัดเจนไปมากกว่าคำว่า "ผมสนใจการเมือง" อย่างที่เคยพูดก่อนหน้านี้แน่นอน
เอาเป็นว่า เท่าที่เห็นมันก็ค่อนข้างชัวร์ว่า "บิ๊กตู่" น่าจะ"ไปต่อ" แบบไหน จะยอมให้พรรคการเมืองเสนอชื่อในบัญชีนายกฯ ซึ่งหากมาแนวทางนี้ ก็ต้องเป็นพรรคพลังประชารัฐ นั่นแหละ หรือไม่ก็อีกทางหนึ่ง คือไปตามเส้นทาง "นายกฯคนนอก" ซึ่งก็มีช่องเอาไว้ให้เหมือนกัน
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากสัญญาณ และความเคลื่อนไหวล่าสุดแล้ว ความเป็นไปได้ น่าจะออกไปในทางยอมให้พรรคพลังประชารัฐ เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี มากกว่าจะไปในทางนายกฯคนนอก แม้ว่าอย่างหลังจะเป็นช่องทางตามกติกา แต่มันก็มีโอกาสที่มีการสร้างกระแสป่วนจากฝ่ายตรงข้ามในลักษณะที่ว่า ชนะการเลือกตั้งมาแล้ว ต้องมีความชอบธรรมในการเป็นผู้นำบริหารบ้านเมือง
ดังนั้นหนทางแรกคือ ในแบบยอมให้พรรคการเมืองเสนอชื่อ นาทีนี้น่าจะเป็นไปได้มากกว่า แม้จะเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากพรรคการเมืองอื่นในแบบที่ว่า จากผู้ที่เคยเป็นกรรมการ แล้วกลายมาผู้เล่น หรือคู่แข่งขันที่ได้เปรียบ หรือ "เอาเปรียบ" แต่ถึงอย่างไรไม่ว่าออกทางไหนมันก็ต้อง"โดน" วันยังค่ำอยู่ดี ซึ่งในที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับการวางตัวในทางที่เหมาะสมได้หรือไม่ และขึ้นอยู่กับกระแสในตอนนั้นว่าเป็นอย่างไรมาประกอบการตัดสินใจด้วย
**แม้ว่านาทีนี้ยังไม่อาจฟันธงได้เต็มร้อยว่า "บิ๊กตู่" จะไปต่อแบบไหน แต่ท่าที และอารมณ์ความเคลื่อนไหวเท่าที่เห็น มันมีแนวโน้มไปทางรับการเสนอชื่อในบัญชีนายกรัฐมนตรี ของพรรคการเมืองที่เป็นไปได้มากกว่า !!
**และล่าสุดก็เป็นไปตามคาดหมายตามที่ส่งสัญญาณมาก่อนหน้านี้ก็คือ ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้มีมติ กำหนดวันเลือกตั้งทั่วประเทศ ในวันอาทิตย์ 24 มีนาคม และ รับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ในวันที่ 4-8 กุมภาพันธ์
ทำให้เงื่อนไขแรก ที่บางกลุ่มพยายามหยิบยกขึ้นมา "ด่าฟรี" ประเภทเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง หรือประเภทที่อยากให้ "ไม่มีการเลือกตั้ง" ก็ต้องเงียบเสียงลงไป หรือไม่ก็ต้องหาเงื่อนไขใหม่ขึ้นมาจัดกิจกรรมกันใหม่ ก็ได้
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่มีการประกาศกฤษฎีกาดังกล่าว ทั้งก่อน และหลัง หากสังเกตจะได้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ในมุมการเมืองมองแล้วจะเห็นว่า มีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้น อย่างน้อย เมื่อวานนี้ (23 มกราคม) ก็มีให้เห็นอย่างน้อย สอง-สาม อย่าง
อย่างแรกก็คือ การย้ำให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ แต่เป็นรัฐบาลที่ยังมีอำนาจเต็มทุกประการ นายกรัฐมนตรี ก็ยังมีอำนาจอย่างเต็มที่เหมือนเดิม แต่ขณะเดียวกัน จะมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนบางอย่างในอนาคตอันใกล้นี้ ก็คือ จะมีการพิจารณาว่า จะยังคงมีการประชุมคณะรัฐมนตรี นอกสถานที่ หรือ "ครม.สัญจร" อยู่หรือไม่ แต่สำหรับตัวนายกฯ ซึ่งก็คือ "บิ๊กตู่" นั้น จะยังคงเดินทางไปตรวจราชการตามปกติ เพียงแต่ว่าจะไม่มีการพูดชี้นำให้กับพรรคการเมืองใด หรือขึ้นเวทีกับพรรคใด ซึ่งก็เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้อยู่แล้ว
รวมไปถึงการปรับรูปแบบรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน" ทุกวันศุกร์ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะไม่มีการพูดถึงเรื่องนโยบายของรัฐบาลมากนัก เนื่องจากเกรงว่า จะมีผลทางการเมืองกับบางพรรค แต่จะเน้นย้ำในเรื่องของปัญหา และการรับฟังและการแก้ปัญหาของชาวบ้าน
**แต่ที่น่าสนใจก็คือ ท่าทีล่าสุดทางการเมืองของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แม้ว่ายัง "อุบไต๋" ไม่ยอมตอบคำถามให้เห็นถึงอนาคตทางการเมือง แต่ล่าสุดเขาก็ส่งสัญญาณออกมาแบบอารมณ์ดี พร้อมกับแสดงสัญลักษณ์ทำมือแบบ "โอเค" ให้เห็นถึงสองครั้ง
แน่นอนว่า ท่าทางแบบนี้มาได้จังหวะเวลาพอดี เมื่อมีการประกาศการเลือกตั้ง และวันเลือกตั้ง ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนแบบเต็มร้อย เพราะยังไม่ได้พูดออกมาจากปาก หรือแสดงเหตุผลออกมาให้ทราบ แต่เมื่อพิจารณาจากท่าที และอารมณ์บนความเคลื่อนไหวดังกล่าวมันก็น่าจะชัดเจนไปมากกว่าคำว่า "ผมสนใจการเมือง" อย่างที่เคยพูดก่อนหน้านี้แน่นอน
เอาเป็นว่า เท่าที่เห็นมันก็ค่อนข้างชัวร์ว่า "บิ๊กตู่" น่าจะ"ไปต่อ" แบบไหน จะยอมให้พรรคการเมืองเสนอชื่อในบัญชีนายกฯ ซึ่งหากมาแนวทางนี้ ก็ต้องเป็นพรรคพลังประชารัฐ นั่นแหละ หรือไม่ก็อีกทางหนึ่ง คือไปตามเส้นทาง "นายกฯคนนอก" ซึ่งก็มีช่องเอาไว้ให้เหมือนกัน
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากสัญญาณ และความเคลื่อนไหวล่าสุดแล้ว ความเป็นไปได้ น่าจะออกไปในทางยอมให้พรรคพลังประชารัฐ เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี มากกว่าจะไปในทางนายกฯคนนอก แม้ว่าอย่างหลังจะเป็นช่องทางตามกติกา แต่มันก็มีโอกาสที่มีการสร้างกระแสป่วนจากฝ่ายตรงข้ามในลักษณะที่ว่า ชนะการเลือกตั้งมาแล้ว ต้องมีความชอบธรรมในการเป็นผู้นำบริหารบ้านเมือง
ดังนั้นหนทางแรกคือ ในแบบยอมให้พรรคการเมืองเสนอชื่อ นาทีนี้น่าจะเป็นไปได้มากกว่า แม้จะเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากพรรคการเมืองอื่นในแบบที่ว่า จากผู้ที่เคยเป็นกรรมการ แล้วกลายมาผู้เล่น หรือคู่แข่งขันที่ได้เปรียบ หรือ "เอาเปรียบ" แต่ถึงอย่างไรไม่ว่าออกทางไหนมันก็ต้อง"โดน" วันยังค่ำอยู่ดี ซึ่งในที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับการวางตัวในทางที่เหมาะสมได้หรือไม่ และขึ้นอยู่กับกระแสในตอนนั้นว่าเป็นอย่างไรมาประกอบการตัดสินใจด้วย
**แม้ว่านาทีนี้ยังไม่อาจฟันธงได้เต็มร้อยว่า "บิ๊กตู่" จะไปต่อแบบไหน แต่ท่าที และอารมณ์ความเคลื่อนไหวเท่าที่เห็น มันมีแนวโน้มไปทางรับการเสนอชื่อในบัญชีนายกรัฐมนตรี ของพรรคการเมืองที่เป็นไปได้มากกว่า !!