xs
xsm
sm
md
lg

บทสรุปสาวเขมร+ไทย...ในฐานะประธานท่าเรือจีน

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


เห็นข่าวในเว็บไซต์ “ผู้จัดการ” วันวาน ที่พาดหัวเอาไว้ประมาณว่า... “ไม่ถึงเดือนปลดยิ่งลักษณ์พ้นเก้าอี้ประธานซัวเถา-ตั้งชาวจีนนั่งแทน” ก็เลยอดไม่ได้ที่จะต้อง “ตามไปดู” กันเล็กๆ น้อยๆ เพราะการที่ “สาวเขมร” (ถือพาสปอร์ตเขมร) ผู้เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ได้ขึ้นนั่งแท่นเป็นประธานบริษัทท่าเรือที่ใหญ่โตมิใช่น้อยในเมืองจีน คือบริษัท “Shantou International Container Terminal-SICT” ทั้งๆ ที่เพิ่ง “หนีคดี” จากประเทศไทยไปหมาดๆ ต้องถือเป็นเรื่อง “ไม่ธรรมดา” อยู่แล้วแน่ๆ...

แต่คงไม่ต้องเสียเวลาตามไปดูที่บริษัท “SICT” เพราะการเปลี่ยนตัวประธานจาก “สาวเขมร+ไทย” ผู้มีชื่อว่า “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่เพิ่งขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานได้ไม่ถึงเดือน กลับไปเป็นประธานที่เป็นชาวจีนล้วนๆ นั้น บริษัทเขาคงไม่อยากหยิบมาพูดถึงกล่าวถึงมากมายสักเท่าไหร่นัก สู้ตามไปดูที่หมู่บ้านเล็กๆ คือหมู่บ้านที่ไม่รู้ว่าจะออกชื่อภาษาจีนว่ายังไงดี แต่ถ้าว่ากันตามภาษาปะกิต ที่หนังสือพิมพ์ “เซาท์ ไชนา มอร์นิ่ง โพสต์” เขาได้นำมารายงาน ก็คือหมู่บ้าน “Taxia” ในมณฑลกวางตุ้ง ที่ใช้เวลาขับรถประมาณ 4 ชั่วโมง ก็น่าจะมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ได้ไม่ยาก...

เหตุที่ต้องตามไปดู ณ ที่หมู่บ้านแห่งนี้...ก็เพราะถือกันว่า เป็นแหล่งเกิด ก่อกำเนิด ต้นตระกูล “ชินวัตร” รุ่นแรก ผู้ลงเรือเดินทางจากเมือง “Meizhou” และ “Chaozhou” มายังแผ่นดินไทยแลนด์ แดนสยาม เมื่อช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และมาประสบความร่ำรวยจากการค้าขาย การประมูลภาษี หรือการเป็นเจ้าภาษีนายอากร นั่นคือผู้มีนามกรภาษาจีนว่า “นายSeng Saekhu” ที่ถือเป็นต้นตระกูลบรรดาลูกหลาน “ชินวัตร” ทั้งหลายในเมืองไทย จนตราบเท่าทุกวันนี้...

และนั่นเองที่เป็นเหตุให้ “ชินวัตรรุ่นเหลน” ไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” หรืออดีตนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ของเมืองไทย ต้องถ่อร่างเดินทางไปเยือนหมู่บ้าน “Taxia” กันมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก่อนถูกปฏิวัติในปี ค.ศ. 2006 “ทักษิณ” ได้เคยเดินทางไปเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ในช่วงปี ค.ศ. 2005 และหลังจากถูกปฏิวัติในปี ค.ศ. 2014 “ยิ่งลักษณ์” ก็ได้ถือโอกาสเดินทางมาเยือน จะเพื่อมาคารวะ หรือมาร้องไห้ต่อหน้าดวงวิญญาณบรรพบุรุษก็แล้วแต่ แต่ว่ากันว่า...นั่นเองที่เป็นเหตุส่งผลให้บรรดาคณะกรรมการหมู่บ้าน “Taxia” ไปจนถึงรัฐบาลท้องถิ่นมณฑลกวางตุ้ง เกิด “ครีเอทีฟไอเดีย” ประมาณ “โฟร์เอสสร้างสรรค์” ทำนองนั้นโดยกะที่จะหาทางบูรณะ ฟื้นฟู อนุรักษ์อาคารสถานที่ อันมีความเกี่ยวพันกับต้นตระกูล “ชินวัตร” ให้กลายเป็นแหล่งดึงดูด “นักท่องเที่ยว” โดยเฉพาะชาวจีนในเมืองไทย ให้มาเซ่นวัก เซ่นไหว้ หรือมาชื่นชมกับอนุสรณ์สถานกับเรื่องราวประวัติความเป็นมาของคนในหมู่บ้าน ที่สามารถขึ้นไปเป็นใหญ่ เป็นโต เป็นถึงนายกรัฐมนตรีเมืองไทย เป็นอภิมหาเศรษฐีติดอันดับโลก ได้อย่างน่าทึ่ง น่าประทับใจเอามากๆ...

แบบเดียวกับที่คนในหมู่บ้าน “Tangqi” เมือง “Dapu” ซึ่งอยู่ห่างไปจากเมือง “Taxia” ไม่ไกลสักเท่าไหร่ ที่ลูกหลานชาวจีน Hakkas หรือจีนแคะในหมู่บ้านแห่งนี้ ได้ไปเป็นใหญ่ เป็นโตอยู่ในประเทศสิงคโปร์ เป็นนายกรัฐมนตรีผู้มีนามว่า “ลี กวนยู” และมีลูกชายผู้มีนามว่า “ลี เซียนลุง” ที่ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากพ่ออีกไม่นานเท่าไหร่ ส่งผลให้คณะกรรมการหมู่บ้านและรัฐบาลท้องถิ่น ตัดสินใจทุ่มเงินถึงประมาณ 30 ล้านหยวน หรือประมาณ 4.5 ล้านดอลลาร์ บูรณะฟื้นฟูอาคาร สถานที่ สิ่งที่เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของต้นตระกูลบรรพบุรุษนายกรัฐมนตรี “ลี กวนยู” กันอย่างเป็นกิจการ ไม่ว่าการตัดถนนเข้าไปในหมู่บ้าน สร้างทะเลสาบจำลอง สร้างอาคารที่ระลึกสำหรับตระกูลลี เอาไว้กลางหมู่บ้าน ทั้งๆ ที่ตัวนายกฯ “ลี กวนยู” หรือลูกชาย “ลี เซียนลุง” ไม่เคยคิดจะมาเยี่ยมยาม ไม่ได้กลับมาเซ่นไหว้วิญญาณบรรพบุรุษ ณ หมู่บ้านแห่งนี้ เหมือนอย่างลูกหลานตระกูล “ชินวัตร” เอาเลยแม้แต่น้อย แต่กระนั้น...ก็ยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีน ชาวสิงคโปร์ ให้เดินทางมาแสดงความชื่นชมต่อเกียรติประวัติ คุณูปการของลูกหลานจีนแคะในหมู่บ้านแห่งนี้ เดือนละ 100-1,000 คน เรียกว่า...ได้ทั้ง “เงิน” ได้ทั้ง “กล่อง” อะไรประมาณนั้น...

แต่สำหรับตระกูล “ชินวัตร” นั้น...แม้ลูกหลานจะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด แผ่นดินเกิดครั้งแล้ว ครั้งเล่า แต่ดูเหมือนว่าบรรดาคณะกรรมการหมู่บ้าน ไปจนรัฐบาลท้องถิ่น ออกจะลังเลอยู่ไม่น้อย ว่าจะ “นับญาติ” กับผู้คนในตระกูลนี้กันดีหรือไม่??? อย่างที่ผู้คนในหมู่บ้าน ชื่อว่า “นายXi” เจ้าของร้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งร้านอยู่หน้าศาลบรรพบุรุษตระกูล “ชินวัตร” ไปแค่ไม่กี่ก้าว ได้บอกกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ “เซาท์ ไชนา มอร์นิ่ง โพสต์” เอาไว้ประมาณว่า ข่าวคราวว่าด้วยความพัวพันกับการทุจริต ประพฤติมิชอบ การหลบหนีคดีของทั้ง 2 ศรีพี่น้อง ส่งผลให้คนในหมู่บ้านอดไม่ได้ที่จะต้องหันมาตั้งคำถามกันเอง ว่าควรจะ “นับญาติ” กับคนในตระกูลกันดีหรือไม่ อีกทั้งเมื่อ “ทางการจีน” เริ่มแสดงอาการอึดอัดกับการเดินทางมาเยือนของ 2 ศรีพี่น้องยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมานี่เอง แม้จะมีการนำเอาภาพของอดีตนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” ขณะเดินทางมาคารวะวิญญาณบรรพบุรุษที่เมือง “Taxia” ไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตราแกรม ฯลฯ แบบเป็นงานเป็นการ แต่เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ก็ดันต้อง “ลบทิ้ง” ซะเกลี้ยง!!!

แถมบรรยากาศแห่งการแห่แหน ต้อนรับ ขณะที่ 2 ศรีพี่น้องเหล่านี้ยังดำรงตำแหน่งเป็น “นายกรัฐมนตรี” กลับตอนที่ต้องกลายสภาพเป็น “สัมภเวสี” ยังออกจะผิดแผก แตกต่างแบบคนละเรื่อง คนละม้วน ชนิดที่ทำให้หนึ่งในคณะกรรมการหมู่บ้าน และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน อย่าง “นายQiu Ming Qian” ต้องให้ข้อสรุปไว้กับ “เซาท์ ไชนา มอร์นิ่ง โพสต์” ประมาณว่า บรรดาโครงการของคณะกรรมการหมู่บ้าน และรัฐบาลท้องถิ่น ที่เคยคิดจะฟื้นฟู บูรณะอาคารสถานที่ ศาลเจ้า ไปจนถึงสิ่งที่เกี่ยวพันกับประวัติความเป็นมาของตระกูล “ชินวัตร” ในหมู่บ้าน “Taxia” นั้น... “ได้ถูกโยนทิ้งลงหลุมไปแล้ว...อย่างไม่มีกำหนด!!!”...

พูดง่ายๆ ว่า...บรรดาชาวจีนทั้งหลาย เขาออกจะ “หูไว-ตาไว” มิใช่น้อย ไม่ว่าไล่มาตั้งแต่ระดับรัฐบาลกลาง รัฐบาลท้องถิ่น ไปจนถึงคณะกรรมการหมู่บ้าน หรือระดับชาวบ้าน-ชาวช่องแบบธรรมดาๆ ก็ตาม ด้วยเหตุนี้...โอกาสที่ลูกหลาน “ชินวัตร” อย่างอดีตนายกฯ “ยิ่งลักษณ์” ผู้กำลังอยู่ในระหว่างหลบหนีคดีทุจริตในเมืองไทย จะผงาดขึ้นเป็นประธานบริษัทท่าเรือจีนอย่างบริษัท “ซัวเถา อินเตอร์เนชั่นแนล” ได้แบบคล่องเนื้อ คล่องตัว หรือคล่องคอ คงไม่น่าจะ...ง่ายๆ ถึงเพียงนั้น การโยนประธานคนใหม่ที่เพิ่งแต่งตั้งได้เพียงไม่ถึง 1 เดือน “ลงหลุม” แล้วตั้งประธานคนใหม่ล่าสุดซึ่งเป็นชาวจีนล้วนๆขึ้นมาแทนที่ อันนี้...ต้องถือว่าบรรดาชาวจีนเขาออกจะ “เล่นเป็น” อยู่พอสมควร...
กำลังโหลดความคิดเห็น