ข่าวปนคน คนปนข่าว
**"บิ๊กนมชง - ฉัตรชัย สาริกัลยะ" คิดการใหญ่ ? เบื้องหลัง "ลุงตู่" ว๊ากพลังประชารัฐล้ำเส้น ปล่อย"พ่อมดดำ" สุชาติ ตันเจริญ โม้เสก สปก.4-01 เป็นทองคำ
เรื่องพลั้งปาก พูดเอามันจนล้ำเส้นของ "พ่อมดดำ" สุชาติ ตันเจริญ หนึ่งในแกนนำพรรคพลังประชารัฐ กรณีจะเสกที่ดิน สปก.4-01ที่ทั่วประเทศมีอยู่ 35 ล้านไร่ ให้กลายเป็นทองคำ บนเวทีปราศรัยหาเสียงให้พรรคฯ แม้ว่าทางหนึ่งกลายเป็นยื่นหน้าไปหาบาทา โดนพรรคอื่นหยิบไปเป็นประเด็นดิสเครดิต ว่าโฆษณาเกินจริง ขายฝันทำให้พลังประชารัฐ เสียรังวัดไปพอสมควร ... แต่อีกทางหนึ่ง การเปิดเรื่องนี้ก็ได้ชี้ให้เห็นถึงเบื้องหลังว่า ในกลุ่มคนกันเองใกล้ตัว "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บางคนผสมโรงชิงจังหวะสถานการณ์นี้ เอาดีใส่ตัว โยนชั่วไปให้คนอื่น .. ว่ากันว่า บทพูดของลุงตู่ ที่ว๊ากเพ้ยไม่สบอารมณ์ต่อแกนนำพรรคพลังประขารัฐ ร่ายเป็นฉากๆ ถึงความเป็นไปไม่ได้ที่จะเสก สปก.4-01 ให้เป็นทองคำ มาจากข้อมูลของเพื่อนที่ไว้วางใจที่สุด รองนายกฯ "บิ๊กนมชง" พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ นั่นเอง
ต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ฉัตรชัย เคยเป็น รมว.เกษตรฯ และในสมัยที่คุมกระทรวงนี้ เป็นคนที่เสนอให้ยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยที่ทำกินซึ่งก็รวมถึง สปก.4-01 ด้วย และขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการนำเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาฯ ... ในรายละเอียดของการแก้ไขหลักๆ ก็เพื่อให้การจัดการที่ดิน สปก. ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นประโยชน์ต่อประชาชน มิใช่นายทุน หรือการนำไปใช้ผิดประเภท เจตนา ... ก็ถือเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งในผลงานรัฐบาลทหาร อันนี้ต้องยอมรับ "บิ๊กนมชง" เชื่อเสมอว่า ผลงานเรื่องแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ยิ่ง สปก.4-01 นั้นเป็นของข้าใครอย่าแตะ การถูกนักการเมืองชุปมือเปิบ หยิบเรื่องนี้ไปหาเสียง จึงเป็นเรื่องที่ยอมกันไม่ได้ ถ้าไม่ได้ตกลงพูดคุยกันก่อน
การเคลื่อนไหวของเพื่อนสนิทลุงตู่ ในลักษณะที่ "เอ็งพลาดมาข้าเสียบ" ครั้งนี้ ทั้งๆ ที่ถ้าพูดคุยให้ตรงกันก็จะไปได้สวยกว่านี้ เพราะยังไงที่สุดแล้ว นโยบายที่ดินทำกิน รัฐบาลก็ประกาศว่าจะแก้กฎหมายอยู่แล้ว เมื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ในทางการเมืองลุงตู่ ก็ย่อมได้ประโยชน์ด้วย ... แท้ที่จริง พล.อ.ฉัตรชัย คิดอะไรอยู่ หรือคิดการใหญ่ หรือมองข้ามช็อตไปถึงสมัยหน้าแล้ว ไม่มีใครเดาใจออก แต่ความจริงที่ไม่ต้องคาดเดาคือ แม้ว่าพล.อ.ฉัตรชัยไม่ได้ถูกมองว่าอยู่ในระดับเดียวกับ "พี่ป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ "พี่ป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แต่ระหว่าง"ลุงตู่" และ"นมชง" เป็น"เพื่อน" ที่ส่งไลน์ถึงกันได้ตลอดเวลา ถ้าลุงตู่จะกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ย่อมต้องมีเพื่อนรักตามมา โดยปราศจากข้อสงสัยว่าเป็นคนใกล้ตัวที่ไร้ซึ่งผลงาน ... ยุทธวิธี "สู้รบโดยไม่ต้องสู้รบ" กลับมาใหญ่โดยไม่ต้องออกแรง ยังมีหลายยก ที่กลุ่ม เสธ.ใกล้ตัว "บิ๊กนมชง" เตรียมชงให้นาย ส่งไลน์ถึงลุงตู่ จับตาหลังประกาศวันเลือกตั้งให้ดีๆ
**ผลประโยชน์มหาศาลจากพ.ร.บ.ปลดล็อกกัญชา นำมาสู่การปล่อยข่าวเท็จเป็นลูกระนาดผ่านสื่อทำลายคนผลักดันที่ตั้งใจดี อย่าง"สมชาย แสวงการ" และรองประธาน "สุรชัย เลี้ยง บุญเลิศชัย"
เมื่อช่วง1-2สัปดาห์ที่ผ่านมา มีบทความลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ 3ฉบับ ด้วยข้อความคล้ายๆ กันคือ ไทยรัฐ ข่าวสด และผู้จัดการ ถึงความห่วงใยในการเร่งรัด ร่างพ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...) พ.ศ...หรือที่เรียกกันว่า "กม.ปลดล็อกกัญชา" ในทำนองขอให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา ควรจัดการระงับคำขอ และยกเลิกนำออกจากระบบทั้งหมด ก่อนที่ร่าง กม.จะมีผลบังคับใช้ ด้วย “หวาดระแวง”ว่าหากกม.บังคับ ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการทดลองวิจัย กระทั่งค้าขายในเชิงพาณิชย์ จะเป็น “บริษัทต่างชาติ”มากกว่าคนไทย เอกชนไทย กระทั่งราชการไทย ... และห่วงว่า บทบัญญัติใน “มาตรา 22”สาระสำคัญ ระบุว่า ผู้ใดครอบครอง “กัญชา”เพื่อศึกษาวิจัยก่อน พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับ ถ้าได้รับใบอนุญาต ต่อผู้อนุญาตภายใน 90 วัน หลังกม.มีผล ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ ถอดรหัสแล้ว เท่ากับ “นิรโทษกรรมล่วงหน้า”แบะท่า “ฟอกผิด”ให้กับผู้ที่ครอบครอง เริ่มงานวิจัยไปก่อนกม.มีผลบังคับ เหมือน “รู้กัน”ล่วงหน้า
ในขณะที่สนช.เองก็กำลังพิจารณา “ประมวลกฎหมายยาเสพติด” 3 ฉบับ ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. …, ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ …) พ.ศ. … อยู่ในการพิจารณา วาระ 2 หรือชั้นกรรมาธิการปรับแก้ไขร่างเดิมที่รัฐบาลส่งมาอยู่ ... นอกจากนั้นยังพาดพิงไปถึง "นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย”และ “นายสมชาย แสวงการ”ในฐานะ วิป สนช. ว่า รู้เห็นและเป็นผู้จัดคิวการพิจารณาร่างกม. ของ สนช.ทุกฉบับ แต่ทำเหมือนไม่รู้ว่าในชั้น สนช. กำลังพิจารณา “ประมวลกฎหมายยาเสพติด”จำนวน 3 ฉบับ
กระทั่งมีการให้ข้อมูลเท็จว่า มีบางคนการรับผลประโยชน์เพื่อกระทำการดังกล่าว ทั้งที่บทนิรโทษกรรมใน มาตรา22 ที่เขียนรองรับคนป่วยและแพทย์แผนต่างๆ งานวิจัยไทย เท่านั้น ล็อกป้องกันต่างชาติไว้ใน มาตรา 26/5 อย่างรัดกุม และการกล่าวหาอันเป็นเท็จว่า แก้กม.ไปเอื้อต่อฝิ่นนั้น ยิ่งแสดงถึงความมั่วของคนปล่อยข่าว เพราะฝิ่นนั้นอยู่ในยาเสพติด ประเภท 1,3,5 คือ ประเภท1 เฮโรอีน ประเภท 3 มอร์ฟีน ยางฝิ่นฯลฯ ส่วนประเภท 5 คือกัญชา กระท่อม และ ต้นฝิ่น ซึ่งทำยาเสพติดไม่ได้ และได้ตรวจสองในกรณีนี้จากผู้เกี่ยวข้องทั้ง ปปส. อย. และกฤษฎีกา แล้ว ... เมื่อได้รับฟังข้อมูลที่ชัดเจนอีกด้าน ไม่กี่วันถัดมา ทางคอลัมน์นี้ได้เขียนอธิบายเงื่อนงำ ความซับซ้อนเรื่องนี้ไปแล้ว ในหัวข้อเรื่อง "กฎหมายคลายล็อกกัญชา "สมชาย แสวงการ-สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย" กำลังเผชิญศึกหลายด้าน จนเป็นเรื่องยากที่คนภายนอกจะเข้าใจได้"
เพื่อให้เห็นถึงความพยายามของ "สมชาย" และกรรมาธิการหลายท่านที่จะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดจากกม.ฉบับนี้ ในการรับมือกับประมวลกฎหมายยาเสพติด กฎกระทรวง สิทธิบัตรกัญชา และการใช้ดุลพินิจของรัฐ ที่กำลังถาโถมเข้าทำลาย ยกเลิกผลของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ของนายสมชาย แสวงการ และพวก อย่างชนิดที่คนภายนอกไม่คาดคิดว่าจะมี "ขบวนการขัดขวางการใช้กัญชาในการแพทย์แผนไทย" ขนาดนี้ ส่วนในข้อเท็จจริง "สุรชัย" ไม่ใช่ผู้สั่ง หรือผู้มีอำนาจในการสั่งบรรจุ หรือกำหนดวาระการประชุมของสนช. เพราะกรณีนี้อยู่ในอำนาจของ ประธานสนช.
ดังนั้นความตั้งใจจริงของ "สมชาย" ที่จะผลักดันกม. และการอยู่นอกเหนืออำนาจของ "สุรชัย" จึงเป็นไม่ได้เลยที่ จะเข้าไปเกี่ยวข้องตามที่มีการกล่าวหาว่า มีบางคนรับประโยชน์จากเรื่องนี้ ถ้าข้อความในคอลัมน์นี้ ก่อนหน้านั้นทำให้เข้าใจว่า ผู้รับประโยชน์เป็นบุคคลทั้งสอง ก็ต้องขออภัยอย่างสูง ต่อ "สมชาย" และ "สุรชัย"ไว้ ณ ทีนี้ ส่วนใครคือ "ไอ้โม่ง" ตัวจริงที่รับประโยชน์ ก็ต้องค้นหากันต่อไปครับ
-----------
รูป
- พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ - สุชาติ ตันเจริญ
-สมชาย แสวงการ, สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย
**"บิ๊กนมชง - ฉัตรชัย สาริกัลยะ" คิดการใหญ่ ? เบื้องหลัง "ลุงตู่" ว๊ากพลังประชารัฐล้ำเส้น ปล่อย"พ่อมดดำ" สุชาติ ตันเจริญ โม้เสก สปก.4-01 เป็นทองคำ
เรื่องพลั้งปาก พูดเอามันจนล้ำเส้นของ "พ่อมดดำ" สุชาติ ตันเจริญ หนึ่งในแกนนำพรรคพลังประชารัฐ กรณีจะเสกที่ดิน สปก.4-01ที่ทั่วประเทศมีอยู่ 35 ล้านไร่ ให้กลายเป็นทองคำ บนเวทีปราศรัยหาเสียงให้พรรคฯ แม้ว่าทางหนึ่งกลายเป็นยื่นหน้าไปหาบาทา โดนพรรคอื่นหยิบไปเป็นประเด็นดิสเครดิต ว่าโฆษณาเกินจริง ขายฝันทำให้พลังประชารัฐ เสียรังวัดไปพอสมควร ... แต่อีกทางหนึ่ง การเปิดเรื่องนี้ก็ได้ชี้ให้เห็นถึงเบื้องหลังว่า ในกลุ่มคนกันเองใกล้ตัว "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บางคนผสมโรงชิงจังหวะสถานการณ์นี้ เอาดีใส่ตัว โยนชั่วไปให้คนอื่น .. ว่ากันว่า บทพูดของลุงตู่ ที่ว๊ากเพ้ยไม่สบอารมณ์ต่อแกนนำพรรคพลังประขารัฐ ร่ายเป็นฉากๆ ถึงความเป็นไปไม่ได้ที่จะเสก สปก.4-01 ให้เป็นทองคำ มาจากข้อมูลของเพื่อนที่ไว้วางใจที่สุด รองนายกฯ "บิ๊กนมชง" พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ นั่นเอง
ต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ฉัตรชัย เคยเป็น รมว.เกษตรฯ และในสมัยที่คุมกระทรวงนี้ เป็นคนที่เสนอให้ยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยที่ทำกินซึ่งก็รวมถึง สปก.4-01 ด้วย และขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการนำเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาฯ ... ในรายละเอียดของการแก้ไขหลักๆ ก็เพื่อให้การจัดการที่ดิน สปก. ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นประโยชน์ต่อประชาชน มิใช่นายทุน หรือการนำไปใช้ผิดประเภท เจตนา ... ก็ถือเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งในผลงานรัฐบาลทหาร อันนี้ต้องยอมรับ "บิ๊กนมชง" เชื่อเสมอว่า ผลงานเรื่องแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ยิ่ง สปก.4-01 นั้นเป็นของข้าใครอย่าแตะ การถูกนักการเมืองชุปมือเปิบ หยิบเรื่องนี้ไปหาเสียง จึงเป็นเรื่องที่ยอมกันไม่ได้ ถ้าไม่ได้ตกลงพูดคุยกันก่อน
การเคลื่อนไหวของเพื่อนสนิทลุงตู่ ในลักษณะที่ "เอ็งพลาดมาข้าเสียบ" ครั้งนี้ ทั้งๆ ที่ถ้าพูดคุยให้ตรงกันก็จะไปได้สวยกว่านี้ เพราะยังไงที่สุดแล้ว นโยบายที่ดินทำกิน รัฐบาลก็ประกาศว่าจะแก้กฎหมายอยู่แล้ว เมื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ในทางการเมืองลุงตู่ ก็ย่อมได้ประโยชน์ด้วย ... แท้ที่จริง พล.อ.ฉัตรชัย คิดอะไรอยู่ หรือคิดการใหญ่ หรือมองข้ามช็อตไปถึงสมัยหน้าแล้ว ไม่มีใครเดาใจออก แต่ความจริงที่ไม่ต้องคาดเดาคือ แม้ว่าพล.อ.ฉัตรชัยไม่ได้ถูกมองว่าอยู่ในระดับเดียวกับ "พี่ป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ "พี่ป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แต่ระหว่าง"ลุงตู่" และ"นมชง" เป็น"เพื่อน" ที่ส่งไลน์ถึงกันได้ตลอดเวลา ถ้าลุงตู่จะกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ย่อมต้องมีเพื่อนรักตามมา โดยปราศจากข้อสงสัยว่าเป็นคนใกล้ตัวที่ไร้ซึ่งผลงาน ... ยุทธวิธี "สู้รบโดยไม่ต้องสู้รบ" กลับมาใหญ่โดยไม่ต้องออกแรง ยังมีหลายยก ที่กลุ่ม เสธ.ใกล้ตัว "บิ๊กนมชง" เตรียมชงให้นาย ส่งไลน์ถึงลุงตู่ จับตาหลังประกาศวันเลือกตั้งให้ดีๆ
**ผลประโยชน์มหาศาลจากพ.ร.บ.ปลดล็อกกัญชา นำมาสู่การปล่อยข่าวเท็จเป็นลูกระนาดผ่านสื่อทำลายคนผลักดันที่ตั้งใจดี อย่าง"สมชาย แสวงการ" และรองประธาน "สุรชัย เลี้ยง บุญเลิศชัย"
เมื่อช่วง1-2สัปดาห์ที่ผ่านมา มีบทความลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ 3ฉบับ ด้วยข้อความคล้ายๆ กันคือ ไทยรัฐ ข่าวสด และผู้จัดการ ถึงความห่วงใยในการเร่งรัด ร่างพ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...) พ.ศ...หรือที่เรียกกันว่า "กม.ปลดล็อกกัญชา" ในทำนองขอให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา ควรจัดการระงับคำขอ และยกเลิกนำออกจากระบบทั้งหมด ก่อนที่ร่าง กม.จะมีผลบังคับใช้ ด้วย “หวาดระแวง”ว่าหากกม.บังคับ ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการทดลองวิจัย กระทั่งค้าขายในเชิงพาณิชย์ จะเป็น “บริษัทต่างชาติ”มากกว่าคนไทย เอกชนไทย กระทั่งราชการไทย ... และห่วงว่า บทบัญญัติใน “มาตรา 22”สาระสำคัญ ระบุว่า ผู้ใดครอบครอง “กัญชา”เพื่อศึกษาวิจัยก่อน พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับ ถ้าได้รับใบอนุญาต ต่อผู้อนุญาตภายใน 90 วัน หลังกม.มีผล ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ ถอดรหัสแล้ว เท่ากับ “นิรโทษกรรมล่วงหน้า”แบะท่า “ฟอกผิด”ให้กับผู้ที่ครอบครอง เริ่มงานวิจัยไปก่อนกม.มีผลบังคับ เหมือน “รู้กัน”ล่วงหน้า
ในขณะที่สนช.เองก็กำลังพิจารณา “ประมวลกฎหมายยาเสพติด” 3 ฉบับ ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. …, ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ …) พ.ศ. … อยู่ในการพิจารณา วาระ 2 หรือชั้นกรรมาธิการปรับแก้ไขร่างเดิมที่รัฐบาลส่งมาอยู่ ... นอกจากนั้นยังพาดพิงไปถึง "นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย”และ “นายสมชาย แสวงการ”ในฐานะ วิป สนช. ว่า รู้เห็นและเป็นผู้จัดคิวการพิจารณาร่างกม. ของ สนช.ทุกฉบับ แต่ทำเหมือนไม่รู้ว่าในชั้น สนช. กำลังพิจารณา “ประมวลกฎหมายยาเสพติด”จำนวน 3 ฉบับ
กระทั่งมีการให้ข้อมูลเท็จว่า มีบางคนการรับผลประโยชน์เพื่อกระทำการดังกล่าว ทั้งที่บทนิรโทษกรรมใน มาตรา22 ที่เขียนรองรับคนป่วยและแพทย์แผนต่างๆ งานวิจัยไทย เท่านั้น ล็อกป้องกันต่างชาติไว้ใน มาตรา 26/5 อย่างรัดกุม และการกล่าวหาอันเป็นเท็จว่า แก้กม.ไปเอื้อต่อฝิ่นนั้น ยิ่งแสดงถึงความมั่วของคนปล่อยข่าว เพราะฝิ่นนั้นอยู่ในยาเสพติด ประเภท 1,3,5 คือ ประเภท1 เฮโรอีน ประเภท 3 มอร์ฟีน ยางฝิ่นฯลฯ ส่วนประเภท 5 คือกัญชา กระท่อม และ ต้นฝิ่น ซึ่งทำยาเสพติดไม่ได้ และได้ตรวจสองในกรณีนี้จากผู้เกี่ยวข้องทั้ง ปปส. อย. และกฤษฎีกา แล้ว ... เมื่อได้รับฟังข้อมูลที่ชัดเจนอีกด้าน ไม่กี่วันถัดมา ทางคอลัมน์นี้ได้เขียนอธิบายเงื่อนงำ ความซับซ้อนเรื่องนี้ไปแล้ว ในหัวข้อเรื่อง "กฎหมายคลายล็อกกัญชา "สมชาย แสวงการ-สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย" กำลังเผชิญศึกหลายด้าน จนเป็นเรื่องยากที่คนภายนอกจะเข้าใจได้"
เพื่อให้เห็นถึงความพยายามของ "สมชาย" และกรรมาธิการหลายท่านที่จะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดจากกม.ฉบับนี้ ในการรับมือกับประมวลกฎหมายยาเสพติด กฎกระทรวง สิทธิบัตรกัญชา และการใช้ดุลพินิจของรัฐ ที่กำลังถาโถมเข้าทำลาย ยกเลิกผลของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ของนายสมชาย แสวงการ และพวก อย่างชนิดที่คนภายนอกไม่คาดคิดว่าจะมี "ขบวนการขัดขวางการใช้กัญชาในการแพทย์แผนไทย" ขนาดนี้ ส่วนในข้อเท็จจริง "สุรชัย" ไม่ใช่ผู้สั่ง หรือผู้มีอำนาจในการสั่งบรรจุ หรือกำหนดวาระการประชุมของสนช. เพราะกรณีนี้อยู่ในอำนาจของ ประธานสนช.
ดังนั้นความตั้งใจจริงของ "สมชาย" ที่จะผลักดันกม. และการอยู่นอกเหนืออำนาจของ "สุรชัย" จึงเป็นไม่ได้เลยที่ จะเข้าไปเกี่ยวข้องตามที่มีการกล่าวหาว่า มีบางคนรับประโยชน์จากเรื่องนี้ ถ้าข้อความในคอลัมน์นี้ ก่อนหน้านั้นทำให้เข้าใจว่า ผู้รับประโยชน์เป็นบุคคลทั้งสอง ก็ต้องขออภัยอย่างสูง ต่อ "สมชาย" และ "สุรชัย"ไว้ ณ ทีนี้ ส่วนใครคือ "ไอ้โม่ง" ตัวจริงที่รับประโยชน์ ก็ต้องค้นหากันต่อไปครับ
-----------
รูป
- พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ - สุชาติ ตันเจริญ
-สมชาย แสวงการ, สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย