xs
xsm
sm
md
lg

สัญญาณถอยของประยุทธ์ กลับไปตั้งหลักที่นายกฯ คนนอก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“หนึ่งความคิด”
“สุรวิชช์ วีรวรรณ”

สัญญาณดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. อาจจะถอยไปอยู่ในชอตที่สอง คือ นายกรัฐมนตรีในฐานะคนนอก มากกว่าจะอยู่ในรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองพรรคไหน

เพราะการอยู่ในชอตสองนั้นมันเพลย์เซฟมากกว่าชอตแรก ไม่กลายเป็นเป้าถล่มของฝ่ายตรงข้าม ที่สำคัญแม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็น ท.ทหารอดทน แต่เราเห็นกันอยู่แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่อดทนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์นัก ทั้งนี้ เพื่อความเป็นธรรมต่อพล.อ.ประยุทธ์ เราจะไม่บอกว่าเขาเป็นคนมีความอดทนต่ำ แต่อาจเป็นเพราะตัวเขาเองเชื่อว่า สิ่งที่คนอื่นวิจารณ์นั้นไม่ถูกต้องก็ได้

ข้อดีของการถอยไปตั้งหลักอีกอย่างคือ การเลือกตั้งในภาวะที่ตัวเองเป็นผู้แข่งขัน เป็นผู้กำหนดกติกา เป็น absolute power และมีมาตรา 44 ที่จะเหาะเหินเดินอากาศได้นั้น มันจะกลายเป็นการเหวี่ยงหมัดเข้ากำแพงโดยไม่จำเป็น

แม้โพลออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีความนิยมในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่มาตรฐานของโพลวิธีการสำรวจยังกระทำในวงแคบและเคยปรากฎมาหลายครั้งแล้วว่าโพลมีความผิดพลาด ดังนั้นจึงไปคาดหวังอะไรที่แน่นอนไม่ได้ สู้เก็บตัวไม่ให้เป็นเป้าในการเลือกตั้งจะดีกว่า

พร้อมกับหลายฝ่ายมีความเชื่อว่า อย่างไรเสียพรรคของฝั่งระบอบทักษิณและแนวร่วมมีโอกาสมากกว่าจะได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนคือมีเสียงเกิน 251 เสียง ดังนั้นแม้การได้เสียง 126 เสียงเพื่อตั้งรัฐบาลร่วมกับเสียงส.ว.จะเป็นเรื่องไม่อยากสำหรับฝั่งสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามได้เสียงส.ส.ไปมากกว่า 251 เสียง รัฐบาลของประยุทธ์ก็จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นรัฐบาลได้แต่บริหารประเทศไม่ได้ทันทีที่วาระงบประมาณปี 2563 ที่ถึงเวลาเข้าสภาในช่วงแรกพอดี รัฐบาลก็จะถูกฝ่ายค้านที่มีเสียงในสภาผู้แทนมากกว่าค่ำลงอย่างง่ายดาย

ถ้าเป็นอย่างนั้นทางออกก็ต้องยุบสภาเลือกตั้งกันใหม่อีก

ถ้าไม่อยู่ในรายชื่อ และฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์มี ส.ส.อยู่ในมือมากกว่า 126 เสียง และสามารถกุมเสียงส.ว.250 เสียงไม่ให้แตกแถวได้ ก็ปิดทางอีกฝ่ายที่จะตั้งรัฐบาลในชอตแรกด้วยเสียง ส.ส.376เสียงเพื่อให้ได้มือครึ่งหนึ่งของสองสภาเช่นเดียวกัน

ข้อเสียของฝ่ายเชียร์พล.อ.ประยุทธ์ คือจะหยิบยกพล.อ.ประยุทธ์มาใช้หาเสียงในการเลือกตั้งไม่ได้เลย เพราะกกต.เคยประกาศมาแล้วว่า ไม่สามารถเอาบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่รายชื่อที่พรรคเสนอมาใช้หาเสียงไม่ได้ ตอนนั้นไม่รู้นะครับว่า เพราะไม่ต้องการให้ฝั่งเพื่อไทยหยิบทักษิณมาหาเสียง แบบที่เคยใช้คำว่า “ทักษิณคิดยิ่งลักษณ์ทำ” หรือไม่

ทีนี้ถ้าถามว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์ถอยไปอยู่ในชอตสองนั้นง่ายไหม คำตอบคือ ไม่ง่ายเลยนะครับ

บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 เขียนไว้ในวรรคสองว่า หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ใน บัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด และสมาชิกของทั้งสองสภารวมกัน จํานวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา ขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมือง แจ้งไว้ตามมาตรา 88 ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ ทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้ ให้ดําเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมือง แจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้

จะเห็นว่า ง่ายไหม ก็ไม่ง่ายนะครับ เพราะจะขอใช้ชื่อนายกฯ จากรายชื่อคนนอกนั้นต้องใช้เสียงของสองสภาจำนวน 500 คนเห็นชอบเสียก่อน ถ้าฝ่ายเพื่อไทยและแนวร่วมมีเสียงมากกว่า 251 เสียง และยืนกรานไม่เห็นด้วยก็จะเดินไปสู่จุดนี้ไม่ได้เลย เพราะเสียงจะเหลือไม่ถึงสองในสามของสองสภา

นี่คือความยากในข้อแรก ที่อาจทำให้การเมืองเดินมาถึงทางตัน ซึ่งยังนึกไม่ออกนะครับว่า ถึงตรงนั้นจะทำอย่างไร แต่จะไม่พูดถึงทางออกที่อยู่นอกเหนือจากกรอบของกฎหมายนะครับ เพราะนั่นเป็นเงื่อนไขที่ยากจะคาดเดา

ถามว่า แล้วทางออกทางกฎหมายยังมีไหม คำตอบก็ยังมีนะครับ เพราะหากยังไม่มีรัฐบาลชุดใหม่เกิดขึ้น รัฐบาลรักษาการจะยังคงมีอำนาจเหาะเหินเดินอากาศได้ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ตามบทบัญญัติของบทเฉพาะกาลมาตรา 265

น่าคิดเหมือนกันนะครับว่า วันนั้นถ้าสถานการณ์เดินมาถึงตรงนี้ นายกรัฐมนตรีจะกล้าใช้มาตรา 44 เพื่อผ่าทางตันไหม แล้วถ้าการผ่าทางตันนั้นเพื่อประโยชน์ต่อตัวเองในกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ถอยมารอในนายกฯ คนนอกจริงจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

อย่าลืมว่า ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่พรรคเพื่อไทยและแนวร่วมมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทน หรือพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ยังคงได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 จะกลายเป็นเงื่อนไขในการปลุกระดมมวลชนได้ไหม แม้ว่าในขณะนั้นอำนาจของคสช.จะยังคงอยู่เต็มเปี่ยม แต่คิดว่าหลังการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ก็น่าจะไม่มีใครกลัวใครแล้ว ลองคิดดูว่า ถ้าตกอยู่ในภาวะแบบนี้ความวุ่นวายที่หลายคนส่งเสียงเตือนนั้นจะเกิดขึ้นไหม

มีหลายคนบอกว่า หลังเลือกตั้งบ้านเมืองอยู่ในภาวะที่ต้องการความสงบไม่ต้องการความขัดแย้งอะไรเกิดขึ้น ซึ่งถ้าเราเดินไปถึงตรงนั้นได้ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ

แต่สิ่งที่ผมมองนั้นผมมองตามกลไกปกติ ถ้ากลไปในสภาเดินไปสู่การตั้งรัฐบาลไม่ได้ตามกฎหมายที่เขียนไว้ ณ ขนาดนี้ ไม่พูดถึงการทะลุทะลวงทางออกด้วยเงื่อนไข “เหนือกฎหมาย” ซึ่งตามเงื่อนไขปกติมันไม่ง่ายเลยนะครับ ที่จะเดินหน้าไปด้วยความราบเรียบ

เท่าที่ผมมองว่า ถึงตอนนี้ทางออกที่ง่ายที่สุดก็คือ พรรคของฝ่ายรัฐบาลจะต้องเอาชนะเสียงในสภาให้ได้เกิน 250 คน ซึ่งถามว่า ยากไหม บอกตรงนะครับ ผมมองจากการเลือกตั้งตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีมานี้ เรายังไม่เคยเอาชนะพรรคของทักษิณได้เลย

คนที่ออกมาต่อสู้กับระบอบทักษิณไม่ใช่เพราะไม่รักประชาธิปไตย แต่เพราะมีความชอบธรรมในการขับไล่รัฐบาลที่ใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมซึ่งเป็นวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยต่างหาก

เมื่อได้รับเสียงข้างมากและอำนาจรัฐแล้วเราจะพบว่ารัฐบาลที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งกลับใช้อำนาจอย่างไม่บันยะบันยัง ฉ้อฉลอำนาจและแสวงหาผลประโยชน์ด้วยการทุจริตเชิงนโยบาย จนเครือข่ายธุรกิจร่ำรวยขึ้นอย่างรวดเร็วในระหว่างที่ตัวเองมีอำนาจ เลือกปฏิบัติกับคนที่ไม่ได้เลือกฝ่ายตัวเอง เพียงแต่ซื้อใจคนชั้นล่างด้วยนโยบายที่จับต้องได้ด้วยเม็ดเงินและผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมที่เรียกว่า ประชาธิปไตยที่กินได้

ยอมรับนะครับว่า นโยบายหลายเรื่องของทักษิณเป็นสิ่งที่ดี นโยบาย 30 รักษาทุกโรค แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากในการบริหารระบบงบประมาณ แต่ก็เป็นเครื่องมือที่ทำให้ชนชั้นล่างที่เข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุข

แต่การที่ทักษิณถูกดำเนินคดีและพิพากษาโทษนั้น ต้องมีการอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่า เป็นการตัดสินด้วยความยุติธรรมจะทำตัวนิ่งเป็นภูเขาทองไม่ได้ เพราะทักษิณและพวกก็ใช้การโฆษณาชวนเชื่อว่าเขาถูกกลั่นแกล้งด้วยการตัดสินที่ไม่ยุติธรรมจากอำนาจเก่าที่สูญเสียอำนาจ เลยไปถึงเรื่องลิเกทางชนชั้นที่แต่งเติมขึ้นมา

เป้าหมายสำคัญคือ ต้องเปลี่ยนแปลงทัศนคติของประชาชนที่ชื่นชมระบอบทักษิณให้ได้ เปลี่ยนใจเขาว่า ความคิดที่บอกว่า ถึงโกงแต่ชาวบ้านได้ประโยชน์ด้วย หรือพรรคไหนก็โกง ไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้อง

แต่ก็ไม่มีคำชี้แจงใดออกมาจากฝ่ายตรงข้ามของระบอบทักษิณ ปล่อยให้ทักษิณและพรรคพวกของเขาใช้เป็นเครื่องมือในการปลุกระดมและรักษาความนิยมเอาไว้ ยิ่งทักษิณยังคงไปไหนมาไหนในต่างประเทศได้หมด ก็ยิ่งถูกตอกย้ำว่า สิ่งที่ทักษิณถูกกล่าวหานั้นไม่ได้รับการยอมรับในทางสากล ผมคิดว่า ฝ่ายที่ต้องเดือดร้อนเพราะเสียหายมากที่สุดคือ กระบวนการยุติธรรมของไทย

ทุกวันนี้มวลชนที่ศรัทธาระบอบทักษิณก็ยังเชื่อว่า ฝ่ายเขามีความคิดที่ถูกต้องเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เป็นที่ยอมรับของสากลมากกว่า สิ่งต่างๆที่ฝ่ายตรงข้ามทำนั้นเป็นการกระทำที่ผิด วันนี้เรายังได้ยินคำพูดว่า นักการเมืองถ้าทำไม่ดีอีกสี่ปีก็เลือกใหม่ได้ ซึ่งว่าไปแล้วก็เป็นคำพูดที่ไม่ถูกต้อง เพราะถ้านักการเมืองเข้ามาแล้วใช้อำนาจโดยไม่ชอบ เราก็ไม่ควรให้อยู่ไปจนครบวาระ เป็นสิทธิของประชาชนที่จะออกมาชุมนุมขับไล่

พูดมาเสียยาวเพื่อจะบอกว่า เมื่อความคิดของประชาชนฝั่งระบอบทักษิณไม่เปลี่ยน มวลชนส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ฝั่งเขาถ้ามองจากสถิติการเลือกตั้งที่ผ่านมาย้อนหลังไปถึงปี 2544 ยิ่งบัตรเลือกตั้งใบเดียวนั่นแหละที่จะกลายเป็นอาวุธที่ย้อนกลับมาทำลายฝ่ายออกแบบการเลือกตั้ง เพราะบัตรเลือกตั้งใบเดียวนั้น มันทำให้คนที่ลงคะแนนต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะเลือกฝ่ายไหน โดยไม่สนใจตัวบุคคล ผมจึงเชื่อว่า โอกาสของฝ่ายระบอบทักษิณยังคงมีมากกว่า

แล้วที่ใครบอกทักษิณไม่สู้แล้ว จะเห็นว่าทักษิณยังคงเคลื่อนไหววางแผนอยู่ตลอดเวลา ที่ใครบอกว่า ทักษิณไม่ปล่อยเงินเงินไม่มากาไม่เป็นนั้น ผมเชื่อว่า การต่อสู้ทางการเมืองในช่วงสิบปีมานี้มันมีแรงผลักดันที่ปลูกฝังความร่วมเป็นร่วมตายมุ่งหวังชัยชนะมากกว่าสิ่งนั้น พูดกันตรงๆวันก่อนที่มีคนเขียนท้ายตุ๊กๆว่า รับเงินหมากาเพื่อไทยนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามไปได้

เวลาพูดอย่างนี้ก็จะมีฝ่ายที่ไม่ชอบระบอบทักษิณเชียร์รัฐบาลทหารออกมากล่าวหาต่างๆนานาว่าเปลี่ยนไป แม้การต่อสู้กับระบอบทักษิณจะยังคงมีคดีความต่างๆพันธนาการอยู่มากมาย และต้องการพูดเพื่อให้ตระหนักว่า การจะต่อสู้กับระบอบทักษิณนั้นจะต้องแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่ระบอบทักษิณใช้เป็นเงื่อนไขในการปลุกปั่นและทำลายแนวร่วมของระบอบทักษิณด้วยการเปลี่ยนทัศนคติของพวกเขาด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง

มีโอกาสมากที่เราจะต้องเผชิญกับฝันร้ายที่ระบอบทักษิณจะกลับมาอีก แม้ผมเชื่อว่า ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร คนส่วนใหญ่ก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของประชาชน เหมือนที่ไม่มีใครต่อต้านยิ่งลักษณ์เมื่อชนะการเลือกตั้งได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก แต่เขาออกมาขับไล่เพราะใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมต่างหาก

ทีนี้หันไปดูว่า ระหว่างอยู่ในอำนาจที่จำเป็นต้องเข้ามาเพื่อดับวิกฤตของบ้านเมืองของรัฐบาลนี้ ได้สร้างกลไกอะไรขึ้นมาบ้างเพื่อป้องกันรัฐบาลใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรม คำตอบคือไม่มีเลยครับ นอกจากสร้างนโยบายประชานิยมขึ้นมาแข่งขันเพื่อเอาใจประชาชนโดยหวังผลกลับไปเป็นรัฐบาลอีก

ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า อยู่กับรัฐบาลนี้ดีแล้ว เพราะบ้านเมืองสงบ แต่ลืมพูดไปว่า สงบเพราะอยู่ใต้รัฐบาลทหาร ถ้าเลือกตั้งแล้วแม้แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯความสงบที่กดไว้ใจ้ท็อปบูตยังกดเอาไว้ได้ไหม

ดังนั้นมองไม่เห็นเลยนะครับว่า แม้พล.อ.ประยุทธ์จะถอยมาอยู่ชอตสองคือ เป็นทางเลือกของนายกฯคนนอกเพื่อหลีกห่ากระสุนจะเอาชนะมวลชนของทักษิณในคูหาเลือกตั้งได้อย่างไร

ทางเดียวคือต้องออกมาเลือกพรรคที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ให้ถล่มทลายได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทน แต่ถามว่ามีทางไหม ถ้าดูความเหนียวแน่นของมวลชนของทักษิณที่ยังไม่ถูกเปลี่ยนแปลงความเชื่อจากการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan



กำลังโหลดความคิดเห็น