ทีกับ“ปู”...ทำไม“ลุงตู่”หงอ

ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานท่าเรือแห่งหนึ่งในมณฑลซัวเถาของจีน โดยถือพาสปอร์ตจากกัมพูชา

การหนีคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2560 ซึ่งกัมพูชาปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น ไม่ใช่ช่องทางการหนีของนางสาวยิ่งลักษณ์ และไม่มีการออกพาสปอร์ตนั้น ถูกสื่อของจีนตีแผ่ออกมาแล้วว่า

กัมพูชานั่นแหละเป็นผู้ออกพาสปอร์ตให้นางสาวยิ่งลักษณ์ และน่าจะออกตอนที่หนีข้ามชายแดนเข้ากัมพูชา ก่อนเผ่นต่อไปตั้งหลักที่ดูไบ และขอลี้ภัยในอังกฤษ ปัจจุบันควงแขนพี่ชายตระเวนเที่ยวแถวประเทศเพื่อนบ้าน เย้ยรัฐบาลทหาร

มีคำถามกันมานานแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งมักแสดงท่าทีขึงขังตึงตัง ตวาดนักข่าวอยู่เป็นประจำ แต่ทำไมจึงหมอบราบคาบแก้วให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่เคยแสดงท่าทีอาละวาดกับคนหนีคดีรายนี้

ทั้งที่พฤติกรรมของนางสาวยิ่งลักษณ์น่าจะทำให้พล.อ.ประยุทธ์หัวเสียมากกว่าคำถามของนักข่าว

การที่กัมพูชาออกพาสปอร์ตให้นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นการหยามหน้ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำลายศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของประเทศไทย และไร้มารยาททางการทูตอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลไม่ควรเพิกเฉยต่อการแสดงท่าทีย่ำยีของกัมพูชา

กระทรวงการต่างประเทศต้องแสดงจุดยืน โดยยื่นหนังสือถามกัมพูชา กรณีออกพาสปอร์ตให้นางสาวยิ่งลักษณ์

แต่กระทรวงการต่างประเทศยังเงียบเป็นเป่าสาก พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่พยายามพูดถึงเรื่องนี้

กระทรวงการต่างประเทศในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แทบไม่มีบทบาทใดเลยในการติดตามพี่น้องตระกูลชินวัตรกลับมาลงโทษ ทำให้ทั้งนายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์ลอยนวล ทั้งที่มีคดีอาญาร้ายแรงติดตัว

เคยมีการส่งหนังสือถึงแต่ละประเทศที่พี่น้องตระกูลชินวัตรคู่นี้ไปพำนัก เพื่อขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาหรือไม่

กระทรวงการต่างประเทศเคยทำหนังสือถึงประเทศเพื่อนบ้าน แจ้งฐานะการเป็นผู้ร้ายหนีคดีจากประเทศไทยของนายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์ และขอความร่วมมือให้ควบคุมตัวกลับมาบ้างหรือไม่

เคยแสดงท่าทีเพื่อให้ประเทศเพื่อนบ้านรู้สึกถึงความไม่พอใจของประเทศไทย เพราะประเทศเพื่อนบ้านเปิดให้พี่น้องคู่นี้เข้าไปพำนัก และเคลื่อนไหวทางการเมือง ยุยงปลุกระดมให้เกิดความไม่สงบในประเทศไทยหรือไม่

กัมพูชาถูกตั้งข้อสงสัยมานานแล้วว่า เป็นแหล่งพักพิงของคนเสื้อแดงที่หนีคดี เป็นช่องทางที่นางสาวยิ่งลักษณ์หลบหนี โดยอำนวยความสะดวกอย่างดีในการหนีความผิด

แต่รัฐบาลพล.อประยุทธ์กลับไม่ติดใจที่จะทำหนังสือสอบถามอย่างเป็นทางการ เหมือนเกรงใจนายฮุนเซน ทั้งที่นายฮุนเซนไม่เคยเห็นแก่หน้ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะการออกพาสปอร์ตให้นางสาวยิ่งลักษณ์

คดีที่เกี่ยวโยงกับนางสาวยิ่งลักษณ์ มักจะถูกเป่าเงียบหาย จนดูเหมือนว่า ไม่มีใครกล้า “แหยม” กับน้องสาวนายทักษิณคนนี้

เพราะกรณีพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น. 5 ที่พานางสาวยิ่งลักษณ์หนี และถูกตั้งข้อหา จนหนีราชการไปพักใหญ่ ก่อนออกมามอบตัว ผ่านไปปีกว่าแล้ว ไม่รู้คดีไปถึงไหน ผลการสอบสอบความผิดพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์สรุปว่าอย่างไร และพล.อ.ประยุทธ์เคยถามถึงความคืบหน้าของคดีหรือไม่

หรือแม้แต่คดีพ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย หรือผู้กำกับหนุ่ย อดีตนายตำรวจติดตามนางสาวยิ่งลักษณ์ ซึ่งลาราชการไปเยี่ยมลูกที่อังกฤษ แต่กลับเดินถือกระเป๋าตามหลังนางสาวยิ่งลักษณ์ ระหว่างเดินจับจ่ายสินค้าที่ลอนดอน จนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัย

แต่มีใครรู้บ้างว่า คดีผู้กำกับหนุ่ยสรุปว่าอย่างไร และพล.อ.ประยุทธ์เคยติดตามผลการดำเนินคดีนายตำรวจที่กินเงินเดือนภาษีประชาชน แต่นำเวลาราชการไปรับใช้นางสาวยิ่งลักษณ์บ้างหรือไม่

ปัญหาที่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ถูกวิพากษ์หนักคือ เรื่องที่ไม่ควรจะเป็นเรื่อง แต่กลับทำให้เป็นเรื่อง เรื่องหยุมหยิมที่ไม่ควรหงุดหงิด กลับหงุดหงิดอาละวาดฟาดงวงฟาดงา โดยเฉพาะกับน้องๆ นักข่าว

ส่วนเรื่องที่ควรจะต้องเป็นเรื่อง กลับไม่เป็นเรื่อง เรื่องใหญ่ที่ควรจะหงุดหงิด และต้องอาละวาดให้เห็นดำเห็นแดง กลับหงอไปเฉยๆ โดยเฉพาะกรณีพาสปอร์ตที่นางสาวยิ่งลักษณ์ถือ ซึ่งสื่อจีนออกมาเปิดโปงว่า กัมพูชาเป็นผู้สนับสนุนอนุเคราะห์ออกให้ จนสามารถหนีเตลิดไปตั้งก๊วนป่วนประเทศไทยร่วมกับพี่ชายอยู่นอกประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำที่โผงผาง โวยวายได้แทบทุกเรื่อง แต่มีข้อสงสัยว่า การออกพาสปอร์ตให้นางสาวยิ่งลักษณ์ทำไมพล.อ.ประยุทธ์จึงเงียบฉี่

ไม่ถามสมเด็จฮุนเซนสักคำว่า การออกพาสปอร์ตช่วยนางสาวยิ่งลักษณ์หนีนั้น กัมพูชาเห็นรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อยู่ในสายตาบ้างหรือไม่