**เรียกว่าคาดเดาได้ยาก และเหนือความคาดหมายเสมอสำหรับ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพราะล่าสุดได้เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดเชียงใหม่และลำปาง วันที่ 14-15 มกราคม สดๆร้อนๆ ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือที่เรียกว่า "บัตรคนจน" เสียใหม่ นั่นคือ จะปรับเปลี่ยนใหม่ให้ผู้ถือบัตรสามารถกดเงินสด เพื่อนำไปใช้จ่ายตามความต้องการในแต่ละเดือนได้ ขณะเดียวกันยังมีเหลืออีกส่วนหนึ่งจะยังคงไว้แบบเดิมสำหรับใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในร้านโชห่วย ร้านธงฟ้าประชารัฐ แบบเดิมต่อไป
"วันนี้ ที่ประชุมครม.ได้มีการหารือถึงการพัฒนาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้สามารถใช้จ่ายเป็นเงินสดได้ และนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นตามที่ทุกคนต้องการ เป็นเงินจำนวนหนึ่ง จากยอดที่ให้ไปทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามจะต้องเหลือเงินจำนวนหนึ่งไว้ใช้ซื้อของในร้านค้าประชารัฐด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะนำไปใช้ซื้ออย่างอื่นหมด ผมเข้าใจดี ถึงความจำเป็นของประชาชน โดยได้มีการประเมินการใช้จ่ายงบประมาณครั้งนี้ไปพบว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้บ้าง และบางส่วนที่ยกระดับไม่ได้ ก็จะมีมาตรการอื่นเสริมเข้าไป"
จากคำพูดดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี ทำให้มั่นใจได้ว่า จะมีการปรับรูปแบบการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมไปถึงการโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวในวงเงินใหม่ หลังจากตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว มีการโอนเงินสดเข้าบัญชี จำนวนคนละ 500 บาท โดยระบุว่า เป็นการเงินสำหรับการใช้จ่ายในช่วงปีใหม่ หรือ "ของขวัญปีใหม่" นอกจากนี้ ยังมีเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุสำหรับใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาพยาบาล มีการโอนเงินช่วยเหลือค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น
แต่สำหรับการการปรับเปลี่ยนวิธีการโอนเงินเข้าบัญชีผ่านบัตรคนจน แล้วสามารถกดเงินสดออกมาใช้ได้ด้วย ถือว่าเป็นการ "ปรับเปลี่ยนตามความต้องการ"ของชาวบ้านส่วนใหญ่ ผ่านการสำรวจความคิดเห็นมาก่อนหน้านี้
**ขณะเดียวกัน หากมองในมุมการเมือง สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญ ที่น่าจับตาก็คือ นี่คือการ "สร้างความพึงพอใจ" และสร้างความจดจำได้อย่างดีทีเดียว เพราะที่ผ่านมา นโยบายในเรื่อง "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" หรือที่เรียกว่า "บัตรคนจน" ถือว่ามีความโดดเด่นอย่างมาก และจากคำพูดของเขาก็ยืนยันว่า ชาวบ้านพอใจ
อีกทั้งยังเป็นการ "ตัดหน้า" พรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อนหน้านี้เคยเสนอให้ "โอนเงินสด" เข้าบัญชีคนจนไปเลย โดยระบุว่า ยังจะทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจได้หลายรอบอีกด้วย
แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีท่าทีเห็นด้วย เห็นได้จากเริ่มมีการโอนเป็นเงินสด แต่เป็นเพียงแค่ชั่วคราว โดยอ้างว่าเป็น"ของขวัญปีใหม่ แต่เมื่อผลสำรวจออกมารัฐบาลก็มีการปรับเปลี่ยนและเริ่มดำเนินการในช่วงเวลาสำคัญทางการเมืองเสียด้วย
เพราะเป็นช่วงเวลาที่การแข่งขันกำลังเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นกับพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ และแม้ว่าสำหรับพรรคเพื่อไทย ที่หากโฟกัสไปที่ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถึงขึ้นต้องออกโรงมาใช้สื่อโซเชียล มาเล่าประสบการณ์ในต่างแดนในทุกวันจันทร์ ในรายการ "กู๊ดมันเดย์" อะไรนั่น แต่ความหมายที่ต้องการ "แฝง" เข้ามาก็คาดเดาได้ไม่ยากว่า นี่คือการ "ช่วยหาเสียง" ให้กับพรรคเพื่อไทย ที่จนบัดนี้ยังไม่มีการเปิดเผยนโยบายใดๆ ออกมาให้เห็นเลย อย่างมากที่ผ่านมา ก็ใช้กระแส "เผด็จการ" กับ"ประชาธิปไตย" ซึ่งยังไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะได้ผล หรือไม่
แน่นอนว่า "เผด็จการ"แบบที่เห็น ที่เป็นอยู่นี้ "มันกินได้" ก็น่าจะใช่ ไม่ต่างจากการ"ย้อนศร" เอากับฝ่ายเครือข่ายทักษิณ ที่เคยทำแบบนี้มาก่อน
**ดังนั้น หากบอกว่า "บัตรคนจน" เป็นทีเด็ดของรัฐบาล "บิ๊กตู่" แต่ทีเด็ดกว่านั้น หากมีการโอนเงินสดเข้าบัญชีได้โดยตรง อย่างน้อยผู้มีรายได้น้อยเกือบ 15 ล้านคน ต้องชื่นชอบและจดจำ และคงอยากให้เขาเป็นนายกฯ อีกครั้ง เพื่อเป็นหลักประกันว่า นโยบายนี้จะไม่ถูกยกเลิก ขณะที่ ทักษิณ ชินวัตร ต่อให้เล่าประสบการณ์ต่างแดนไปอีกเป็นปี มันก็คงไม่มีใครอยากฟังแล้ว ...เพราะมันกินไม่ได้ !!
"วันนี้ ที่ประชุมครม.ได้มีการหารือถึงการพัฒนาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้สามารถใช้จ่ายเป็นเงินสดได้ และนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นตามที่ทุกคนต้องการ เป็นเงินจำนวนหนึ่ง จากยอดที่ให้ไปทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามจะต้องเหลือเงินจำนวนหนึ่งไว้ใช้ซื้อของในร้านค้าประชารัฐด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะนำไปใช้ซื้ออย่างอื่นหมด ผมเข้าใจดี ถึงความจำเป็นของประชาชน โดยได้มีการประเมินการใช้จ่ายงบประมาณครั้งนี้ไปพบว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้บ้าง และบางส่วนที่ยกระดับไม่ได้ ก็จะมีมาตรการอื่นเสริมเข้าไป"
จากคำพูดดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี ทำให้มั่นใจได้ว่า จะมีการปรับรูปแบบการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมไปถึงการโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวในวงเงินใหม่ หลังจากตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว มีการโอนเงินสดเข้าบัญชี จำนวนคนละ 500 บาท โดยระบุว่า เป็นการเงินสำหรับการใช้จ่ายในช่วงปีใหม่ หรือ "ของขวัญปีใหม่" นอกจากนี้ ยังมีเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุสำหรับใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาพยาบาล มีการโอนเงินช่วยเหลือค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น
แต่สำหรับการการปรับเปลี่ยนวิธีการโอนเงินเข้าบัญชีผ่านบัตรคนจน แล้วสามารถกดเงินสดออกมาใช้ได้ด้วย ถือว่าเป็นการ "ปรับเปลี่ยนตามความต้องการ"ของชาวบ้านส่วนใหญ่ ผ่านการสำรวจความคิดเห็นมาก่อนหน้านี้
**ขณะเดียวกัน หากมองในมุมการเมือง สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญ ที่น่าจับตาก็คือ นี่คือการ "สร้างความพึงพอใจ" และสร้างความจดจำได้อย่างดีทีเดียว เพราะที่ผ่านมา นโยบายในเรื่อง "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" หรือที่เรียกว่า "บัตรคนจน" ถือว่ามีความโดดเด่นอย่างมาก และจากคำพูดของเขาก็ยืนยันว่า ชาวบ้านพอใจ
อีกทั้งยังเป็นการ "ตัดหน้า" พรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อนหน้านี้เคยเสนอให้ "โอนเงินสด" เข้าบัญชีคนจนไปเลย โดยระบุว่า ยังจะทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจได้หลายรอบอีกด้วย
แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีท่าทีเห็นด้วย เห็นได้จากเริ่มมีการโอนเป็นเงินสด แต่เป็นเพียงแค่ชั่วคราว โดยอ้างว่าเป็น"ของขวัญปีใหม่ แต่เมื่อผลสำรวจออกมารัฐบาลก็มีการปรับเปลี่ยนและเริ่มดำเนินการในช่วงเวลาสำคัญทางการเมืองเสียด้วย
เพราะเป็นช่วงเวลาที่การแข่งขันกำลังเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นกับพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ และแม้ว่าสำหรับพรรคเพื่อไทย ที่หากโฟกัสไปที่ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถึงขึ้นต้องออกโรงมาใช้สื่อโซเชียล มาเล่าประสบการณ์ในต่างแดนในทุกวันจันทร์ ในรายการ "กู๊ดมันเดย์" อะไรนั่น แต่ความหมายที่ต้องการ "แฝง" เข้ามาก็คาดเดาได้ไม่ยากว่า นี่คือการ "ช่วยหาเสียง" ให้กับพรรคเพื่อไทย ที่จนบัดนี้ยังไม่มีการเปิดเผยนโยบายใดๆ ออกมาให้เห็นเลย อย่างมากที่ผ่านมา ก็ใช้กระแส "เผด็จการ" กับ"ประชาธิปไตย" ซึ่งยังไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะได้ผล หรือไม่
แน่นอนว่า "เผด็จการ"แบบที่เห็น ที่เป็นอยู่นี้ "มันกินได้" ก็น่าจะใช่ ไม่ต่างจากการ"ย้อนศร" เอากับฝ่ายเครือข่ายทักษิณ ที่เคยทำแบบนี้มาก่อน
**ดังนั้น หากบอกว่า "บัตรคนจน" เป็นทีเด็ดของรัฐบาล "บิ๊กตู่" แต่ทีเด็ดกว่านั้น หากมีการโอนเงินสดเข้าบัญชีได้โดยตรง อย่างน้อยผู้มีรายได้น้อยเกือบ 15 ล้านคน ต้องชื่นชอบและจดจำ และคงอยากให้เขาเป็นนายกฯ อีกครั้ง เพื่อเป็นหลักประกันว่า นโยบายนี้จะไม่ถูกยกเลิก ขณะที่ ทักษิณ ชินวัตร ต่อให้เล่าประสบการณ์ต่างแดนไปอีกเป็นปี มันก็คงไม่มีใครอยากฟังแล้ว ...เพราะมันกินไม่ได้ !!