วานนี้ (10ม.ค.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล วาระแรก จำนวน 17 มาตรา ตามที่ ครม.เสนอมา มี สนช.อภิปรายแสดงความเห็นกันหลายคน ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักการใน ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว แต่ยังสงสัยเรื่องการเพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลสามารถพิจารณาออกสลากรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มเติมได้ ตามมาตรา7 การลดเงินจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลส่งให้รัฐบาลเหลือ 18% จากเดิม 23% และบทกำหนดโทษ แก่ผู้ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา ถึงขั้นติดคุกที่มองว่ารุนแรงเกินไป และไม่สามารถแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคาได้
นายมณเฑียร บุญตัน สนช. อภิปรายว่า กม.ฉบับนี้เหมือนเขียนเช็กเปล่าให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลไปกำหนดผลิตภัณฑ์เสี่ยงโชครูปแบบใหม่ๆได้ จึงควรกลั่นกรองเรื่อง การออกสลากรูปแบบใหม่ ต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์ ก่อนส่งให้ครม.เห็นชอบอีกครั้ง ขณะที่ นายธานี อ่อนละเอียด สนช.กล่าวว่า การไปลดเงินนำส่งการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเข้ารัฐเหลือ 18% จากเดิม 23% ทำให้รายได้เข้ารัฐหายไปร่วม 7-8 พันล้านบาทต่อปี แต่กลับไปเพิ่มเรื่องค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการ จาก 12% เป็น 17% จึงอยากทราบเหตุผล เพราะอะไร
ด้านนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุม สนช.ว่า การเพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลออกสลากรูปแบบใหม่ได้นั้น ถือเป็นการเพิ่มทางเลือก แต่ไม่ได้ยกเลิกการขายสลากรูปแบบเดิม สามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ควบคู่ไปกับสลากแบบเดิมได้ แต่การออกสลากรูปแบบใหม่นั้น สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่สามารถทำได้โดยลำพัง ครม.จะต้องให้ความเห็นชอบด้วย ในอนาคตหากมีการขายสลากผ่านเครื่องอัตโนมัติได้ ก็จะไม่มีการขายสลากเกินราคาอีก แต่จะต้องคำนึงถึงผู้ได้รับผลกระทบด้วย เช่น ผู้ค้ารายย่อย มูลนิธิ องค์กรสาธารณกุศลต่างๆ ส่วนบทกำหนดโทษผู้ขายสลากเกินราคาที่ดูรุนแรงเกินไปนั้น เนื่องจากโทษปรับเดิม 2,000 บาท ไม่มีใครเกรงกลัว เจตนาทำพื่อต้องการไม่ให้เยาวชนได้เข้าถึงตั้งแต่อายุน้อยๆ จึงกำหนดห้ามขายสลากในสถานศึกษา และผู้ที่มีอายุไม่ถึงเกณฑ์
อย่างไรก็ตาม ข้อท้วงติงต่างๆ เหล่านี้ยังสามารถไปทบทวนแก้ไขได้ในชั้น กมธ.ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สนช.อภิปรายแสดงความคิดเห็นครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมลงมติรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ด้วยคะแนน140 ต่อ 1 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 1 โดยมีการตั้งคณะกรรมาธิการมาพิจารณาในวาระ 2 และ3 ต่อไป
นายมณเฑียร บุญตัน สนช. อภิปรายว่า กม.ฉบับนี้เหมือนเขียนเช็กเปล่าให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลไปกำหนดผลิตภัณฑ์เสี่ยงโชครูปแบบใหม่ๆได้ จึงควรกลั่นกรองเรื่อง การออกสลากรูปแบบใหม่ ต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์ ก่อนส่งให้ครม.เห็นชอบอีกครั้ง ขณะที่ นายธานี อ่อนละเอียด สนช.กล่าวว่า การไปลดเงินนำส่งการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเข้ารัฐเหลือ 18% จากเดิม 23% ทำให้รายได้เข้ารัฐหายไปร่วม 7-8 พันล้านบาทต่อปี แต่กลับไปเพิ่มเรื่องค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการ จาก 12% เป็น 17% จึงอยากทราบเหตุผล เพราะอะไร
ด้านนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุม สนช.ว่า การเพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลออกสลากรูปแบบใหม่ได้นั้น ถือเป็นการเพิ่มทางเลือก แต่ไม่ได้ยกเลิกการขายสลากรูปแบบเดิม สามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ควบคู่ไปกับสลากแบบเดิมได้ แต่การออกสลากรูปแบบใหม่นั้น สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่สามารถทำได้โดยลำพัง ครม.จะต้องให้ความเห็นชอบด้วย ในอนาคตหากมีการขายสลากผ่านเครื่องอัตโนมัติได้ ก็จะไม่มีการขายสลากเกินราคาอีก แต่จะต้องคำนึงถึงผู้ได้รับผลกระทบด้วย เช่น ผู้ค้ารายย่อย มูลนิธิ องค์กรสาธารณกุศลต่างๆ ส่วนบทกำหนดโทษผู้ขายสลากเกินราคาที่ดูรุนแรงเกินไปนั้น เนื่องจากโทษปรับเดิม 2,000 บาท ไม่มีใครเกรงกลัว เจตนาทำพื่อต้องการไม่ให้เยาวชนได้เข้าถึงตั้งแต่อายุน้อยๆ จึงกำหนดห้ามขายสลากในสถานศึกษา และผู้ที่มีอายุไม่ถึงเกณฑ์
อย่างไรก็ตาม ข้อท้วงติงต่างๆ เหล่านี้ยังสามารถไปทบทวนแก้ไขได้ในชั้น กมธ.ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สนช.อภิปรายแสดงความคิดเห็นครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมลงมติรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ด้วยคะแนน140 ต่อ 1 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 1 โดยมีการตั้งคณะกรรมาธิการมาพิจารณาในวาระ 2 และ3 ต่อไป