xs
xsm
sm
md
lg

เมื่ออียู...กลายสภาพเป็นอีย้วย

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


วันนี้...สงสัยคงต้องชวนร่อนไป-ร่อนมาแถวๆ ยุโรปดูมั่ง ด้วยเหตุเพราะชักเบื่ออเมริกา เบื่อ “ทรัมป์บ้า” เต็มที คืออะไรมันจะกลิ้งไป-กลิ้งมา กลับๆ กลอกๆ หลอกไป-หลอกมาเท่านี้ย่อมไม่มีอีกแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องสงครามการค้ากับจีน เรื่องถอนทหารออกจากซีเรีย หรือแม้แต่เรื่องนิวเคลียร์เกาหลี ที่กะจะเจอกับ “คิมน้อย” กันในเร็วๆ นี้ ฯลฯ ฯลฯ พูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าจะเรื่องอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ สุดท้าย...คงต้องสรุปว่า ใครที่เชื่อ “ทรัมป์บ้า” ย่อมมีสิทธิ์ “ออกลูกเป็นลิง” ไปด้วยกันทั้งสิ้น....

ด้วยเหตุนี้...คงต้องลองหันไปดูตัวละครตัวสำคัญอีกตัว นั่นก็คือยุโรป หรืออียู ที่แม้ว่าจะเจอฤทธิ์เดชของ “ทรัมป์บ้า” ตลอดช่วงที่ผ่านมา จนทำท่าว่าอาจกลายเป็น “ตัวแปร” ที่สามารถเปลี่ยนโฉมหน้า เปลี่ยนทิศทาง เปลี่ยนระเบียบของโลกทั้งโลกได้มั่ง แต่ด้วยสภาพข้อเท็จจริงของอียูทุกวันนี้ ที่ชักกลายเป็น “อีย้วย” ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ คือแทนที่จะมีบทบาทมีส่วนร่วมในการ “แก้ปัญหา” เอาไป-เอามา...อียูเองนั่นแหละ ที่อาจกลายเป็น “ปัญหา” ซะเอง!!! และอาจส่งผลให้โลกทั้งโลก ต้องปั่นป่วน วุ่นวาย ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้...

โดยเฉพาะถ้าลองมองจากมุมมองของพวก “กูรู-กูรู้” หรือพวกนักวิเคราะห์ นักคาดการณ์ นักลงทุนทางธุรกิจ อย่าง “นายมิตช์ ฟอรสไตน์” (Mitch Feierstein) นักลงทุนชาวอังกฤษ-อเมริกัน ที่เคยเป็นนายแบงก์ เป็นนักเขียน คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ดังๆระดับโลก อย่าง Daily Mail, The Independent, Huffington Post แถมยังมักได้รับเชิญเป็นวิทยากรในรายการวิเคราะห์เศรษฐกิจ ธุรกิจ ทางโทรทัศน์ BBC, Sky, Russia today ฯลฯ อย่างสม่ำเสมอ ที่ได้ออกมา “ฟันธง” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่าภายในปีนี้ ปีหมู หรือปี ค.ศ. 2019 นี่แหละ ที่ “ฟองสบู่อียู” จะต้องแตกดังโพละ ถึงขั้นส่งผลให้บรรดาประเทศสมาชิกอียู อาจต้องแตกกระสานซ่านเซ็น ไม่ก็ต้องหันมาไล่เตะ ไล่ถีบกันเอง จนไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะไปช่วยใครต่อใครเขาได้...

เนื่องจากบรรดาประเทศต่างๆ ที่ประกอบขึ้นมาเป็นอียูนั้น...ล้วนแล้วแต่ออกอาการ “เหี่ยวปลาย” หรือกำลังรากแตก รากแตนไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่เพียงการแยกตัวออกจากอียูของอังกฤษ หรือกรณี “Brexit” ที่ยังหาข้อยุติ จุดลงตัวกันมิได้ อันกลายเป็นตัวสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับอียูแบบทั่วทั้งองคาพยพ หรือกรณีวิกฤตหนี้สินของประเทศกรีซ ที่ยังไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้จนตราบเท่าทุกวันนี้ ยังตามมาด้วยวิกฤตหนี้สินของอิตาลี ที่เคยเป็นเสาหลักอีกเสาของอียู แต่เมื่อต้องเจอกับภาวะหนี้สินระดับไม่น้อยกว่า 2.2 ล้านล้านยูโร หรือกว่า 133 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ก็เล่นเอาแทบสำลักเส้นสปาเก็ตตี้ ออกปาก ออกจมูก ชนิดหายใจ หายคอ แทบไม่ทัน ยิ่งถ้าโดนบีบ โดนกด จากธนาคารกลางของอียู ให้รัดเข็มขัดให้แน่นๆ ยิ่งไปกว่านี้โอกาสที่จะแตกดังโพละเกิดอาการ “Italian exit” ที่หนักหนาสาหัส ยิ่งกว่า “Brexit” ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...

แม้แต่เสาหลักที่สำคัญเอามากๆ อย่างฝรั่งเศส ด้วยปริมาณหนี้สินที่ไม่น้อยไปกว่าอิตาลี หรือระดับ 2.32 ล้านล้านยูโร เทียบเท่า 97 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ยิ่งเมื่อต้องมาเจอกับ “วิกฤตการเมือง” ผสมโรงเข้าไปด้วย เจอกับบรรดาพวก “เสื้อกั๊กเหลือง” ที่ยังคงประท้วงกันไม่จบ ส่งผลให้คะแนนนิยมของผู้นำประเทศ อย่างประธานาธิบดี “เอ็มมานูเอล มาครง” ร่วงผลอยๆ ชนิดถ้าว่ากันตามโพลล่าสุดของ “Odexa and Densu” บรรดาชาวฝรั่งเศสจำนวนถึง 75 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ที่พร้อมจะปฏิเสธผู้นำของตนเอง ไม่เชื่อถือ ศรัทธา ไม่คิดจะไว้วางใจใดๆ อีกต่อไปแล้ว โอกาสที่จะไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้น ต้องสวดกุศลา ธัมมา อกุศลา ธัมมา กันในเร็วๆ นี้ ย่อมเป็นไปได้ทุกเมื่อ...

ส่วนเสาหลักที่สำคัญที่สุดอย่างเยอรมนี...ก็ดันมาเจอกับการถอดใจของ “หญิงเหล็ก” อย่าง “นางอังเกลา แมร์เคิล” ที่ตัดสินใจ “เดี๊ยน...พอแล้ว” ในช่วงจังหวะสำคัญ หรือช่วงหัวเลี้ยว-หัวต่อแบบพอดิบพอดี ด้วยเหตุนี้...โอกาสจะไปช่วยเหลือผู้อื่น หรือไปแก้ปัญหาของผู้อื่น เลยแทบเป็นไปไม่ได้เอาเลยก็ว่าได้ เพราะแค่ปัญหาของตัวเอง ก็ไม่รู้จะรอด-ไม่รอด หรือไม่ ประการใด โดยเฉพาะถ้าหากมันเกิดรายการ “ฟองสบู่แตก” ขึ้นมาในอียู อย่างที่ “นายมิตช์ ฟอรสไตน์” แกออกมา “ดูดวง” เอาไว้จริงๆ...

และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ความพยายามในอันที่รักษากฎ กติกา กฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อนำมาซึ่ง “ระเบียบโลก” อันถูกต้อง ยุติธรรม ไม่เกิดการผ่าเหล่า ผ่ากอ หรือเกิดความเป็นไปตาม “ลัทธิอำเภอใจ” ของประเทศหนึ่ง ประเทศใด อย่างเช่นความพยายามรักษา “ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน” หรือ “JCPOA” ที่อียูทั้งอียู พร้อมอก พร้อมใจ ที่ยืนหยัดอยู่กับข้อตกลงเดิมๆ แม้ว่า “ประมุขโลก” อย่างคุณพ่ออเมริกา ภายใต้การนำของ “ทรัมป์บ้า” จะแหกกฎ ฉีกกฎ เหยียบย่ำ กระทืบกฎ กติกา ไปในลักษณะไหนก็แล้วแต่ แต่ก็นั่นแหละ...ในเมื่อตัวเองดันมีแต่ “ใจ” ส่วนในแง่เรี่ยวแรง น้ำอิ๊ว น้ำยา มันแทบไม่เหลือติดตัว ความพยายามประคับประคองข้อตกลงดังกล่าว ด้วยการสร้างเครื่องไม้ เครื่องมือ ที่เรียกว่า “Special Purpose Vehicle” หรือ “SPV” เพื่อช่วยเหลือไม่ให้ประเทศใดๆ หรือบริษัทธุรกิจใดๆ ที่เข้าไปทำธุรกรรมกับอิหร่าน ต้องได้รับผลกระทบจากการ “แซงชั่น” ของอเมริกา โดยอาศัยเครื่องมือชนิดนี้เป็นทางออก ทางเลือกสุดท้ายแล้ว...ก็ชักทำท่าว่าอาจต้อง “เจ๊ง” เอาดื้อๆ!!!

หรือทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน “นายMohammad Javad Zarif” ที่ตั้งตารอคอยการอุบัติขึ้นมาของ “SPV” มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ต้องออกมาประกาศเมื่อวัน-สองวันนี้ว่า “อิหร่านไม่คิดจะรออียูต่อไปอีกแล้ว” หรือ “แม้ว่าเราจะเห็นความพยายามของอียูในเรื่อง SPV แต่ในเมื่อมันมีอะไรเป็นไปตามที่คาดหวัง อิหร่านคงต้องหันไปหาทางออกร่วมกับหุ้นส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจีน อินเดีย รัสเซีย ตุรกี และอิรัก” ไปตามสภาพ และก็แน่ล่ะว่า...ถ้าหากทางออก หรือทางเลือกเหล่านี้ ยังไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาแรงกด แรงบีบ จากประมุขโลก หรืออันธพาลโลก อย่างคุณพ่ออเมริกาได้อีกต่อไป โอกาสที่อิหร่านอาจต้องหันกลับไป “เสริมสมรรถนะยูเรเนียม” หรือหันไปเริ่มต้นกระบวนการอันจะนำไปสู่ “อาวุธนิวเคลียร์” เพื่อใช้เป็นเครื่องรับประกันความมั่นคง ปลอดภัยให้กับประเทศตัวเอง แบบเดียวกับ “คิมน้อย” แห่งเกาหลีเหนือ ก็ย่อมมีความเป็นไปได้อีกเช่นกัน...

ด้วยเหตุนี้นี่แหละทั่น...ที่ทำให้นักคิด นักปราชญ์ รายหนึ่ง รายใด ก็จำไม่ได้ซะแล้ว ท่านถึงได้ประดิษฐ์คิดค้นเป็นวาทะเอาไว้ประมาณว่า... “ถ้าหากท่านไม่ได้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ท่านก็คือส่วนหนึ่งของปัญหา” ทำนองนั้น ดังนั้น...การที่ประเทศอียูกำลังกลายสภาพไปเป็น “อีย้วย” มันก็เลยย่อมส่งผลให้โลกทั้งโลก...หนีไม่พ้นต้องพลอย “ซวย” ไปด้วยอย่างมิอาจปฏิเสธได้...
กำลังโหลดความคิดเห็น