ผู้จัดการรายวัน360 - สังเวชใจ เคานต์ดาวน์เลือดฆ่ายกครัวดับ 7 ศพ ลูกเขยเมาฉลองปีใหม่ จ่อยิงคู่เขย น้องเมีย แม่ยาย ลูกชายหญิงของตัวเอง พร้อมญาติๆ เสียชีวิตยกครัว 6 ศพ ก่อนจ่อขมับตัวเองตายตามเป็นศพที่ 7 ในบ้านกลางตลาดพะโต๊ะ ระบุสาเหตุแค้นฝังใจ ญาติภรรยาสุดทนเตรียมตะเพิดพ้นบ้าน แต่ได้ยิน ก่อนชักปืนสังหารรายคนอย่างโหดเหี้ยม
วานนี้ (1 ม.ค.) พ.ต.ท.ลาภ คำพันธ์ สว.(สอบสวน) สภ.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายหลายศพที่บ้านเลขที่ 86 หมู่ที่ 8 ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร พร้อมด้วย นายสมพร ปัจฉิมเพชร รอง ผวจ.ชุมพร พ.ต.อ.ธานี นาคหควิค ผกก.สภ.พะโต๊ะ พ.ต.ท.พิษณู บุษย์วิทย์ รอง ผกก.ป. พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ พ่วงพิศ ผกก.สส.ภ.จ.ชุมพร ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน หน่วยกู้ภัยพะโต๊ะ-พุทธประทีปหลังสวน
โดยที่เกิดเหตุอยู่ใจกลางตลาดพะโต๊ะ ห่างจากที่ว่าการอำเภอพะโต๊ะ และ สภ.พะโต๊ะ ประมาณ 200 เมตร เป็นบ้านห้องแถวชั้นเดียว 2 คูหา เปิดเป็นร้านเสริมสวยชื่อ “อ่อนมุกข์” ที่หน้าบ้านบริเวณพื้นปูนข้างโต๊ะม้าหินอ่อน พบศพผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นายวิจิตร นาคลอด อายุ 50 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่กลางหน้าอก 1 นัด
ส่วนห้องโถงภายในบ้านมีศพ นางงุด อ่อนมุกข์ อายุ 71 ปี และศพ น.ส.ผกามาศ อ่อนมุกข์ อายุ 47 ปี ถูกยิงกลางหน้าอกศพละ 1 นัด ถัดเข้าไปเป็นทางเดินไปยังห้องครัวหลังบ้าน ส่วนด้านซ้ายเป็นห้องนอน 3 ห้อง ด้านขวาเป็นห้องนอน 2 ห้อง พบศพผู้เสียชีวิตอยู่บริเวณช่องทางเดินหน้าห้องนอนที่ 2 ด้านซ้าย 1 ศพ ทราบชื่อคือ นางรัชพร อ่อนมุกข์ อายุ 50 ปี ถูกยิงกลางหน้าอก 1 นัด
ภายในห้องนอนห้องแรกด้านขวามือบนเตียงเจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิตอีก 3 ศพ ประกอบด้วย นายสุชีพ ศรสังข์ อายุ 41 ปี ถูกยิงที่ขมับขวา 1 นัด ในมือขวากำปืนขนาด 9 มม.บาเร็ตต้า 1 กระบอก ใกล้กันเป็นศพ ด.ญ.ชนัญธิดา ศรสังข์ อายุ 6 ปี ถูกยิงกลางหน้าอก 1 นัด และ ด.ช.กษิเดช ศรสังข์ อายุ 9 ปี ถูกยิงกลางหน้าอก 1 นัด ทั้ง 3 ศพเป็นพ่อลูกกัน
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุตามจุดต่างๆ พบปลอกกระสุนปืน 7 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และทราบว่ามีผู้บาดเจ็บ 1 ราย คือ นายทินกร อ่อนมุกข์ อายุ 33 ปี ถูกยิงที่หน้าท้องกระสุนแฉลบออกสีข้างด้านขวา ชาวบ้านช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลพะโต๊ะ กระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญอาการปลอดภัย แพทย์ให้กลับบ้านได้
จากการสอบสวน นายทินกร ผู้รอดชีวิตให้การว่า ตนพร้อมด้วย นางรัชพร อ่อนมุกข์ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นพี่สาว และ นายวิจิตร นาคลอด อายุ 50 ปี พี่เขย ทำงานอยู่กรุงเทพมหานคร ได้เดินทางมาเยี่ยมแม่ คือ นางงุด อ่อนมุกข์ อายุ 71 ปี ที่บ้านหลังเกิดเหตุ ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 61 ที่ผ่านมา
โดยคืนเกิดเหตุขณะนั่งดื่มกินสังสรรค์เคานต์ดาวน์ปีใหม่กันภายในครอบครัวที่หน้าบ้านอย่างสนุกสนานได้มี นายสุชีพ ศรสังข์ อายุ 41 ปี พี่เขยตน บ้านเดิมอยู่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านเหลังเกิดเหตุได้ขับรถยนต์กระบะโตโยตา สีดำ 4 ประตู ทะเบียน 7 กค 7826 กรุงเทพมหานคร มาจอดในโรงเก็บรถข้างบ้าน จากนั้นได้เดินเข้าบ้านด้วยอาการเมาสุรา แล้วเข้ามาหาเรื่องบอกว่าพวกมึงไม่ต้องมองหน้ากู แล้วชักปืนพกออกมาขู่และพูดต่ออีกว่า กูอยู่ที่นี่กูช่วยทุกอย่างไม่มีความดีเลยสักอย่าง แต่พวกมึงยังไม่ชอบหน้ากูจึงเกิดโต้เถียงกันขึ้น
ทำให้ นายสุชีพ พี่เขยเหนี่ยวไกยิงใส่นายนายวิจิตร นาคลอด คู่เขย ที่กำลังนั่งอยู่บนม้าหินอ่อนจนฟุบลงกับพื้นตายคาที่ แล้วหันมายิงใส่ตนถูกที่ท้อง 1 นัด จนล้มลงกองกับพื้น ตนจึงอุบนิ่งทำแกล้งตาย จากนั้นนายสุชีพ วิ่งไปยิงนางงด แม่ตน และ น.ส.ผกามาศ พี่สาว ที่นั่งอยู่บนโซฟาจนตาย แล้วไล่ตามไปยิงนางรัชพร ที่กำลังวิ่งหนีตายจนตายหน้าห้องนอน จากนั้นนายสุชีพ พี่เขยตน ยังไม่หยุดความบ้าคลั่งได้วิ่งเข้าไปยิงลูกชาย และลูกสาวตัวเองที่นอนเล่นเกมมือถืออยู่ในห้องนอนจนตาย แล้วใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อขมับตัวเองฆ่าตัวตายตาม
สำหรับชนวนเหตุการสังหารยกครัว 7 ศพในครั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติ นายสุชีพ มือปืน เคยถูกจับคดียักยอกทรัพย์ในตัวเมืองชุมพร นอกจากนั้น ยังมีประวัติพัวพันเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเพิ่งพ้นโทษคดีพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ จ.นครศรีธรรมราช ออกจากคุกมาเมื่อวันที่ 20 พ.ย.60 ที่ผ่านมา แล้วกลับมาอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว ส่วนภรรยาของนายสุชีพ ได้หนีไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากทนพฤติกรรมของนายสุชีพ ไม่ไหวที่ชอบเที่ยวเตร่ไม่ทำงานเป็นหลักแหล่งชอบยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย จึงทำให้นายสุชีพโกรธแค้นและมีเรื่องระหองระแหงกับครอบครัวฝ่ายภรรยามาตลอด โดยไม่ยอมย้ายออกไปอยู่ที่อื่น และยังข่มขู่คนในครอบครัวฝ่ายภรรยาตลอดเวลาว่าจะฆ่าให้ตายหมดทั้งครอบครัว เนื่องจากเข้าใจว่ารู้เห็นเป็นใจให้ภรรยาตนเองหนีไปอยู่กรุงเทพฯ จนกระทั่งมาก่อเหตุเมื่อญาติๆ มาอยู่กันครบหน้าขึ้นดังกล่าว
***ปมแค้นสังหารโหด ญาติเตรียมตะเพิดพ้นบ้าน
โดยทางพล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปะชัย ผบก.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.อ.พรพันธ์ ทิมขำ พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร และ พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สภ.พะโต๊ะ พร้อมชุดสายสืบ ชุดสายตรวจ ได้เดินทางไปยังบ้านหลังเกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบ เก็บหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียด และ สอบปากคำ นายทินกร อ่อนมุกข์ อายุ 33 ปี น้องภรรยาของนายสุชีพ ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย ผบก.ภ.จ.ชุมพร กล่าวว่า เหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น มาจากปัญหาครอบครัวเนื่องจากผู้ก่อเหตุ หลังถูกจำคุกในข้อหาพยายามฆ่าที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อพ้นโทษออกมาเมื่อปีที่แล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้านแม่ยายกับลูกๆ 2 คน ที่บ้านหลังเกิดเหตุและรอคอยภรรยาที่ไปทำงานอยู่นอกพื้นที่ แต่ภรรยาก็ไม่กลับมา
จนกระทั้งช่วงเทศกาลปีใหม่มีเรื่องกระทบกระทั่งกับญาติๆ ภรรยา จากปัญหาที่สะสมกันมานานกระทั่งเกิดเหตุฆ่า 7 ศพดังกล่าว ส่วนกรณีที่ผู้ก่อเหตุมีประวัติพัวพันเรื่องยาเสพติดและออกเงินกู้นอกระบบ ก็พอจะทราบข้อมูลจากผู้ใกล้ชิดซึ่งก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป.
วานนี้ (1 ม.ค.) พ.ต.ท.ลาภ คำพันธ์ สว.(สอบสวน) สภ.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายหลายศพที่บ้านเลขที่ 86 หมู่ที่ 8 ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร พร้อมด้วย นายสมพร ปัจฉิมเพชร รอง ผวจ.ชุมพร พ.ต.อ.ธานี นาคหควิค ผกก.สภ.พะโต๊ะ พ.ต.ท.พิษณู บุษย์วิทย์ รอง ผกก.ป. พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ พ่วงพิศ ผกก.สส.ภ.จ.ชุมพร ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน หน่วยกู้ภัยพะโต๊ะ-พุทธประทีปหลังสวน
โดยที่เกิดเหตุอยู่ใจกลางตลาดพะโต๊ะ ห่างจากที่ว่าการอำเภอพะโต๊ะ และ สภ.พะโต๊ะ ประมาณ 200 เมตร เป็นบ้านห้องแถวชั้นเดียว 2 คูหา เปิดเป็นร้านเสริมสวยชื่อ “อ่อนมุกข์” ที่หน้าบ้านบริเวณพื้นปูนข้างโต๊ะม้าหินอ่อน พบศพผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นายวิจิตร นาคลอด อายุ 50 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่กลางหน้าอก 1 นัด
ส่วนห้องโถงภายในบ้านมีศพ นางงุด อ่อนมุกข์ อายุ 71 ปี และศพ น.ส.ผกามาศ อ่อนมุกข์ อายุ 47 ปี ถูกยิงกลางหน้าอกศพละ 1 นัด ถัดเข้าไปเป็นทางเดินไปยังห้องครัวหลังบ้าน ส่วนด้านซ้ายเป็นห้องนอน 3 ห้อง ด้านขวาเป็นห้องนอน 2 ห้อง พบศพผู้เสียชีวิตอยู่บริเวณช่องทางเดินหน้าห้องนอนที่ 2 ด้านซ้าย 1 ศพ ทราบชื่อคือ นางรัชพร อ่อนมุกข์ อายุ 50 ปี ถูกยิงกลางหน้าอก 1 นัด
ภายในห้องนอนห้องแรกด้านขวามือบนเตียงเจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิตอีก 3 ศพ ประกอบด้วย นายสุชีพ ศรสังข์ อายุ 41 ปี ถูกยิงที่ขมับขวา 1 นัด ในมือขวากำปืนขนาด 9 มม.บาเร็ตต้า 1 กระบอก ใกล้กันเป็นศพ ด.ญ.ชนัญธิดา ศรสังข์ อายุ 6 ปี ถูกยิงกลางหน้าอก 1 นัด และ ด.ช.กษิเดช ศรสังข์ อายุ 9 ปี ถูกยิงกลางหน้าอก 1 นัด ทั้ง 3 ศพเป็นพ่อลูกกัน
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุตามจุดต่างๆ พบปลอกกระสุนปืน 7 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และทราบว่ามีผู้บาดเจ็บ 1 ราย คือ นายทินกร อ่อนมุกข์ อายุ 33 ปี ถูกยิงที่หน้าท้องกระสุนแฉลบออกสีข้างด้านขวา ชาวบ้านช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลพะโต๊ะ กระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญอาการปลอดภัย แพทย์ให้กลับบ้านได้
จากการสอบสวน นายทินกร ผู้รอดชีวิตให้การว่า ตนพร้อมด้วย นางรัชพร อ่อนมุกข์ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นพี่สาว และ นายวิจิตร นาคลอด อายุ 50 ปี พี่เขย ทำงานอยู่กรุงเทพมหานคร ได้เดินทางมาเยี่ยมแม่ คือ นางงุด อ่อนมุกข์ อายุ 71 ปี ที่บ้านหลังเกิดเหตุ ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 61 ที่ผ่านมา
โดยคืนเกิดเหตุขณะนั่งดื่มกินสังสรรค์เคานต์ดาวน์ปีใหม่กันภายในครอบครัวที่หน้าบ้านอย่างสนุกสนานได้มี นายสุชีพ ศรสังข์ อายุ 41 ปี พี่เขยตน บ้านเดิมอยู่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านเหลังเกิดเหตุได้ขับรถยนต์กระบะโตโยตา สีดำ 4 ประตู ทะเบียน 7 กค 7826 กรุงเทพมหานคร มาจอดในโรงเก็บรถข้างบ้าน จากนั้นได้เดินเข้าบ้านด้วยอาการเมาสุรา แล้วเข้ามาหาเรื่องบอกว่าพวกมึงไม่ต้องมองหน้ากู แล้วชักปืนพกออกมาขู่และพูดต่ออีกว่า กูอยู่ที่นี่กูช่วยทุกอย่างไม่มีความดีเลยสักอย่าง แต่พวกมึงยังไม่ชอบหน้ากูจึงเกิดโต้เถียงกันขึ้น
ทำให้ นายสุชีพ พี่เขยเหนี่ยวไกยิงใส่นายนายวิจิตร นาคลอด คู่เขย ที่กำลังนั่งอยู่บนม้าหินอ่อนจนฟุบลงกับพื้นตายคาที่ แล้วหันมายิงใส่ตนถูกที่ท้อง 1 นัด จนล้มลงกองกับพื้น ตนจึงอุบนิ่งทำแกล้งตาย จากนั้นนายสุชีพ วิ่งไปยิงนางงด แม่ตน และ น.ส.ผกามาศ พี่สาว ที่นั่งอยู่บนโซฟาจนตาย แล้วไล่ตามไปยิงนางรัชพร ที่กำลังวิ่งหนีตายจนตายหน้าห้องนอน จากนั้นนายสุชีพ พี่เขยตน ยังไม่หยุดความบ้าคลั่งได้วิ่งเข้าไปยิงลูกชาย และลูกสาวตัวเองที่นอนเล่นเกมมือถืออยู่ในห้องนอนจนตาย แล้วใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อขมับตัวเองฆ่าตัวตายตาม
สำหรับชนวนเหตุการสังหารยกครัว 7 ศพในครั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติ นายสุชีพ มือปืน เคยถูกจับคดียักยอกทรัพย์ในตัวเมืองชุมพร นอกจากนั้น ยังมีประวัติพัวพันเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเพิ่งพ้นโทษคดีพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ จ.นครศรีธรรมราช ออกจากคุกมาเมื่อวันที่ 20 พ.ย.60 ที่ผ่านมา แล้วกลับมาอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว ส่วนภรรยาของนายสุชีพ ได้หนีไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากทนพฤติกรรมของนายสุชีพ ไม่ไหวที่ชอบเที่ยวเตร่ไม่ทำงานเป็นหลักแหล่งชอบยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย จึงทำให้นายสุชีพโกรธแค้นและมีเรื่องระหองระแหงกับครอบครัวฝ่ายภรรยามาตลอด โดยไม่ยอมย้ายออกไปอยู่ที่อื่น และยังข่มขู่คนในครอบครัวฝ่ายภรรยาตลอดเวลาว่าจะฆ่าให้ตายหมดทั้งครอบครัว เนื่องจากเข้าใจว่ารู้เห็นเป็นใจให้ภรรยาตนเองหนีไปอยู่กรุงเทพฯ จนกระทั่งมาก่อเหตุเมื่อญาติๆ มาอยู่กันครบหน้าขึ้นดังกล่าว
***ปมแค้นสังหารโหด ญาติเตรียมตะเพิดพ้นบ้าน
โดยทางพล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปะชัย ผบก.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.อ.พรพันธ์ ทิมขำ พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร และ พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สภ.พะโต๊ะ พร้อมชุดสายสืบ ชุดสายตรวจ ได้เดินทางไปยังบ้านหลังเกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบ เก็บหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียด และ สอบปากคำ นายทินกร อ่อนมุกข์ อายุ 33 ปี น้องภรรยาของนายสุชีพ ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย ผบก.ภ.จ.ชุมพร กล่าวว่า เหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น มาจากปัญหาครอบครัวเนื่องจากผู้ก่อเหตุ หลังถูกจำคุกในข้อหาพยายามฆ่าที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อพ้นโทษออกมาเมื่อปีที่แล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้านแม่ยายกับลูกๆ 2 คน ที่บ้านหลังเกิดเหตุและรอคอยภรรยาที่ไปทำงานอยู่นอกพื้นที่ แต่ภรรยาก็ไม่กลับมา
จนกระทั้งช่วงเทศกาลปีใหม่มีเรื่องกระทบกระทั่งกับญาติๆ ภรรยา จากปัญหาที่สะสมกันมานานกระทั่งเกิดเหตุฆ่า 7 ศพดังกล่าว ส่วนกรณีที่ผู้ก่อเหตุมีประวัติพัวพันเรื่องยาเสพติดและออกเงินกู้นอกระบบ ก็พอจะทราบข้อมูลจากผู้ใกล้ชิดซึ่งก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป.


