ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - แค่ปัญหาภายในก็จะตายกันอยู่แล้ว ยังมีเวลามาทำหน้าที่ “สายตรวจ”กันอีก หลังสมาชิกเพื่อไทย สวมวิญญาณผู้รักความยุติธรรม คอยตามสแกน “พลังประชารัฐ”วันนี้จะเอาเปรียบอะไรอีก
ร้องแรกแหกกระเชอกันรายวัน “พลังประชารัฐ”ทำผิดเป็นกุรุส เรียกว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ยังต้องอาย เพราะข้อมูลในมือ “เพื่อไทย”มันเพียบไปหมด
นอกจากนี้ ยังคอยสะกดรอยตาม แผนงานแต่ละวันของ“บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เวลาลงพื้นที่เยี่ยมชม พบปะชาวบ้านร้านตลาดว่า เอาเปรียบอย่างไร !
เอาเป็นว่า ทุกวันนี้คนเข้าใจไปแล้วว่า นโยบายหลักพรรคเพื่อไทยหนนี้ ไม่มีอะไรเด็ดๆ นอกจากการจับผิดอีกฝั่งอย่างเดียวที่จะเอามาชู
ย้อนไปยุคยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังงัดไม้ตาย จำนำข้าวตันละ 15,000 บาท บ้านหลังแรก รถยนต์คันแรก จนคะแนนขาดวิ่น ทิ้งห่างประชาธิปัตย์ ด้วยเพราะคาถา “ประชานิยม”
แต่ยุคนี้ที่ “เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นำทัพในฐานะประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ยังไม่มี “ประชานิยม”ฉบับใหม่ๆ ที่จะล่อตาล่อใจ ให้คนอยากได้ อยากกากบาท “เพื่อไทย”แบบไม่ยั้งคิด
เจอแต่ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ”ของ “รัฐบาลบิ๊กตู่”เป็นโครงการเรียกคะแนนนิยมของ “พลังประชารัฐ”หรือแม้แต่แพกเกจต่างๆ ที่รัฐบาลเทกระจาดในช่วงนี้ เป็นการเอาเปรียบคู่แข่ง
พูดแต่ผลดี ผลเสียของอีกฝั่ง ในขณะที่ตัวเองยังไม่มีอะไรมาโชว์ แล้วพอโดนย้อนศรร่อนกลับไปบ้างว่า ถ้ามันไม่ดี “เพื่อไทย”กล้ายกเลิกโครงการนี้หรือไม่ ก็น้ำท่วมปาก พูดไม่ออก เพราะรู้ว่า “คนจน”ได้ประโยชน์
ก็คำนึงถึงคะแนนเสียงตัวเองเหมือนกัน ทีมเศรษฐกิจไม่ว่าจะเพื่อไทย หรือไทยรักษาชาติ ที่คอยเป็นคอมเมนเตเตอร์ วิพากษ์วิจารณ์งานเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ ทั้งกิตติรัตน์ ณ ระนอง, พิชัย นริพทะพันธ์ ยังไม่มีใครชูนโยบายเจ๋งๆ ที่ว่าดีกว่าเลย
ชุลมุนกันอยู่แต่ว่า วันนี้ฝ่ายตรงข้ามจะเอาเปรียบอะไร แล้วก็มาบ่นด่าเป็นฟืนเป็นไฟกันอย่างเดียว เสมือนวิ่งตาม จับผิด ชนิดไม่มีคิดจะปั้นอะไรมาแข่งให้ประชาชนได้เปรียบเทียบ
เหมือนคนหมดมุก ที่ไม่รู้จะออกหมัดฮุคอะไร แม้แต่นโยบายจำนำข้าว ก็ยังไม่กล้าพูดเต็มปากว่า จะปัดฝุ่นเอากลับมา เพราะคดีนี้มันก็มีชนักปักหลัง แผลที่ยังฝังใจคน ที่เจ๊งป่นปี้ไม่มีชิ้นดี จน “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”อดีตนายกฯ ต้องหนีคดีไปอยู่ต่างแดน จนถึงวันนี้
ไหนจะผู้ต้องขังในเรือนจำทั้งหลาย ที่ต้องกินข้าวแดงแกงร้อน นอนในตะราง เพราะทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ “จีทูจีเก๊”ที่ก็หากินจากนโยบายเบอร์หนึ่งของเพื่อไทย ในสมัย “ยิ่งลักษณ์”
ยังไม่นับกรณี “เจ๊แดง”เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่วันนี้ยังตามตัวไม่ได้ว่าหายไปอยู่ซอกหลืบใดของโลก บ้างว่าหนีตีปีกไปแล้ว ไม่รอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลก่อน เพราะรู้ว่า ฝ่ายตรงข้ามไม่ปล่อยเอาไว้แน่ ซึ่งก็มาจากกระแสว่า ถูกซัดทอดว่าพัวพันในเรื่องดังกล่าว
จำนำข้าวดีจริง แต่ยังไม่ได้ยินว่ากล้าเอาไปประชันกับ“พลังประชารัฐ”
มันเหมือนว่า“เพื่อไทย”ต้องการใช้วาทกรรมเป็นหลักในการต่อสู้ จะเห็นได้แต่ว่า บู๊เรื่องฝั่ง “ประชาธิปไตย”กับ “เผด็จการ”อย่างเดียวเท่านั้น
ทั้งที่มันมีส่วนสำคัญในการเรียกคะแนนเหมือนกัน เพราะนโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยในอดีต เวลาชูขึ้นมาเปรี้ยงปร้าง สร้างความนิยมได้มโหฬาร เพราะชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยมักชอบ เพราะได้เร็ว เห็นผลทันตา
มันก็สะท้อนให้เห็นเหมือนกันว่า“ทักษิณ ชินวัตร”ไม่ได้จะตั้งใจจะสู้แบบหมดหน้าตัก แต่ยังกั๊กอยู่ว่าจะเอาแบบไหน ซึ่งระดับ“ทักษิณ” ถ้าจะคิดนโยบายประชานิยม รับรองออกมาเป็นโขยงได้ไม่ยาก เพราะรู้จักนิสัยคนไทยดี ว่าชอบอะไร
เอาเป็นว่า นอกจาก “ใส่ร้ายป้ายสี”ยังไม่เห็น “เพื่อไทย”จะมีทีเด็ดอะไร หรือจะกั๊กเอาไว้ใช้ชูในช่วงที่ พระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งออกแล้วทีเดียว ประมาณว่า“เซอร์ไพร์ส”ได้กระแสกันตูมตาม
ขณะที่ปัญหาภายในตัวเอง วันนี้ก็ไม่ใช่ไม่เยอะ ไม่ได้สมัครสมานสามัคคีกันอย่างที่พร้อมใจกันด่า“เผด็จการ” แต่ว่ากันว่า แต่ละเขตล่อกันเองฝุ่นตลบ
โดยเฉพาะโควตาเขต 250 พื้นที่ ที่ “เพื่อไทย”จะส่งผู้สมัครลงแข่งขัน ซึ่งปริมาณผู้ต้องการจะลงสนามในรูปแบบเขต มันมีเกินกว่า 250 เขต
แต่ละเขตมีผู้ต้องการลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย เกินกว่า 4-5 คน ตอนนี้วิ่งกันขาขวิดเพื่อให้ได้สิทธิ์ลงสนามแข่งขัน เพราะยังมีเวลาเปลี่ยนตัวได้ยันวันที่ กกต. ปิดรับสมัคร
พวกที่ว่าได้ลงแน่ๆ ออกตัวแรงๆ ทำเป็นเล่น ไม่มีอะไรแน่นอน หากตกท่อพลาดเอง โดนเปลี่ยนตัวได้เสมอ อย่างกรณี“เสี่ยไก่”วัฒนา เมืองสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางแค ที่มีคลิปฉาวหลุด พลันเกิดเรื่องเกิดราว พวกที่เคยพินอบพิเทา“เสี่ยไก่”ด้วยความเป็นสายตรงนายใหญ่ กระโดดออกเพียบ
กลัวจะโดนลูกหลงจากกระแสคลิป แล้วจะถูกตัดสิทธิ์ไม่ได้ลงสมัครในนามพรรค ออกมาแก้ต่างแก้ตัวว่า ไม่ใช่เด็กในก๊วน “เสี่ยไก่”โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. หลายคนที่อดีตเขยซีพีเคยดัน เสียวหลังวาบกันเป็นแถว
เพราะพวกที่จ้องหยิบชิ้นปลามันมีมากมายมหาศาล ใครพลาดโดนเสียบทันที แถมยังมีคนนินทาหมาดูถูก กันว่า ขนาดจะขอสิทธิ์ลงสมัครชิง ส.ส.เขต บางที่ยังต้องใช้“กระสุนดินดำ”หลายหลักไปแลกเพื่อให้ได้มา นี่ขนาดว่า ยังไม่ได้เป็น ส.ส.
ต่างจังหวัดนี่ไม่ต้องพูดถึง ที่จ.ขอนแก่น นั่นก็ครั้งหนึ่ง ถึงขั้นกระโดดถีบกันจน “เสี่ยอ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย แม่บ้านพรรคแทบจะเอาไม่อยู่
ขู่ฟ่อกันเอง วิ่งกันจนวินาทีสุดท้าย ขายความนิยม โชว์ผลโพลตัวเองในพื้นที่ เพื่อมาขยี้พวกเดียวกันให้กระเด็นหลุดจากตำแหน่งผู้สมัคร
ใครพลาด พร้อมแทง เพื่อให้พวกกันเองหล่นจากแคนดิเดต นอกจากรบกับฝั่งตรงข้าม แล้วยังรบกันเอง มันเลยทำให้เสียเวลาไปดื้อๆ แบบเปล่าประโยชน์
ไม่ต้องดูอื่นไกล “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง”ที่ทำหน้าที่เบอร์หนึ่งหาเสียงของพรรค ไปปราศรัยที่ จ.อุดรธานี พูดแต่เรื่องตัวเอง แต่ไม่แตะแม่ทัพใหญ่ ที่พรรคชูอย่าง"หญิงหน่อย"
ทุกคนต่างอาศัยยี่ห้อ“เพื่อไทย”ให้ตัวเองมีอำนาจ ไม่ได้สมานฉันท์ เป็นเนื้อเดียวอย่างภาพที่ปรากฏออกมา