‘ทรัมป์’ จะมีใครเหลือ...

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังหาแพะรับบาปตัวใหม่มาเซ่นสังเวยสภาวะตลาดหุ้นตกต่ำช่วงก่อนสิ้นปี นักลงทุนต่างพากันจนลงเมื่อตลาดหุ้นดาวโจนส์ร่วงผลอยติดต่อกัน ก่อนวันคริสต์มาสดัชนีอุตสาหกรรมดิ่งลง 653 จุด จะฟื้นก่อนสิ้นปีหรือไม่

นั่นเป็นเรื่องที่คนเฝ้าจับตามอง เพราะดูภาพรวมแล้ว ไม่สดสวยเอามากๆ!

หลายอย่างเป็นผลจากการตัดสินใจและนโยบายของทรัมป์ที่สร้างความปั่นป่วนไปทั่ว จนทำให้ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจากนี้ไปผู้นำทำเนียบขาวจะก่อเรื่องสร้างหายนะอีกหรือไม่ทั้งด้านการเมือง การค้าภายในประเทศ ระหว่างประเทศ ส่งผลกระทบไปทั่วโลก

บริวาร คนทำงานให้ทรัมป์ต้องสังเวยกับความอัปยศและคดีอาญา ติดคุกไปหลายคน รอเข้าคุก รอขึ้นศาลก็มี นับว่าเป็นผู้นำสหรัฐฯ ที่ใช้คนเปลืองที่สุด เข้าตำรา คนดีอยู่ไม่ได้ คนชั่วมีอันต้องเป็นไปเพราะการช่วยเหลือเจ้านาย แต่สุดท้ายโดนถีบหัวส่งเข้าคุก

ถ้าใครตัดสินใจออกไปก่อนจะเผชิญกับความเสียหายด้านชื่อเสียงส่วนตัว ทรัมป์ก็โมโห เพราะถูกทำให้ตัวเองดูย่ำแย่ เป็นคนใช้ไม่ได้ แต่คนอเมริกันก็กล้ำกลืนฝืนทนเพราะการเมืองเป็นเรื่องที่ประชาชนทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินขบวนประท้วงต่อต้าน เท่านั้น

กฎหมายสหรัฐฯ ห้ามใครฟ้อง หรือดำเนินคดีอาญากับผู้นำประเทศเพื่อป้องกันคนหาเรื่อง ดังนั้นทรัมป์จึงอยู่รอด ถ้าคดีหมดอายุความเสียก่อนคนอยากฟ้องจะทำอะไรได้ทัน เว้นแต่ว่าสภาและวุฒิสภาตั้งเรื่องเริ่มกระบวนการถอดถอนแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

คนพรรคเดียวกัน จะช่วยพรรคฝ่ายค้านถอดถอนคนของตัวเอง เป็นเรื่องที่ทำใจไม่ได้ แม้จะสร้างความเสียหายระดับหนึ่ง ต้องถึงขั้นร้ายแรงแบบที่อดีตผู้นำ ริชาร์ด นิกสัน โดนมาก่อน แต่ลาออกก่อนกระบวนการจะไปสู่จุดถอดถอน และต้องมีเสียงเพียงพอ

ต้องรอดูว่าจากนี้ไปทรัมป์จะสร้างวิกฤตอะไรอีกบ้างเมื่ออารมณ์แปรปรวน ไม่อยู่กับร่องกับรอย ใครเข้าหน้าไม่ติด และตัวเองก็เก็บตัวเงียบ ไม่คุยกับใครทั้งนั้น เลิกล้มแผนไปพักผ่อนช่วงคริสต์มาสที่รีสอร์ตส่วนตัวในรัฐฟลอริดาเพราะไม่มีอารมณ์สนุก

ทรัมป์ไม่พอใจหลายคนต่อเนื่องกัน ทั้งพวกที่ออกไปแล้ว เพราะโดนปลดหรือไปเอง แต่ส่วนใหญ่โดนทรัมป์เฉดหัวแบบไม่ไว้หน้า ดังเช่นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน แม้จะจากกัน ทั้งคู่ก็ยังแลกถ้อยคำไม่เสนาะหู ด่ากันแบบตายไม่ต้องเผาผี

ใหม่ๆ หมาดๆ คือการลาออกของรัฐมนตรีกลาโหม เจมส์ แมตทิส ทำเอาทรัมป์ควันออกหูเพราะจดหมายตีจากเปิดความในใจของแมตทิสและพฤติกรรมไม่เข้าท่าของทรัมป์ในฐานะผู้นำชาติมหาอำนาจของโลก แต่ขาดดุลพินิจสุขุมรอบคอบอย่างแรง

ว่าง่ายๆ ก็คือ ทรัมป์ ไม่เอาอ่าว ไม่รู้เรื่องการเมือง การทหาร รู้แต่การค้าและหาผลประโยชน์ของตัวเองซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้ตัวเองต้องเผชิญกับความยุ่งยากส่วนตัวซับซ้อนจนน่ากลัวว่าอาจไม่รอดถึงสิ้นสุดวาระแรก เพราะเรื่องฉาวต่างๆ มันล้นทะลัก

ที่น่าห่วงสำหรับภาคธุรกิจและการเมืองก็คือทรัมป์จะนำไปสู่วิกฤตด้านการค้า การเงิน การลงทุน ความมั่นคงของประเทศด้านการทหาร ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความยุ่งเหยิงอันเป็นเหตุของความไร้หลักการในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ

ทรัมป์แปรมิตรให้เป็นศัตรู หรือเป็นแนวร่วมฝ่ายตรงข้าม ขณะที่มุ่งปกป้องมิตรที่ยังเหลืออยู่แต่มีภาพลักษณ์ไม่สดสวยในสายตาประชาคมโลก เช่น ซาอุดีอาระเบีย และอิสราเอล ซึ่งผู้นำต่างมีเรื่องฉาวโฉ่ จะหาทางออกง่ายๆ ไม่ได้ ทำให้ทรัมป์เน่าไปด้วย

การที่ตลาดการเงิน ตลาดหุ้นปั่นป่วน เพราะมาตรการกีดกันการค้า ใช้กำแพงภาษีคุกคามทั้งประเทศมิตรและฝ่ายตรงข้าม นโยบายโลเลพลิกไปมา ทำให้ทรัมป์ถูกมองด้วยสายตาระแวง แม้แต่กลุ่มประเทศในยุโรปก็ไม่อยากผูกพันเดินตามก้นทรัมป์

ก่อนตลาดหุ้นปั่นป่วน รัฐมนตรีคลัง สตีฟ มนูชิน ซึ่งน่าจะเป็นแพะและเหยื่ออารมณ์ทรัมป์รายต่อไป ได้โทรศัพท์ไปหาผู้บริหารของธนาคารใหญ่ๆ และสถาบันการเงิน สอบถามว่า “สภาพคล่องยังดีอยู่หรือไม่” แค่นี้ก็ทำให้ตลาดแตกตื่นหุ้นตก

จู่ๆ รัฐมนตรีคลังไปถามพวกนายแบงก์อย่างนั้น ทำให้คนถูกถามสงสัยว่า “ภาครัฐมีอะไรที่ภาคเอกชนยังไม่รู้หรือไม่” ทำให้หลายฝ่ายเอาตัวรอดเทขายหุ้นทิ้งก่อน หลังจากมนูชินแถลงว่าตัวเองได้คุยกับนายแบงก์แล้ว และทุกอย่างยังเป็นไปด้วยดี ไม่มีปัญหา

คำถามง่ายๆ “ถ้าไม่มีปัญหาจริง ไปถามอย่างนั้นทำไม มีอะไรจูงใจ?”

ตลาดหุ้นดิ่งเหวระเนนระนาดนั่นแหละ ทำให้ทรัมป์อารมณ์ขุ่นมัว ก่อนหน้านี้ทรัมป์ก็ร่ำๆ หาเรื่องจะปลดประธานบอร์ดธนาคารกลางหรือเฟด นายเจอร์โรม พาวเวลล์ ซึ่งได้ขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ตลาดปรับตัว ราคาหุ้นตก แต่ทรัมป์ก็ยังทำไม่ได้ เพราะลูกน้องเตือน

“จะปลดก็ได้ แต่สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมายนะ” แค่นี้ก็ทำให้ทรัมป์ชะงัก!

ดังนั้น ต้องหาแพะตัวใหม่ นั่นคือมนูชิน ซึ่งเป็นคนแนะนำให้ทรัมป์เลือกพาวเวลล์ให้เป็นประธานของเฟด ดังนั้น ทั้งคู่กำลังโดนทรัมป์เขม่นอย่างหนัก เพราะทรัมป์ไม่เคยมองหรือคิดว่าตัวเองทำผิดอะไร แม้จะทำตามคำสั่ง แต่ไม่เคยยอมรับผิด

แม้แต่การ “shutdown” ขณะนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้รับเงินเดือนหลายแสนคน หลายองค์กรต้องหยุดทำงาน ทรัมป์ก็โทษพรรคเดโมแครต ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศออกทีวีว่าตัวเองจะรับผิดชอบไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะการไม่มีเงินใช้จ่าย

ทรัมป์ต่อรองกับสภาคองเกรสว่าตัวเองจะต้องได้งบ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนกับเม็กซิโก เมื่อคำขอไม่ผ่าน ก็นำไปสู่การหยุดชะงัก หุ้นตกทั่วโลก ต้องดูว่าชะตากรรมของขุนคลังสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไรก่อนสิ้นปี และลามไปถึงปีหน้า

นั่นต้องดูว่าทรัมป์จะฝ่ามรสุมของตัวเองได้หรือไม่ด้วย เมื่อใครๆ ก็ตีจากแล้ว!