บอร์ด กทพ.ถกผู้แทน บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เสนอต่อสัมปทานทางด่วนขั้น 2 ที่กำลังหมดปี 63 อีก 37 ปี แลกยุติข้อพิพาททั้งหมด ยกหนี้กว่า 1.3 แสนล้าน “สุรงค์” ชี้เป็นทางออกที่ดีสุด เหตุเอกชนต้องลงทุนร่วม 4 หมื่นล้าน สร้างทางด่วนชั้น 2 แก้จราจรเพิ่ม เร่งชง “คมนาคม -สคร.-กก.ลงทุนกิจการรัฐฯ” เคาะให้ ครม.อนุมัติอีกที
วานนี้ (20 ธ.ค.) นายสุรงค์ บูลกุล ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยภายหลังประชุมบอร์ด กทพ.ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางดำเนินการของ กทพ. ต่อกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 21 ก.ย.61 ให้ กทพ. จ่ายเงินชดเชยแก่ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด หรือปัจจุบันคือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM พร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงินประมาณ 4.2 พันล้านบาท กรณีมีการสร้างทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ช่วงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ-รังสิต เป็นทางแข่งขัน และกรณีข้อพิพาท การปรับค่าผ่านทาง ซึ่งมีวงเงินรวม กันประมาณ 1.3 แสนล้านบาท
ทั้งนี้บอร์ด กทพ.ได้เชิญผู้แทน BEM เข้าร่วมหารือด้วย ซึ่ง การเจรจามีเงื่อนไขและแนวทางเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตร (ครม.) เมื่อวันที่2 ต.ค.61 ให้พิจารณาแนวทางการแก้ปัญหา ภาระหนี้ ให้กทพ.เจรจากับ เอกชน ซึ่ง กทพ.มีทางเลือกจำกัด ระหว่างการจ่ายเงินชำระหนี้เอกชน ซึ่งมีมูลค่าสูง และการขยายเวลาสัมปทาน โดยได้ข้อสรุปในการเจรจาได้ทางออกร่วมกันที่ดี คือการขยายอายุสัญญาสัมปทาน ทางด่วนขั้น 2 ออกไปอีก 37 ปี โดยสัญญาสัมปทานเดิมจะสิ้นสุด ในเดือนก.พ.2563
“โดยมีเงื่อนไขว่า BEM จะยุติข้อพิพาทและภาระหนี้ทั้งหมดเป็นศูนย์ ปรับสูตรการพิจารณาปรับค่าผ่านทางใหม่เป็น ปรับทุกๆ 10 ปี ในอัตรา 10 บาท ซึ่งเปลี่ยนจากเดิมที่คำนวณตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) และมีปัญหาพิพาทการปรับเศษ ขึ้นหรือลง ก่อสร้างทางเพิ่มเป็นทางด่วนชั้นที่ 2 จากอโศก-ประชาชื่น ระยะทาง 17 กม. วงเงินประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท เพื่อระบายรถและแก้ปัญหาจราจร โดยไม่มีการเก็บค่าผ่านทางเพิ่ม ซึ่งจะย่นเวลาการเดินทางในช่วงดังกล้าวจาก 1 ชม. เหลือ 20 นาที ก่อสร้างแลมป์ขึ้นลงเพิ่มเติมในจุดที่มีปัญหาจราจร ซึ่งคาดว่าเอกชนจะลงทุนรวมเกือบ 4 หมื่นล้านบาท” นายสุรงค์ ระบุ
นายสุรงค์ กล่าวต่อว่า โดยในสัญญาต่สัมปทาน 37 ปี จะแบ่งรายได้ให้กทพ.ที่สัดส่วน 60 ส่วนเอกชนได้ 40 ทั้งนี้ กทพ.จะสรุปแนวทางนำเสนอกระทรวงคมนาคมภายในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อเสนอตามขั้นตอนไปที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) เห็นชอบและเสนอครม.ต่อไป
“กทพ.มีทางเลือกไม่มาก ซึ่งแนวทางที่เจรจาเปนทางออกที่ดีที่สุด คือ กทพงได้ประโยชนืเหมือนเดิม, รัฐไม่เสียประโยชน์,เอกชนอยู่ได้และประชาชนได้ประโยชน์ “นายสุรงค์กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า แนวทางที่กทพ.จ่ายชดเชยตามคำสั่งศาลเอง เฉพาะเรื่องทางแข่งขัน 4.2 พันล้านบาท เป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ กทพ.ยังมีข้อพิพาทที่อนุญาโตตุลาการชี้ขาดแล้ว เรื่องการปรับค่าผ่านทาง ปี 2546 ซึ่งคดียังอยู่ที่ วงเงิน 4.6 พันล้านบาท ยังมี ล่าสุด ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 63/2556 หมายเลขแดงที่ 128/2561 ระหว่างบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้เรียกร้อง กทพ. ผู้คัดค้าน (การปรับอัตราค่าผ่านทางพิเศษปี 2551) ที่อนุญาโตตุลาการ มีคำสั่งชี้ขาด ให้ กทพ.ชดใช้ค่าเสียหายให้บริษัทฯวงเงิน กว่า 9.09 พันล้านบาท.