ผู้จัดการรายวัน 360 - “เตาเผาขยะ กทม.” ใช้เอกชนจดทะเบียนขายบุหรี่ รายได้สูงสุดปีละแค่ 30 บาท อิงราคากลางโครงการมูลค่ารวม 1.3 หมื่นล้านบ. ลากไส้ “บริษัท ฟอเวิรด์ฯ” เปลี่ยนชื่อเมื่อ ก.พ.61 ก่อนแก้ประเภทธุรกิจทำ “เตาเผาขยะ-ผลิตไฟฟ้า” เมื่อ 17 ต.ค. แต่โผล่ 1 ใน 3 เอกชนเทียบราคากลาง ในร่างทีโออาร์ของ กทม.ที่ประกาศให้หลังแค่ 1 เดือน เช็คทุกระบบไม่เคยเป็นคู่สัญญางานรัฐ ไร้ผลงานเตาเผามูลฝอย “ภาคีต้านโกง” กระทุ้งปม “ล๊อคสเปก” ชำแหละร่างทีโออาร์ปูทาง “เอกชนใหญ่” เจ้าเดียว-ไร้คู่แข่ง
จากกรณี กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยกองกำจัดมูลฝอย สำนักสิ่งแวดล้อม ได้ประกาศร่าง ขอบเขตงาน (ทีโออาร์) โครงการประกวดราคาจ้างเหมาเอกชนกำจัดมูลฝอยโดยระบบเตาเผามูลฝอย ขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตันต่อวัน ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม และอ่อนนุช ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงินงบประมาณโครงการละ 6,570 ล้านบาท รวม 2 โครงการ มูลค่า 13,140 ล้านบาท ผ่านเว็บไซต์ ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ www.gprocurement.go.th เพื่อรับฟังคำวิจารณ์ โดยกำหนดระยะเวลารับฟังคำวิจารณ์ ระหว่างวันที่ 13-16 พ.ย.61 ที่ผ่านมา ซึ่งมีข้อสังเกตความไม่ชอบมาพากลของร่างทีโออาร์ดังกล่าวในหลายประเด็น อาทิ ทั้งห้วงเวลาการเปิดรับฟังคำวิจารณ์เพียง 4 วันทั้งที่มูลค่ารวมของโครงการมากกว่าหมื่นล้านบาท, ราคากลางการกำจัดมูลฝอยที่กำหนดไว้ที่ 900 บาทต่อตัน สูงกว่าหน่วยราชการอื่นในต่างจังหวัดถึง 3 เท่าตัว รวมไปถึงกรณี 1 ใน 3 บริษัทที่ใช้อ้างอิงราคากลางไม่ปรากฎข้อมูลใดๆเกี่ยวกับการทำธุรกิจเตาเผามูลฝอย หรือการกำจัดขยะแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ได้ตรวจสอบร่างทีโออาร์อย่างละเอียด ก็พบว่า บริษัท ฟอร์เวิรด์ คอนสตรัคชั่น แอนด์ คอนซัลแทนท์ จำกัด ซึ่งเป็น 1 ในบริษัทเอกชน 3 ราย ที่ถูกระบุว่าเป็นแหล่งที่มาในการสืบราคากลาง อย่างไรก็ตามในร่างทีโออาร์กลับเขียนระบุว่าชื่อ บริษัท ฟอร์เวิร์ด คอนสตรัคชั่น แอนด์ คอนซัลแทนท์ จำกัด ที่เขียนแตกต่างกันตรงเครื่องหมายการันต์ คาดว่าจะเป็นความผิดพลาดในระหว่างการจัดทำร่างทีโออาร์ ที่มีการผ่านขั้นตอนอนุมัติหลายระดับ จนถึงผู้ว่าฯ กทม.ที่มอบหมายให้รองผู้ว่าฯ กทม.เป็นผู้ลงนามในร่างทีโออาร์แทน อย่างไรก็ตามหลังสืบค้นข้อมูลของบริษัท ฟอร์เวิรด์ฯ ในระบบอินเทอร์เนตกลับไม่พบรายละเอียดใดๆที่บ่งชี้ถึงความชำนาญในการดำเนินโครงการเตาเผาขยะมูลฝอย โดยในเวบไซต์ที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ก็ปรากฎเพียงข้อมูลติดต่อและภาพสำนักงานของบริษัทฯที่ตั้งอยู่ย่านยานนาวา กทม.เท่านั้น
ทั้งนี้เมื่อมีการสืบค้นข้อมูลในระบบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง พบว่า บริษัท ฟอร์เวิรด์ฯเพิ่งเปลี่ยนชื่อเมื่อวันที่ 1 ก.พ.61 จาก บริษัท ไทยหงหรุ่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อปี 2555 ด้วยทุนจดทะเบียน 6 ล้านบาท มีกรรมการเพียงรายเดียว คือ นายประวิทย์ กิจลาภอนันต์ เดิมระบุประเภทธุรกิจไว้ว่า การขายส่งผลิตภัณฑ์ยาสูบ และค้าส่ง-ปลีกบุหรี่ ก่อนจะมีการแก้ไขประเภทธุรกิจเมื่อวันที่ 17 ต.ค.61 ที่ผ่านมา ระบุว่า “ผลิต-จำหน่ายไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทน เช่น บริการกำจัดมูลฝอยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ด้วยเตาเผามูลฝอย” หรือเพียงไม่ถึง 1 เดือนก่อนที่ กทม.จะประกาศร่างทีโออาร์โครงการนี้ ที่มีชื่อบริษัท ฟอร์เวิรด์ฯ เป็นผู้สืบค้นราคากลางออกมา
อีกด้าน สำนักข่าวอิศราฯ ได้ตรวจสอบข้อมูลงบการเงินของบริษัท ไทยหงหรุ่นฯ หรือบริษัท ฟอเวิรด์ฯในปัจจุบัน ย้อนหลังตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2555 จนถึงปัจจุบัน พบว่า มีการแจ้งรายได้แค่ในปี 2555 ที่มีรายได้รวม 6.02 บาท รายจ่าย 139,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 138,993.98 บาท และปี 2556 แจ้งว่า ที่มีรายได้รวม 30.56 บาท รายจ่าย 55,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 54,969.44 บาท เท่านั้น จากนั้นตั้งแต่ปี 2557-2559 ได้แจ้งว่าไม่มีรายได้ และมีรายจ่ายปีละ 5,000 บาทเท่านั้น ขณะที่จากการตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐ ยังไม่พบข้อมูล บริษัท ไทยหงหรุ่นฯ หรือบริษัท ฟอเวิรด์ฯเป็นคู่สัญญารับจ้างงานจากหน่วยงานรัฐแห่งใดเลย โดยเฉพาะระบบเตาเผามูลฝอย
ส่งผลให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าสถานะทางธุรกิจของบริษัท ฟอร์เวิรด์ฯเหมาะสมเพียงพอที่จะนำมาเป็นเอกชนอ้างอิงราคากลางโครงการเกี่ยวกับการกำจดัขยะ ที่มีมูลค่างบประมาณกว่า 13,140 ล้านบาทหรือไม่
ทั้งนี้ นายชาตรี วัฒนเขจร รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. เคยออกมาชี้แจงว่าโครงการเตาเผามูลฝอยของ กทม.มีความโปร่งใส และดำเนินการตามแนวทางการประกาศรายละเอียดข้อมูลราคากลางและการคำนวณราคากลางเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ ซึ่งกรมบัญชีกลางได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 63 พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 อย่างเคร่งครัด ทั้งการประกาศรับฟังคำวิจารณ์ร่างทีโออาร์เพียง 4 วันทำการตรามเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดในกฎหมาย ตลอดจนชี้แจงข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานะของบริษัท ฟอร์เวิรด์ฯไว้เพียงว่า ได้ตรวจสอบสภาพความเป็นนิติบุคคลของบริษัท ฟอร์เวิรด์ฯ จากหลักฐานรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของกรมพัฒนาธุรกิจแล้ว จึงได้นำราคาที่ได้จากการสืบ มากำหนดเป็นราคากลางร่างประกาศประกวดราคาดังกล่าว
เป็นที่น่าสังเกตว่าการชี้แจงของนายชาตรี มักจะระบุว่าได้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด แต่ไม่มีการชี้แจงในประเด็นเรื่องความเหมาะสมแต่อย่างใด รายงานข่าวแจ้งว่า นายชาตรี ไม่ได้ร่วมเป็นกรรมการจัดทำราคากลางและร่างทีโออาร์แต่อย่างใด โดยในท้ายร่างทีโออาร์ระบุชื่อผู้เกี่ยวข้อง 10 ราย ประกอบด้วย คณะกรรมการกำหนดราคากลาง 5 ราย ได้แก่ ว่าที่ ร.ต.ไพรัตน์ พจน์ด้วง, นายจตุพล คงอินทร์,นายสยามราช หอมหวล, นายไกรวุฒิ สุวรรณมณี และนายเศกสรรค์ สังขะระ ขณะที่คณะกรรมการจัดทำร่างขอบเขตของงาน (ทีโออาร์) ได้แก่ นายไตรรัตน์ จินดากรกฎ, นายภาคภูมิ เสือคำ, น.ส.นุชจรีย์ อรุณกมล, นายพงศ์ปรีชา สีหะรัตน์ และนายบุญฤทธิ์ สูตรดำริห์วงศ์ ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงาน หรือหัวหน้าศูนย์ ระดับซี 8 ลงไป
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมาตัวแทน ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.) ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.เพื่อขอให้ระงับตรวจสอบและพร้อมแก้ไขร่างทีโออาร์โครงการจ้างเหมาเอกชนกำจัดมูลฝอยโดยระบบเตาเผามูลฝอยดังกล่าวโดยระบุว่า อาจจะล็อกสเปกให้กับผู้รับจ้างรายหนึ่งรายใด ซึ่งอาจจะผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) เนื่องจากในร่างทีโออาร์ที่กำหนดการดำเนินการตามสัญญาสัมปทานในรูปแบบ BOT (Build Operate Transfer), BOOT (Build-Own-Operate Transfer) หรือ BOO (Build-Own-Operate) ส่งผลให้มีบริษัทผ่านมาตรฐานนี้ 3 แห่งเท่านั้น ได้แก่ 1. บริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด 2.บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) 3.บริษัท ยูนนาน วอเตอร์ อินเวสเม้นต์ จำกัด แต่หากรวมเกณฑ์มาตรฐานการจัดการด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ISO 9001 และ ISO 14001 โรงงานเตาเผามูลฝอยชุมชนเพื่อผลิตพลังงาน จะมีบริษัทผ่านมาตรฐานนี้แห่งเดียว คือ บริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งก็จะเป็นการกีดกันบริษัทกำจัดขยะมูลฝอยทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายใหม่ ที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ และล้ำสมัย ราคาถูก ซึ่งทำให้ไม่เกิดการแข่งขันราคาอย่างธรรม.
จากกรณี กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยกองกำจัดมูลฝอย สำนักสิ่งแวดล้อม ได้ประกาศร่าง ขอบเขตงาน (ทีโออาร์) โครงการประกวดราคาจ้างเหมาเอกชนกำจัดมูลฝอยโดยระบบเตาเผามูลฝอย ขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตันต่อวัน ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม และอ่อนนุช ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงินงบประมาณโครงการละ 6,570 ล้านบาท รวม 2 โครงการ มูลค่า 13,140 ล้านบาท ผ่านเว็บไซต์ ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ www.gprocurement.go.th เพื่อรับฟังคำวิจารณ์ โดยกำหนดระยะเวลารับฟังคำวิจารณ์ ระหว่างวันที่ 13-16 พ.ย.61 ที่ผ่านมา ซึ่งมีข้อสังเกตความไม่ชอบมาพากลของร่างทีโออาร์ดังกล่าวในหลายประเด็น อาทิ ทั้งห้วงเวลาการเปิดรับฟังคำวิจารณ์เพียง 4 วันทั้งที่มูลค่ารวมของโครงการมากกว่าหมื่นล้านบาท, ราคากลางการกำจัดมูลฝอยที่กำหนดไว้ที่ 900 บาทต่อตัน สูงกว่าหน่วยราชการอื่นในต่างจังหวัดถึง 3 เท่าตัว รวมไปถึงกรณี 1 ใน 3 บริษัทที่ใช้อ้างอิงราคากลางไม่ปรากฎข้อมูลใดๆเกี่ยวกับการทำธุรกิจเตาเผามูลฝอย หรือการกำจัดขยะแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ได้ตรวจสอบร่างทีโออาร์อย่างละเอียด ก็พบว่า บริษัท ฟอร์เวิรด์ คอนสตรัคชั่น แอนด์ คอนซัลแทนท์ จำกัด ซึ่งเป็น 1 ในบริษัทเอกชน 3 ราย ที่ถูกระบุว่าเป็นแหล่งที่มาในการสืบราคากลาง อย่างไรก็ตามในร่างทีโออาร์กลับเขียนระบุว่าชื่อ บริษัท ฟอร์เวิร์ด คอนสตรัคชั่น แอนด์ คอนซัลแทนท์ จำกัด ที่เขียนแตกต่างกันตรงเครื่องหมายการันต์ คาดว่าจะเป็นความผิดพลาดในระหว่างการจัดทำร่างทีโออาร์ ที่มีการผ่านขั้นตอนอนุมัติหลายระดับ จนถึงผู้ว่าฯ กทม.ที่มอบหมายให้รองผู้ว่าฯ กทม.เป็นผู้ลงนามในร่างทีโออาร์แทน อย่างไรก็ตามหลังสืบค้นข้อมูลของบริษัท ฟอร์เวิรด์ฯ ในระบบอินเทอร์เนตกลับไม่พบรายละเอียดใดๆที่บ่งชี้ถึงความชำนาญในการดำเนินโครงการเตาเผาขยะมูลฝอย โดยในเวบไซต์ที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ก็ปรากฎเพียงข้อมูลติดต่อและภาพสำนักงานของบริษัทฯที่ตั้งอยู่ย่านยานนาวา กทม.เท่านั้น
ทั้งนี้เมื่อมีการสืบค้นข้อมูลในระบบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง พบว่า บริษัท ฟอร์เวิรด์ฯเพิ่งเปลี่ยนชื่อเมื่อวันที่ 1 ก.พ.61 จาก บริษัท ไทยหงหรุ่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อปี 2555 ด้วยทุนจดทะเบียน 6 ล้านบาท มีกรรมการเพียงรายเดียว คือ นายประวิทย์ กิจลาภอนันต์ เดิมระบุประเภทธุรกิจไว้ว่า การขายส่งผลิตภัณฑ์ยาสูบ และค้าส่ง-ปลีกบุหรี่ ก่อนจะมีการแก้ไขประเภทธุรกิจเมื่อวันที่ 17 ต.ค.61 ที่ผ่านมา ระบุว่า “ผลิต-จำหน่ายไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทน เช่น บริการกำจัดมูลฝอยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ด้วยเตาเผามูลฝอย” หรือเพียงไม่ถึง 1 เดือนก่อนที่ กทม.จะประกาศร่างทีโออาร์โครงการนี้ ที่มีชื่อบริษัท ฟอร์เวิรด์ฯ เป็นผู้สืบค้นราคากลางออกมา
อีกด้าน สำนักข่าวอิศราฯ ได้ตรวจสอบข้อมูลงบการเงินของบริษัท ไทยหงหรุ่นฯ หรือบริษัท ฟอเวิรด์ฯในปัจจุบัน ย้อนหลังตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2555 จนถึงปัจจุบัน พบว่า มีการแจ้งรายได้แค่ในปี 2555 ที่มีรายได้รวม 6.02 บาท รายจ่าย 139,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 138,993.98 บาท และปี 2556 แจ้งว่า ที่มีรายได้รวม 30.56 บาท รายจ่าย 55,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 54,969.44 บาท เท่านั้น จากนั้นตั้งแต่ปี 2557-2559 ได้แจ้งว่าไม่มีรายได้ และมีรายจ่ายปีละ 5,000 บาทเท่านั้น ขณะที่จากการตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐ ยังไม่พบข้อมูล บริษัท ไทยหงหรุ่นฯ หรือบริษัท ฟอเวิรด์ฯเป็นคู่สัญญารับจ้างงานจากหน่วยงานรัฐแห่งใดเลย โดยเฉพาะระบบเตาเผามูลฝอย
ส่งผลให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าสถานะทางธุรกิจของบริษัท ฟอร์เวิรด์ฯเหมาะสมเพียงพอที่จะนำมาเป็นเอกชนอ้างอิงราคากลางโครงการเกี่ยวกับการกำจดัขยะ ที่มีมูลค่างบประมาณกว่า 13,140 ล้านบาทหรือไม่
ทั้งนี้ นายชาตรี วัฒนเขจร รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. เคยออกมาชี้แจงว่าโครงการเตาเผามูลฝอยของ กทม.มีความโปร่งใส และดำเนินการตามแนวทางการประกาศรายละเอียดข้อมูลราคากลางและการคำนวณราคากลางเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ ซึ่งกรมบัญชีกลางได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 63 พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 อย่างเคร่งครัด ทั้งการประกาศรับฟังคำวิจารณ์ร่างทีโออาร์เพียง 4 วันทำการตรามเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดในกฎหมาย ตลอดจนชี้แจงข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานะของบริษัท ฟอร์เวิรด์ฯไว้เพียงว่า ได้ตรวจสอบสภาพความเป็นนิติบุคคลของบริษัท ฟอร์เวิรด์ฯ จากหลักฐานรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของกรมพัฒนาธุรกิจแล้ว จึงได้นำราคาที่ได้จากการสืบ มากำหนดเป็นราคากลางร่างประกาศประกวดราคาดังกล่าว
เป็นที่น่าสังเกตว่าการชี้แจงของนายชาตรี มักจะระบุว่าได้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด แต่ไม่มีการชี้แจงในประเด็นเรื่องความเหมาะสมแต่อย่างใด รายงานข่าวแจ้งว่า นายชาตรี ไม่ได้ร่วมเป็นกรรมการจัดทำราคากลางและร่างทีโออาร์แต่อย่างใด โดยในท้ายร่างทีโออาร์ระบุชื่อผู้เกี่ยวข้อง 10 ราย ประกอบด้วย คณะกรรมการกำหนดราคากลาง 5 ราย ได้แก่ ว่าที่ ร.ต.ไพรัตน์ พจน์ด้วง, นายจตุพล คงอินทร์,นายสยามราช หอมหวล, นายไกรวุฒิ สุวรรณมณี และนายเศกสรรค์ สังขะระ ขณะที่คณะกรรมการจัดทำร่างขอบเขตของงาน (ทีโออาร์) ได้แก่ นายไตรรัตน์ จินดากรกฎ, นายภาคภูมิ เสือคำ, น.ส.นุชจรีย์ อรุณกมล, นายพงศ์ปรีชา สีหะรัตน์ และนายบุญฤทธิ์ สูตรดำริห์วงศ์ ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงาน หรือหัวหน้าศูนย์ ระดับซี 8 ลงไป
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมาตัวแทน ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.) ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.เพื่อขอให้ระงับตรวจสอบและพร้อมแก้ไขร่างทีโออาร์โครงการจ้างเหมาเอกชนกำจัดมูลฝอยโดยระบบเตาเผามูลฝอยดังกล่าวโดยระบุว่า อาจจะล็อกสเปกให้กับผู้รับจ้างรายหนึ่งรายใด ซึ่งอาจจะผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) เนื่องจากในร่างทีโออาร์ที่กำหนดการดำเนินการตามสัญญาสัมปทานในรูปแบบ BOT (Build Operate Transfer), BOOT (Build-Own-Operate Transfer) หรือ BOO (Build-Own-Operate) ส่งผลให้มีบริษัทผ่านมาตรฐานนี้ 3 แห่งเท่านั้น ได้แก่ 1. บริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด 2.บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) 3.บริษัท ยูนนาน วอเตอร์ อินเวสเม้นต์ จำกัด แต่หากรวมเกณฑ์มาตรฐานการจัดการด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ISO 9001 และ ISO 14001 โรงงานเตาเผามูลฝอยชุมชนเพื่อผลิตพลังงาน จะมีบริษัทผ่านมาตรฐานนี้แห่งเดียว คือ บริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งก็จะเป็นการกีดกันบริษัทกำจัดขยะมูลฝอยทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายใหม่ ที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ และล้ำสมัย ราคาถูก ซึ่งทำให้ไม่เกิดการแข่งขันราคาอย่างธรรม.
