อาจเป็นครั้งแรกก็ได้ที่เชื่อว่า ฝ่ายทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องพบศึกหนัก และถึงคราวถดถอยลงไปอย่างแท้จริง หลังจากการเกิดขึ้นของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่เมื่อปี 2557 เป็นต้นมา นอกเหนือจากเรื่องคดีที่ ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวถูกรื้อฟื้น และเดินหน้านำคดีเข้าสู่การพิจารณาในศาลได้สำเร็จ หลังจากก่อนหน้านี้ถูกแช่แข็งเอาไว้นานหลายปี จากหลายสาเหตุ ทั้งในเรื่องการใช้อำนาจรัฐผ่านทางรัฐบาล "นอมินี" หรือจากแง่มุมของกฎหมายที่ต้อง "ถูกจำหน่าย" ออกไปชั่วคราวหากจำเลยหลบหนี หรือไม่มาปรากฏตัวต่อศาล ทำให้หลายคดีทุจริตชงักเอาไว้หลายปี
ในยุคของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการออกกฎหมายมาหลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่สามารถพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ ทำให้หลายคดีได้กลับมาเดินหน้าต่อเนื่อง กฎหมายในเรื่องของการไม่กำหนดอายุความสำหรับคดีทุจริต กฎหมายการจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริต และล่าสุด สดๆร้อนๆ คือการผ่านกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่มีสาระสำคัญคือ ต่อไปนี้จะห้ามไม่ให้คนที่หลบหนีคำพิพากษา ส่งทนายความมาฟ้องร้องคนอื่นได้อีก หากไม่มาปรากฏตัวด้วยตัวเอง
แน่นอนว่า ย่อมต้องมีผลบังคับใช้กับทุกคนในประเทศนี้ แต่ขณะเดียวกันคนที่ "โดนหนัก" หรือได้รับผลกระทบกว่าใคร ก็ย่อมต้องเป็น ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวของเขา ที่กำลังถูกดำเนินคดีใน "ข้อหาทุจริต" เพียงแค่นี้ถือว่ากระอักแล้ว
**ที่ผ่านมาสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ยังมีจุดแข็ง หรือมีทีเด็ดติดตัวเอาไว้มาช้านาน ตั้งแต่ยุคที่เขามีอำนาจเป็นรัฐบาล นั่นคือ นโยบาย"ประชานิยม" ที่สร้างความหลงไหลให้กับชาวบ้านคนจนทั่วประเทศ เอาแค่ว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตามในโลกใบนี้ ก็สามารถชี้นำสั่งการบรรดา "ลูกน้อง"ได้ทุกเรื่อง ที่สำคัญไม่ว่าจะเลือกตั้งกี่ครั้ง หรือมีการทุจริตเลือกตั้ง แล้วถูกสั่งยุบพรรคไปกี่ครั้ง ก็อ้างว่าถูกรังแก ถูกกลั่นแกล้ง ชาวบ้านก็เชื่อ แล้วชนะเลือกตั้งได้กลับมามีอำนาจรัฐในแบบ "รัฐบาลหุ่นเชิด" ได้ตลอด นั่นก็เป็นเพราะอานิสงส์ ของนโยบายประชานิยม
แต่คราวนี้ สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ นั่นเป็นเพราะรัฐบาล "บิ๊กตู่" ได้ออกโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ เรียกกันแบบง่ายๆ ก็คือ "บัตรคนจน" ที่มีการเปิดให้มีการลงทะเบียน ทำให้ชาวบ้านที่ถือบัตรดังกล่าวได้ประโยชน์จากสวัสดิการของรัฐมากมาย เป็นรายเดือน ทั้งเรื่องการซื้อสินค้าจำเป็นต่อการยังชีพ ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ สารพัด ล่าสุดมีการเพิ่มเติมในเรื่องการกดเงินสดได้อีกคนละ 500 บาท ในแบบเป็น "ของขวัญ" ในช่วงปีใหม่
จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่มีชาวบ้านทั่วประเทศไปเข้าแถวรอกันตั้งแต่เช้ามืด เพื่อกดเงินสดมาใช้จ่าย ซึ่งแน่นอนว่า หากไปถามพวกนักการเมืองก็คงต้องหงุดหงิด และต้องโจมตีรัฐบาลในทำนองว่า ทำลายระบบการคลัง สร้างหนี้ หรือแล้วแต่จะหาวิธีการมาโจมตี แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่า หากเป็นรัฐบาลแล้วจะยกเลิก
**ขณะเดียวกัน เมื่อหันมาพิจารณาในมุมของชาวบ้านบ้าง ร้อยทั้งร้อย ถือว่ามีความพอใจ มีแต่คำชมรัฐบาล"บิ๊กตู่"ไม่ขาดปาก และยังกลัวว่า "จะมีการยกเลิกในอนาคต" ซึ่งความรู้สึกกลัวในลักษณะนี้แหละ ที่จะสร้างผลดีให้เกิดกับบางพรรคที่ให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง เพื่อที่จะเดินหน้าในโครงการความช่วยเพิ่มเติมจากบัตรดังกล่าว
และด้วยจำนวนผู้มีรายได้น้อยที่มีการขึ้นทะเบียน ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเวลานี้มีประมาณ 14.5 ล้านคน ถือว่ามีจำนวนไม่น้อย และกระจายอยู่ทั่วประเทศ ที่สร้างความพอใจให้กับชาวบ้าน และไม่ต้องการให้เลิก และมีทางเดียวที่จะสร้างหลักประกันให้มีบัตรนี้ต่อไปก็คือ ต้องเลือกพรรคไหนก็คงน่าจะพอเดากันออก
ถึงได้บอกว่า งานนี้ไม่ธรรมดา หากจะบอกว่า "แม้ว" ทักษิณ ชินวัตร ได้ดีมาเพราะ "ประชานิยม" แต่เวลานี้กำลังถูก "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" เบียดจนใกล้ตกขอบ หากบอกว่า ชื่นชอบโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค แต่นั่นหมายความว่า ต้องป่วยก่อนถึงจะได้รับสิทธิ์ แต่บัตรคนจนไม่ต้องป่วยก็รอรับอยู่ที่บ้านทุกเดือน หรือป่วยก็มีค่ารถให้ มีค่าน้ำ ค่าไฟ โอนเข้าบัญชีทุกเดือน และเชื่อว่าผู้ถือบัตรดังกล่าวนี่แหละ จะให้การปกป้อง"บิ๊กตู่" เพราะเกรงว่าหากไม่ใช่เขากลับมา บัตรจะถูกยกเลิกอะไรประมาณนี้
**ดังนั้นไม่ว่าเสียงภายนอกจะโจมตีกันสารพัด แต่สำหรับโครงการบัตรคนจน ถือว่าเป็น "ทีเด็ด" ของจริง เพราะเวลานี้ อย่างน้อยในจำนวน 14.5 ล้านคน น่าจะหลายล้าน ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง และต้องไปเลือกพรรคที่หนุน "บิ๊กตู่" ให้กลับมาอีกครั้งแน่นอน และก็กำลังจะกลบประชานิยมของ ทักษิณ ชินวัตร ลงไปเรื่อยๆ !!
ในยุคของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการออกกฎหมายมาหลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่สามารถพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ ทำให้หลายคดีได้กลับมาเดินหน้าต่อเนื่อง กฎหมายในเรื่องของการไม่กำหนดอายุความสำหรับคดีทุจริต กฎหมายการจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริต และล่าสุด สดๆร้อนๆ คือการผ่านกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่มีสาระสำคัญคือ ต่อไปนี้จะห้ามไม่ให้คนที่หลบหนีคำพิพากษา ส่งทนายความมาฟ้องร้องคนอื่นได้อีก หากไม่มาปรากฏตัวด้วยตัวเอง
แน่นอนว่า ย่อมต้องมีผลบังคับใช้กับทุกคนในประเทศนี้ แต่ขณะเดียวกันคนที่ "โดนหนัก" หรือได้รับผลกระทบกว่าใคร ก็ย่อมต้องเป็น ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวของเขา ที่กำลังถูกดำเนินคดีใน "ข้อหาทุจริต" เพียงแค่นี้ถือว่ากระอักแล้ว
**ที่ผ่านมาสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ยังมีจุดแข็ง หรือมีทีเด็ดติดตัวเอาไว้มาช้านาน ตั้งแต่ยุคที่เขามีอำนาจเป็นรัฐบาล นั่นคือ นโยบาย"ประชานิยม" ที่สร้างความหลงไหลให้กับชาวบ้านคนจนทั่วประเทศ เอาแค่ว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตามในโลกใบนี้ ก็สามารถชี้นำสั่งการบรรดา "ลูกน้อง"ได้ทุกเรื่อง ที่สำคัญไม่ว่าจะเลือกตั้งกี่ครั้ง หรือมีการทุจริตเลือกตั้ง แล้วถูกสั่งยุบพรรคไปกี่ครั้ง ก็อ้างว่าถูกรังแก ถูกกลั่นแกล้ง ชาวบ้านก็เชื่อ แล้วชนะเลือกตั้งได้กลับมามีอำนาจรัฐในแบบ "รัฐบาลหุ่นเชิด" ได้ตลอด นั่นก็เป็นเพราะอานิสงส์ ของนโยบายประชานิยม
แต่คราวนี้ สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ นั่นเป็นเพราะรัฐบาล "บิ๊กตู่" ได้ออกโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ เรียกกันแบบง่ายๆ ก็คือ "บัตรคนจน" ที่มีการเปิดให้มีการลงทะเบียน ทำให้ชาวบ้านที่ถือบัตรดังกล่าวได้ประโยชน์จากสวัสดิการของรัฐมากมาย เป็นรายเดือน ทั้งเรื่องการซื้อสินค้าจำเป็นต่อการยังชีพ ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ สารพัด ล่าสุดมีการเพิ่มเติมในเรื่องการกดเงินสดได้อีกคนละ 500 บาท ในแบบเป็น "ของขวัญ" ในช่วงปีใหม่
จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่มีชาวบ้านทั่วประเทศไปเข้าแถวรอกันตั้งแต่เช้ามืด เพื่อกดเงินสดมาใช้จ่าย ซึ่งแน่นอนว่า หากไปถามพวกนักการเมืองก็คงต้องหงุดหงิด และต้องโจมตีรัฐบาลในทำนองว่า ทำลายระบบการคลัง สร้างหนี้ หรือแล้วแต่จะหาวิธีการมาโจมตี แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่า หากเป็นรัฐบาลแล้วจะยกเลิก
**ขณะเดียวกัน เมื่อหันมาพิจารณาในมุมของชาวบ้านบ้าง ร้อยทั้งร้อย ถือว่ามีความพอใจ มีแต่คำชมรัฐบาล"บิ๊กตู่"ไม่ขาดปาก และยังกลัวว่า "จะมีการยกเลิกในอนาคต" ซึ่งความรู้สึกกลัวในลักษณะนี้แหละ ที่จะสร้างผลดีให้เกิดกับบางพรรคที่ให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง เพื่อที่จะเดินหน้าในโครงการความช่วยเพิ่มเติมจากบัตรดังกล่าว
และด้วยจำนวนผู้มีรายได้น้อยที่มีการขึ้นทะเบียน ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเวลานี้มีประมาณ 14.5 ล้านคน ถือว่ามีจำนวนไม่น้อย และกระจายอยู่ทั่วประเทศ ที่สร้างความพอใจให้กับชาวบ้าน และไม่ต้องการให้เลิก และมีทางเดียวที่จะสร้างหลักประกันให้มีบัตรนี้ต่อไปก็คือ ต้องเลือกพรรคไหนก็คงน่าจะพอเดากันออก
ถึงได้บอกว่า งานนี้ไม่ธรรมดา หากจะบอกว่า "แม้ว" ทักษิณ ชินวัตร ได้ดีมาเพราะ "ประชานิยม" แต่เวลานี้กำลังถูก "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" เบียดจนใกล้ตกขอบ หากบอกว่า ชื่นชอบโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค แต่นั่นหมายความว่า ต้องป่วยก่อนถึงจะได้รับสิทธิ์ แต่บัตรคนจนไม่ต้องป่วยก็รอรับอยู่ที่บ้านทุกเดือน หรือป่วยก็มีค่ารถให้ มีค่าน้ำ ค่าไฟ โอนเข้าบัญชีทุกเดือน และเชื่อว่าผู้ถือบัตรดังกล่าวนี่แหละ จะให้การปกป้อง"บิ๊กตู่" เพราะเกรงว่าหากไม่ใช่เขากลับมา บัตรจะถูกยกเลิกอะไรประมาณนี้
**ดังนั้นไม่ว่าเสียงภายนอกจะโจมตีกันสารพัด แต่สำหรับโครงการบัตรคนจน ถือว่าเป็น "ทีเด็ด" ของจริง เพราะเวลานี้ อย่างน้อยในจำนวน 14.5 ล้านคน น่าจะหลายล้าน ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง และต้องไปเลือกพรรคที่หนุน "บิ๊กตู่" ให้กลับมาอีกครั้งแน่นอน และก็กำลังจะกลบประชานิยมของ ทักษิณ ชินวัตร ลงไปเรื่อยๆ !!