ผู้จัดการรายวัน360-สนช.ผ่านร่างกฎหมายเก็บภาษีคนขายของออนไลน์ กำหนดฝากหรือรับโอนเงินรวมกันปีละ 3,000 ครั้งขึ้นไป หรือการฝากหรือรับโอนรวมกันปีละ 400 ครั้ง ยอดเงิน 2 ล้านบาทขึ้นไป สถาบันการเงินต้องแจ้งให้กรมสรรพากรตรวจสอบ เพื่อนำไปสู่การเสียภาษีอย่างถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วานนี้ (4 ธ.ค.) ได้มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่. ... ) พ.ศ. ... เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นว่าด้วยการชำระเงินภาษีผ่านทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ และการแจ้งรายละเอียดของบุคคล และนิติบุคคล ที่มีความเคลื่อนไหวทางบัญชีรับโอน และฝากเงินเกิน 3,000 ครั้งต่อปี หรือการฝากหรือรับโอนเงิน 200 ครั้ง รวมมูลค่า 2 ล้านบาทขึ้นไปต่อปี เพื่อให้กรมสรรพากรตรวจสอบ และนำไปสู่การเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในวาระ 2 และวาระ 3
โดยสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือ สถาบันการเงินของเอกชนและของรัฐ ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ต้องส่งรายละเอียดให้กรมสรรพากร เพื่อใช้ประมวลร่วมกับข้อมูลอื่นๆ เพื่อคัดเลือกรายบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีที่ไม่ถูกต้อง โดยมีเงื่อนไข ดังนี้ คือ ฝากเงินหรือรับโอนรวมกันปีละ 3,000 ครั้ง หรือคิดแบบเฉลี่ย จะตกวันวันละประมาณกว่า 8 ครั้ง และฝากเงินหรือรับโอนรวมกันปีละ 200 ครั้ง ยอดเงิน 2 ล้านบาทขึ้นไป
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ในฐานะประธาน กมธ. กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ ไม่ใช่การบังคับจนเกินไป แต่เพื่อทำให้การเก็บภาษีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้เงินสดของประชาชน แต่จะส่งผลดี คือ ช่วยตรวจสอบและป้องปรามกลุ่มธุรกิจสีเทาได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในการประชุม ได้มีการแสดงความคิดเห็นคัดค้าน และขอให้แก้ไขในบางประเด็น โดยนายวรพล โสคติยานุรักษ์ สนช. ระบุว่า ไม่เห็นด้วย โดยขอให้ทบทวนความถี่เรื่องการฝากหรือโอนเงินที่มากกว่า 200 รายการต่อปี รวม 2 ล้านบาท ขณะที่ นายตวง อันทะไชย สนช. คัดค้านเช่นเดียวกัน ส่วนนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ สนช. ในฐานะกมธ. ชี้แจงและยืนยันถึงสาระสำคัญของเนื้อหาว่าเป็นการเพิ่มช่องทางชำระภาษีผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีการถกเถียงกัน ได้มีการพักประชุม และให้ สนช. และ กมธ. ได้หารือกับนอกรอบ และในที่สุด กมธ. ได้ยอมแก้ไข มาตรา 3 วรรคสอง (2) ว่าด้วยการรายงานข้อมูลการฝาก หรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 200 ครั้ง เป็น 400 ครั้ง ขณะที่ยอดรวมของธุรกรรมดังกล่าวยังคงเดิม คือ ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป จากนั้น ได้มีการลงมติในวาระ 3 โดยเห็นชอบ 139 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วานนี้ (4 ธ.ค.) ได้มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่. ... ) พ.ศ. ... เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นว่าด้วยการชำระเงินภาษีผ่านทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ และการแจ้งรายละเอียดของบุคคล และนิติบุคคล ที่มีความเคลื่อนไหวทางบัญชีรับโอน และฝากเงินเกิน 3,000 ครั้งต่อปี หรือการฝากหรือรับโอนเงิน 200 ครั้ง รวมมูลค่า 2 ล้านบาทขึ้นไปต่อปี เพื่อให้กรมสรรพากรตรวจสอบ และนำไปสู่การเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในวาระ 2 และวาระ 3
โดยสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือ สถาบันการเงินของเอกชนและของรัฐ ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ต้องส่งรายละเอียดให้กรมสรรพากร เพื่อใช้ประมวลร่วมกับข้อมูลอื่นๆ เพื่อคัดเลือกรายบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีที่ไม่ถูกต้อง โดยมีเงื่อนไข ดังนี้ คือ ฝากเงินหรือรับโอนรวมกันปีละ 3,000 ครั้ง หรือคิดแบบเฉลี่ย จะตกวันวันละประมาณกว่า 8 ครั้ง และฝากเงินหรือรับโอนรวมกันปีละ 200 ครั้ง ยอดเงิน 2 ล้านบาทขึ้นไป
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ในฐานะประธาน กมธ. กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ ไม่ใช่การบังคับจนเกินไป แต่เพื่อทำให้การเก็บภาษีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้เงินสดของประชาชน แต่จะส่งผลดี คือ ช่วยตรวจสอบและป้องปรามกลุ่มธุรกิจสีเทาได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในการประชุม ได้มีการแสดงความคิดเห็นคัดค้าน และขอให้แก้ไขในบางประเด็น โดยนายวรพล โสคติยานุรักษ์ สนช. ระบุว่า ไม่เห็นด้วย โดยขอให้ทบทวนความถี่เรื่องการฝากหรือโอนเงินที่มากกว่า 200 รายการต่อปี รวม 2 ล้านบาท ขณะที่ นายตวง อันทะไชย สนช. คัดค้านเช่นเดียวกัน ส่วนนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ สนช. ในฐานะกมธ. ชี้แจงและยืนยันถึงสาระสำคัญของเนื้อหาว่าเป็นการเพิ่มช่องทางชำระภาษีผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีการถกเถียงกัน ได้มีการพักประชุม และให้ สนช. และ กมธ. ได้หารือกับนอกรอบ และในที่สุด กมธ. ได้ยอมแก้ไข มาตรา 3 วรรคสอง (2) ว่าด้วยการรายงานข้อมูลการฝาก หรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 200 ครั้ง เป็น 400 ครั้ง ขณะที่ยอดรวมของธุรกรรมดังกล่าวยังคงเดิม คือ ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป จากนั้น ได้มีการลงมติในวาระ 3 โดยเห็นชอบ 139 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง