"บิ๊กตู่" ดักคอนักการเมืองอย่าแค่ขายฝัน ให้ประชาชนผิดหวังอีก ต้องแจงวิธีทำตามนโยบายด้วย บ่น 4 ปีเหนื่อย แต่ต้องทำตามหน้าที่ ยันไม่หวังหาเสียงกับบัตรคนจน เหน็บคนจ้องล้มโครงการรัฐบาลทำเพื่ออะไร เร่งรัดจัดสรรที่ดินทำกิน พัฒนาอาชีพ สร้างรายได้แก่ผู้ยากไร้ ขณะที่ ก.คลัง ชงครม.แจกซิมคนจน ใช้เน็ตฟรี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เตรียมเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการรอบใหม่ หลังเลือกตั้ง "สนธิรัตน์" เลขาฯพปชร. นำทีมขุนพลภาค อีสาน "สุริยะ-อนุชา" บุกขอนแก่น ติวเข้มนโยบาย "พลังประชารัฐ" ให้ว่าที่ผู้สมัครส.ส. มั่นใจกวาดผู้แทนอีสานได้ตามเป้า "สุวิทย์" ยันชู "บิ๊กตู่" เป็น 1 ใน 3 บัญชีนายกฯ
เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (2 ธ.ค.) ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ เรื่อง "การปฏิรูปประเทศสู่ไทยมั่งคั่ง ไทยมั่นคง ไทยยั่งยืน" ตอนหนึ่งว่า หอการค้า เป็นกลไกในเรื่องของการค้า มีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งต่างประเทศชื่นชมใน 3 สิ่งของไทย คือ การท่องเที่ยวธรรมชาติสวยงาม อาหารอร่อย และ รอยยิ้มของคนไทย เราจึงต้องเตรียมพร้อมด้านเทคโนโลยีที่จะเข้ามา อย่ามองแต่ว่าจะต้องได้อะไร ต้องมีกำไร และที่สำคัญเวลานี้ไทยมีปัญหาแรงงานภาคเกษตร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของประเทศ ที่ต้องช่วยพัฒนาให้ดีขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีคนวิจารณ์เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งขอยืนยันว่า ไม่ใช่การหาเสียง เพราะเวลานี้มีคนที่รายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี 14.7 ล้านคน หากจะให้ช่วยทั้งหมด 60 ล้านคน ก็ไม่ไหว เรื่องบัตรประชารัฐ ไม่ใช่เอาภาษีไปช่วยคนจนทั้งหมด อย่างที่วิจารณ์กัน เพราะภาษีมาจากหลายทาง ที่ออกมาบอกว่าจะล้มนั่น ล้มนี่ 4 ปีที่ทำมาไม่ได้ง่ายนะ และขออย่ามองว่า รัฐบาลนี้ช่วยแต่คนรวย ไม่ช่วยคนจน
ที่ผ่านมา รัฐบาลแก้ปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ตามที่มีการร้องเรียนเข้ามา ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมายอมรับว่า ปัญหาเยอะและเหนื่อย มีรัฐมนตรี ถามว่า เป็น ผบ.ทบ. มาเป็นนายกฯ เป็นอย่างไร ตนก็ตอบว่า ก็เหนื่อยสิ เป็นมา13 ปี แต่มีกำลังใจอยู่ ถ้านึกถึงประเทศเหมือนตอนเป็น ผบ.ทบ. เสี่ยงแค่ไหนก็ต้องทำ เพราะเป็นหน้าที่ ถ้าไม่มีหน้าที่ตนก็ไม่ทำ และตนไม่ได้ปฏิเสธการเลือกตั้ง ไม่ปฏิเสธประชาธิปไตย ตลอดเวลา ทำงานเพื่อหยุดความขัดแย้ง พร้อมกับเดินหน้าตามโรดแมป ดังนั้น นักการเมืองที่จะเข้ามาต้องมองไปข้างหน้า อย่าใช้เรื่องความรวยมหาศาล หรือจนมหาศาล มาหากินทางการเมือง คนที่หาเสียงแล้วบอกว่า จะแก้ปัญหาอย่างโน้น อย่างนี้ ต้องให้นักการเมือง และพรรคการเมืองอธิบายด้วยว่า ปลดล็อกแล้วเขาจะทำอะไรให้ประเทศไทย ถ้าไม่มีวิธีการ ก็อย่าไปเชื่อ ต้องให้บอกด้วยว่าจะแก้ไขปัญหาทุจริตอย่างไร เพราะไม่เช่นนั้น จะมาหากินกับคนยากคนจนที่คาดหวังว่า เลือก ส.ส.เข้ามาเพื่อแก้ปัญหา แล้วก็ผิดหวังทุกที กลับไปเหมือนเดิม ส่วนที่บอกว่าการเลือกตั้งเงินจะสะพัดนั้น มาจากการเดินทางไปมาหาสู่ และไม่อยากให้แพร่สะพัดด้วยเงินนอกระบบ 4-5 หมื่นล้านนั้น คงไม่ใช่เรื่องปกติ
นายกฯ กล่าวว่า มีคนบอกว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทำเพื่อแสวงหาอำนาจ เป็นการผูกขาด ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้ทำเพื่อตน แต่ทำเพื่อประเทศ ทุกคนต้องพูดอย่างนี้ว่าจะทำเพื่อประเทศอย่างไร ไม่ใช่บอกว่ายุทธศาสตร์ ไม่มีประโยชน์ วันนี้เราเดินหน้าด้วยประชารัฐ ซึ่งมีนักธุรกิจและประชาชน เข้ามามีส่วนร่วม แต่มีคนใช้เป็นจุดหากินทางการเมือง ว่า คนรวยก็รวย คนจนก็ยิ่งจน นักการเมืองต้องมองไปข้างหน้า อย่าไปฟังเสียงติติงรัฐบาล ตนก็เลิกฟังแล้ว เสียเวลา
นายกฯ กล่าวว่า คดีทุจริตเข้าสู่กระบวนการไปตั้งเท่าไรแล้ว ในยุคนี้ ตนไปยุ่งมากๆ ก็ไม่ได้ ทั้งนี้ตนไม่ได้ไปไล่ล่าฆ่าฟันใคร และเปิดให้ต่อสู้ทั้ง 3 ศาล ชนะก็แล้วไป แต่ถ้าแพ้ก็ต้องถูกดำเนินคดี ตนยืนยันว่าไม่มีผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียว ส่วนเรื่องทุจริตอื่นๆ ก็ส่งเรื่องมา ตนก็ตรวจสอบให้หมด แต่พอตรวจสอบแล้วก็ไม่มีหลักฐาน ก็มาบอกว่าตนไม่เอาจริง มันไม่ใช่ มันมีกระบวนการ จะให้เอาไปติดคุกหมด ก็ไม่ใช่ เวลานี้ตนตั้งผู้ว่าฯ เป็นนายกฯท้องถิ่น เผื่อแก้ปัญหาแล้วส่งขึ้นมา ขออย่าให้ลงไปล้วงลูกถึงข้างล่าง
"สนธิรัตน์"นำทีมบุกขอนแก่น
วานนี้ (2 ธ.ค. ) ที่โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และคณะได้พบสมาชิกพรรคซึ่งเป็น อดีต ส.ส.ภาคอีสาน 14 จังหวัดกว่า 70 คน เพื่อชี้แจงอุดมการณ์ จุดยืน และนโยบายของพรรค
จากนั้น นายสนธิรัตน์ และคณะได้ลงพื้นที่พบปะประชาชน ที่ ต.บ้านหว้า และ ต.ดอนช้าง อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น เพื่อรับฟังปัญหาและรับข้อเสนอ เพื่อนำมาจัดทำนโยบายพรรค ทั้งในส่วนที่เป็นนโยบายภาพรวมทั้งประเทศ ทั้งนี้เป็นการลงพื้นที่ภาคอีสาน เป็นครั้งที่ 2 ในช่วง 2 สัปดาห์ ติดต่อกัน ของแกนนำสำคัญของพรรค พปชร. หวังสร้างฐานคะแนนนิยมของพรรค
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า มาขอนแก่นครั้งนี้ เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อช่วยกันคิดในเรื่องนโยบายของพรรคที่เป็นประโยชน์กับประชาชนภาคอีสาน 14 จังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มที่มา ถือเป็นความหวังของพรรค พปชร. อย่างมาก และหวังว่าอีกไม่นานพรรค พปชร. จะเข้าไปอยู่ในหัวใจ ของประชาชนคนภาคอีสานได้ และเชื่อมั่นว่ากระแสของพรรค จะได้รับการตอบรับ จากพี่น้องชาวอีสานอย่างท่วมท้น แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดว่าได้ ส.ส.ทั้งประเทศ มากน้อยแค่ไหน ซึ่งพรรคได้ทำการบ้านทีละเรื่อง โดยหวังว่าจะเป็นหนึ่งในพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ตรงตามเป้าหมายของพรรค ส่วนพรรค จะชูพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มา เป็นนายกฯ สมัยที่สอง หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา เพราะจะเลือกใครมาเป็นนายกฯ ต้องอยู่ในกระบวนการของพรรค
เมื่อถามว่า พปชร. มีความหวังจะได้ส.ส.ในภาคอีสาน มากน้อยเพียงใด นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า มั่นใจว่าจะได้ส.ส.สมความตั้งใจของพรรค ที่วางเป้าไว้ เพราะพรรคได้ให้ความสำคัญกับพื้นที่ภาคอีสานอย่างมาก และได้มีอดีต ส.ส.จากพรรคอื่นๆ เข้ามาร่วมกับเราเป็นจำนวนมาก เพราะเชื่อในอุดมการณ์ แนวทางการเมืองของพรรค
ยันชู"บิ๊กตู่"เป็น1ใน3 แคนดิเดตนายกฯ
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง การเสนอรายชื่อบุคคลขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ของพรรคว่า หนึ่งในนั้นต้องเป็นชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะส่วนตัวสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามต้องหารือกันอีกครั้งว่า รายชื่ออื่น จะมีใครบ้าง
เร่งจัดสรรที่ดินทำกินให้ผู้ยากไร้
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ ห่วงใยประชาชนผู้ยากไร้ และไม่มีที่ทำกินที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อมูล และจัดสรรที่ดินทำกินให้ผู้ยากไร้เข้าทำประโยชน์ ดูแลการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ และส่งเสริมให้อยู่ร่วมกับป่าอย่างดีที่สุด เพราะที่ผ่านมา ผู้ยากไร้มีปัญหาเรื่องนี้มาตลอด บางครั้งได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม และถูกละเลยจากภาครัฐ แต่รัฐบาลนี้ เห็นใจผู้ยากไร้จึงต้องการแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การยึดคืนพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก ฟื้นฟูสภาพ และจัดสรรให้แก่ผู้ยากไร้ และเกษตรกรเข้าทำกินอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ นายกฯได้รับรายงานว่า ตั้งแต่ปี58-61 ได้จัดสรรพื้นที่ป่า และที่ดินของรัฐ เช่น ที่ป่าชายเลน ที่ราชพัสดุ ให้ผู้ยากไร้ทำกินแบบแปลงรวมแล้ว 317,024 ไร่ มีผู้ได้รับประโยชน์ 45,248 ราย ส่วนในปีหน้า มีเป้าหมายจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน 48 จังหวัด รวมพื้นที่ราว 218,244 ไร่
คลังชงครม. แจกซิมคนจนใช้เน็ตฟรี
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง เตรียมที่จะเสนอครม.พิจารณาอนุมัติ การแจกซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ให้ได้ใช้อินเทอร์เน็ตฟรี เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารมากขึ้น ยกระดับคุณภาพชีวิต โดยขณะนี้กสทช. อยู่ระหว่างการพิจารณา
เบื้องต้น การแจกซิมได้วางไว้ 2 แนวทาง คือ 1. กรณีผู้มีรายได้น้อยมีซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่และมีอินเทอร์เน็ตใช้อยู่แล้วจะเพิ่มจำนวนอินเทอร์เน็ตฟรี 2. ผู้มีรายได้น้อยที่ยังไม่มีซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่จะแจกซิมพร้อมสัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ขอย้ำว่า การแจกซิมเน็ตเนื่องจากรัฐบาลต้องการให้ประชาชน สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง นำไปใช้เพื่อประโยชน์
นอกจากนี้ได้สั่งให้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษาแนวทางเปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย เข้าโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดเก็บข้อมูลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการแก้ไขปัญหาความยากจน และการรับสวัสดิการ คาดว่า จะเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ ในปี 62 หรือ อาจจะเป็นช่วงหลังการเลือกตั้ง และในเดือนธ.ค.นี้ จะสรุปผลดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปีแรก
เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (2 ธ.ค.) ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ เรื่อง "การปฏิรูปประเทศสู่ไทยมั่งคั่ง ไทยมั่นคง ไทยยั่งยืน" ตอนหนึ่งว่า หอการค้า เป็นกลไกในเรื่องของการค้า มีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งต่างประเทศชื่นชมใน 3 สิ่งของไทย คือ การท่องเที่ยวธรรมชาติสวยงาม อาหารอร่อย และ รอยยิ้มของคนไทย เราจึงต้องเตรียมพร้อมด้านเทคโนโลยีที่จะเข้ามา อย่ามองแต่ว่าจะต้องได้อะไร ต้องมีกำไร และที่สำคัญเวลานี้ไทยมีปัญหาแรงงานภาคเกษตร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของประเทศ ที่ต้องช่วยพัฒนาให้ดีขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีคนวิจารณ์เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งขอยืนยันว่า ไม่ใช่การหาเสียง เพราะเวลานี้มีคนที่รายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี 14.7 ล้านคน หากจะให้ช่วยทั้งหมด 60 ล้านคน ก็ไม่ไหว เรื่องบัตรประชารัฐ ไม่ใช่เอาภาษีไปช่วยคนจนทั้งหมด อย่างที่วิจารณ์กัน เพราะภาษีมาจากหลายทาง ที่ออกมาบอกว่าจะล้มนั่น ล้มนี่ 4 ปีที่ทำมาไม่ได้ง่ายนะ และขออย่ามองว่า รัฐบาลนี้ช่วยแต่คนรวย ไม่ช่วยคนจน
ที่ผ่านมา รัฐบาลแก้ปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ตามที่มีการร้องเรียนเข้ามา ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมายอมรับว่า ปัญหาเยอะและเหนื่อย มีรัฐมนตรี ถามว่า เป็น ผบ.ทบ. มาเป็นนายกฯ เป็นอย่างไร ตนก็ตอบว่า ก็เหนื่อยสิ เป็นมา13 ปี แต่มีกำลังใจอยู่ ถ้านึกถึงประเทศเหมือนตอนเป็น ผบ.ทบ. เสี่ยงแค่ไหนก็ต้องทำ เพราะเป็นหน้าที่ ถ้าไม่มีหน้าที่ตนก็ไม่ทำ และตนไม่ได้ปฏิเสธการเลือกตั้ง ไม่ปฏิเสธประชาธิปไตย ตลอดเวลา ทำงานเพื่อหยุดความขัดแย้ง พร้อมกับเดินหน้าตามโรดแมป ดังนั้น นักการเมืองที่จะเข้ามาต้องมองไปข้างหน้า อย่าใช้เรื่องความรวยมหาศาล หรือจนมหาศาล มาหากินทางการเมือง คนที่หาเสียงแล้วบอกว่า จะแก้ปัญหาอย่างโน้น อย่างนี้ ต้องให้นักการเมือง และพรรคการเมืองอธิบายด้วยว่า ปลดล็อกแล้วเขาจะทำอะไรให้ประเทศไทย ถ้าไม่มีวิธีการ ก็อย่าไปเชื่อ ต้องให้บอกด้วยว่าจะแก้ไขปัญหาทุจริตอย่างไร เพราะไม่เช่นนั้น จะมาหากินกับคนยากคนจนที่คาดหวังว่า เลือก ส.ส.เข้ามาเพื่อแก้ปัญหา แล้วก็ผิดหวังทุกที กลับไปเหมือนเดิม ส่วนที่บอกว่าการเลือกตั้งเงินจะสะพัดนั้น มาจากการเดินทางไปมาหาสู่ และไม่อยากให้แพร่สะพัดด้วยเงินนอกระบบ 4-5 หมื่นล้านนั้น คงไม่ใช่เรื่องปกติ
นายกฯ กล่าวว่า มีคนบอกว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทำเพื่อแสวงหาอำนาจ เป็นการผูกขาด ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้ทำเพื่อตน แต่ทำเพื่อประเทศ ทุกคนต้องพูดอย่างนี้ว่าจะทำเพื่อประเทศอย่างไร ไม่ใช่บอกว่ายุทธศาสตร์ ไม่มีประโยชน์ วันนี้เราเดินหน้าด้วยประชารัฐ ซึ่งมีนักธุรกิจและประชาชน เข้ามามีส่วนร่วม แต่มีคนใช้เป็นจุดหากินทางการเมือง ว่า คนรวยก็รวย คนจนก็ยิ่งจน นักการเมืองต้องมองไปข้างหน้า อย่าไปฟังเสียงติติงรัฐบาล ตนก็เลิกฟังแล้ว เสียเวลา
นายกฯ กล่าวว่า คดีทุจริตเข้าสู่กระบวนการไปตั้งเท่าไรแล้ว ในยุคนี้ ตนไปยุ่งมากๆ ก็ไม่ได้ ทั้งนี้ตนไม่ได้ไปไล่ล่าฆ่าฟันใคร และเปิดให้ต่อสู้ทั้ง 3 ศาล ชนะก็แล้วไป แต่ถ้าแพ้ก็ต้องถูกดำเนินคดี ตนยืนยันว่าไม่มีผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียว ส่วนเรื่องทุจริตอื่นๆ ก็ส่งเรื่องมา ตนก็ตรวจสอบให้หมด แต่พอตรวจสอบแล้วก็ไม่มีหลักฐาน ก็มาบอกว่าตนไม่เอาจริง มันไม่ใช่ มันมีกระบวนการ จะให้เอาไปติดคุกหมด ก็ไม่ใช่ เวลานี้ตนตั้งผู้ว่าฯ เป็นนายกฯท้องถิ่น เผื่อแก้ปัญหาแล้วส่งขึ้นมา ขออย่าให้ลงไปล้วงลูกถึงข้างล่าง
"สนธิรัตน์"นำทีมบุกขอนแก่น
วานนี้ (2 ธ.ค. ) ที่โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และคณะได้พบสมาชิกพรรคซึ่งเป็น อดีต ส.ส.ภาคอีสาน 14 จังหวัดกว่า 70 คน เพื่อชี้แจงอุดมการณ์ จุดยืน และนโยบายของพรรค
จากนั้น นายสนธิรัตน์ และคณะได้ลงพื้นที่พบปะประชาชน ที่ ต.บ้านหว้า และ ต.ดอนช้าง อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น เพื่อรับฟังปัญหาและรับข้อเสนอ เพื่อนำมาจัดทำนโยบายพรรค ทั้งในส่วนที่เป็นนโยบายภาพรวมทั้งประเทศ ทั้งนี้เป็นการลงพื้นที่ภาคอีสาน เป็นครั้งที่ 2 ในช่วง 2 สัปดาห์ ติดต่อกัน ของแกนนำสำคัญของพรรค พปชร. หวังสร้างฐานคะแนนนิยมของพรรค
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า มาขอนแก่นครั้งนี้ เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อช่วยกันคิดในเรื่องนโยบายของพรรคที่เป็นประโยชน์กับประชาชนภาคอีสาน 14 จังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มที่มา ถือเป็นความหวังของพรรค พปชร. อย่างมาก และหวังว่าอีกไม่นานพรรค พปชร. จะเข้าไปอยู่ในหัวใจ ของประชาชนคนภาคอีสานได้ และเชื่อมั่นว่ากระแสของพรรค จะได้รับการตอบรับ จากพี่น้องชาวอีสานอย่างท่วมท้น แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดว่าได้ ส.ส.ทั้งประเทศ มากน้อยแค่ไหน ซึ่งพรรคได้ทำการบ้านทีละเรื่อง โดยหวังว่าจะเป็นหนึ่งในพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ตรงตามเป้าหมายของพรรค ส่วนพรรค จะชูพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มา เป็นนายกฯ สมัยที่สอง หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา เพราะจะเลือกใครมาเป็นนายกฯ ต้องอยู่ในกระบวนการของพรรค
เมื่อถามว่า พปชร. มีความหวังจะได้ส.ส.ในภาคอีสาน มากน้อยเพียงใด นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า มั่นใจว่าจะได้ส.ส.สมความตั้งใจของพรรค ที่วางเป้าไว้ เพราะพรรคได้ให้ความสำคัญกับพื้นที่ภาคอีสานอย่างมาก และได้มีอดีต ส.ส.จากพรรคอื่นๆ เข้ามาร่วมกับเราเป็นจำนวนมาก เพราะเชื่อในอุดมการณ์ แนวทางการเมืองของพรรค
ยันชู"บิ๊กตู่"เป็น1ใน3 แคนดิเดตนายกฯ
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง การเสนอรายชื่อบุคคลขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ของพรรคว่า หนึ่งในนั้นต้องเป็นชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะส่วนตัวสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามต้องหารือกันอีกครั้งว่า รายชื่ออื่น จะมีใครบ้าง
เร่งจัดสรรที่ดินทำกินให้ผู้ยากไร้
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ ห่วงใยประชาชนผู้ยากไร้ และไม่มีที่ทำกินที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อมูล และจัดสรรที่ดินทำกินให้ผู้ยากไร้เข้าทำประโยชน์ ดูแลการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ และส่งเสริมให้อยู่ร่วมกับป่าอย่างดีที่สุด เพราะที่ผ่านมา ผู้ยากไร้มีปัญหาเรื่องนี้มาตลอด บางครั้งได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม และถูกละเลยจากภาครัฐ แต่รัฐบาลนี้ เห็นใจผู้ยากไร้จึงต้องการแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การยึดคืนพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก ฟื้นฟูสภาพ และจัดสรรให้แก่ผู้ยากไร้ และเกษตรกรเข้าทำกินอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ นายกฯได้รับรายงานว่า ตั้งแต่ปี58-61 ได้จัดสรรพื้นที่ป่า และที่ดินของรัฐ เช่น ที่ป่าชายเลน ที่ราชพัสดุ ให้ผู้ยากไร้ทำกินแบบแปลงรวมแล้ว 317,024 ไร่ มีผู้ได้รับประโยชน์ 45,248 ราย ส่วนในปีหน้า มีเป้าหมายจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน 48 จังหวัด รวมพื้นที่ราว 218,244 ไร่
คลังชงครม. แจกซิมคนจนใช้เน็ตฟรี
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง เตรียมที่จะเสนอครม.พิจารณาอนุมัติ การแจกซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ให้ได้ใช้อินเทอร์เน็ตฟรี เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารมากขึ้น ยกระดับคุณภาพชีวิต โดยขณะนี้กสทช. อยู่ระหว่างการพิจารณา
เบื้องต้น การแจกซิมได้วางไว้ 2 แนวทาง คือ 1. กรณีผู้มีรายได้น้อยมีซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่และมีอินเทอร์เน็ตใช้อยู่แล้วจะเพิ่มจำนวนอินเทอร์เน็ตฟรี 2. ผู้มีรายได้น้อยที่ยังไม่มีซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่จะแจกซิมพร้อมสัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ขอย้ำว่า การแจกซิมเน็ตเนื่องจากรัฐบาลต้องการให้ประชาชน สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง นำไปใช้เพื่อประโยชน์
นอกจากนี้ได้สั่งให้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษาแนวทางเปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย เข้าโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดเก็บข้อมูลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการแก้ไขปัญหาความยากจน และการรับสวัสดิการ คาดว่า จะเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ ในปี 62 หรือ อาจจะเป็นช่วงหลังการเลือกตั้ง และในเดือนธ.ค.นี้ จะสรุปผลดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปีแรก