“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
วันวานจรดวันนี้..ฝรั่งมังค่าทั่วโลกยอมรับแล้วว่า“กัญชาไทยแลนด์ดีที่สุดในโลก”!!!
โดยเฉพาะ“กัญชา”จาก อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม “คอกัญชาทั่วโลก” ต่างยอมรับว่า“ซู้ดยอดดด..”และราคาก็แพงกว่ากัญชาชาติใดๆเสียด้วยสิ
นานกว่า 40 ปีแล้วนะ ที่นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งชาติมหาอำนาจและชาติต่างๆ ในยุคเทคโนโลยีทันสมัย ได้มีการ“แอบ”วิจัย“กัญชา”มาอย่างต่อเนื่อง จนหลายชาติค้นพบ“สารล้ำค่าในกัญชา” ซึ่งถูกชาติมหาอำนาจและชาติต่างๆ รวมทั้งองค์การสหประชาชาติระบุว่า “กัญชา”เป็น“ยาเสพติด” ผิดกฎหมาย..
แต่วันนี้บางชาติได้“คลายล็อค” ให้“กัญชา”ใช้ทางการแพทย์และสันทนาการได้แล้ว! โดยเฉพาะชาติมหาอำนาจ“มะกัน” ที่เคยเป็นหัวหอกกดดันให้“ยูเอ็น”และชาติอื่นๆ ถือ“กัญชา”เป็น“ยาเสพติด”ทำลายชีวิตมนุษย์ ยามนี้กลับลำกลืนน้ำลายตัวเอง ปล่อยให้บางรัฐในอเมริกา“ปลดล็อคกัญชา”เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น หลายรัฐในอเมริกาจึง“ปลูกกัญชา”ได้ บางรัฐ“ใช้กัญชาทางการแพทย์” “เสพเพื่อการสันทนาการ” กับ“ขายสินค้ากัญชา”หลากรูปแบบได้ กระทั่งบางรัฐ“ส่งออกกัญชา”ไปขายทั่วโลกอีกด้วย เช่น
รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นรัฐแรกที่ให้ใช้กัญชาทางการแพทย์มานานถึง 22 ปีแล้ว และเป็นรัฐผลิตกัญชาขายทางการแพทย์ใหญ่สุดในอเมริกา! ส่วนรัฐโคโลราโด ถือเป็นแห่งแรกของโลก ที่ประชาชนเสพกัญชาเพื่อความบันเทิง เรียกว่า..ปลูก-สูบ-กิน-ซื้อ-ขายได้ตามกฎหมาย..!
ขณะที่รัฐวอชิงตันให้ใช้“กัญชา”ทางการแพทย์ได้แล้ว แถมยังให้ใช้“กัญชา”ในด้านอื่นๆได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่เพราะรัฐจัดเก็บภาษีในอัตราสูง “กัญชา”รัฐนี้จึงซื้อขายกันในราคาแพง และขายเฉพาะในร้านที่มีใบอนุญาตเท่านั้น ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป และห้ามเสพในที่สาธารณะ เช่น ร้านอาหาร สวนสาธารณะ โดยต้องเสพห่างจากโรงเรียน 300 เมตร ถ้าทำผิดมีโทษปรับ 100 ดอลลาร์
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเพิ่ม เช่น บางรัฐจำกัดปริมาณการครอบครองกัญชาคนละไม่เกิน 28.5 กรัม บางรัฐอนุญาตให้ประชาชนปลูก เพื่อใช้ทางการแพทย์ได้ไม่เกินบ้านละ 6 ต้น..
ส่วนประเทศทางยุโรปอย่างเนเธอร์แลนด์ ผู้เสพกัญชาต้องอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ที่นี่มีร้านกาแฟที่ดูดกัญชาได้ราว 220 ร้าน ร้านดูดกัญชาออกแบบทันสมัยราวกับร้านขายสมาร์ทโฟน
อุรุกวัย เป็นประเทศลาตินอเมริกาประเทศแรกในโลก ที่เป็นดินแดนเสรีกัญชา นับแต่ปี 2556 ที่นี่อนุญาตให้ประชาชนซื้อกัญชาได้คนละ 40 กรัมต่อเดือน ราคากรัมละ 1.30 ดอลลาร์สหรัฐ ให้ปลูกที่บ้านได้ 6 ต้น โดยเฉพาะสมาคมผู้สูบกัญชาอุรุกวัย ที่มีสมาชิกราว 15-45 คน ปลูกกัญชาได้ปีละ 99 ต้น..ว้าว..!
ส่วนที่แคนาดา หนึ่งในนโยบายที่ทำให้“จัสติน ทรูโด”ชนะศึกเลือกตั้งได้เป็น“นายกฯ” ก็คือนโยบายปลดปล่อย“ใช้กัญชาอย่างเสรี” ได้ผ่าน“พ.ร.บ.กัญชา” (Cannabis Act) เมื่อกลางปี 2561 นี้เอง
ผู้ผลิตกัญชารายใหญ่ของแคนาดา คือ คานาปี โกรว์ธ คอร์ป มีมูลค่าหุ้นในตลาด 1,240 ล้านดอลลาร์แคนาดา พื้นที่ปลูกในโรงเรือนแบบปิดมากกว่า 350,000 ตารางฟุต โดยมีคู่แข่งคือ ออโรร่า แคนนาบิส อิงค์ ที่สร้างโรงเรือนใหม่ใหญ่ถึง 800,000 ตารางฟุต ผลิตได้ 100 ตันต่อปี ถือเป็นกัญชาเชิงพาณิชย์ใหญ่ที่สุดในโลก
ราคากัญชาในเมืองควิเบค กรัมละ 7.31 ดอลล่าร์แคนาดา ส่วนเมืองอื่นๆทางตอนเหนือของแคนาดา ราคากรัมละ 13.17 ดอลลาร์แคนาดา
คราวนี้มาดูข้อมูลอ้างอิงเงื่อนไขการเป็นผู้ป่วย สำหรับการขอบัตรประจำตัวผู้ใช้กัญชาในแคนาคา ว่ารักษาโรคอะไรได้บ้าง..
1.การบาดเจ็บที่สมอง 2.ความวิตกกังวล 3.อุบัติเหตุรถยนต์ 4.โรคสมาธิสั้น 5.โรคไฮเปอร์ 6.ปัญญาย้อนกลับ 7.อาการบาดเจ็บที่ศีรษะ 8.โรคอัลไซเมอร์ 9.โรคมะเร็ง 10.อาการปวดเรื้อรัง 11.โรคไขข้อ 12.โรคซึมเศร้า 13.โรคลำไส้อักเสบ 14.อาการลำไส้ใหญ่บวม 15.โรคลมบ้าหมู 16.เอชไอวี(เอดส์) 17.เส้นโลหิตตีบ 18.โรคตับอักเสบซี 19.โรคปวดกล้ามเนื้อ 20.กล้ามเนื้อกระตุก 21.ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร 22.ไตล้มเหลว 23.โรคพาร์กินสัน 24.ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดสะเทือนใจ 25.โรคกล้ามเนื้อเจริญผิดเพี้ยนเหตุพันธุกรรม 26.โรคไขสันหลังอักเสบฯ
ว้าว..นี่แค่โรคที่ทางการแพทย์ของแคนาดา แก้กฎหมายให้ใช้“กัญชา”ได้อย่างอิสระเสรี ก็เล่นเอาบริษัทผลิตยา-ผลิตยาสูบ-ผลิตอาหาร-ผลิตเครื่องดื่ม-ผลิตเครื่องสำอาง ฯลฯ ที่ใช้“กัญชา”เป็นวัตถุดิบ พากันเริงร่ายกขบวนเข้าไปลงทุนในแคนาดากันตรึม!
“กัญชา”ที่ถูกระบุให้เป็น“ยาเสพติด”นั้น ที่แท้กลับเป็น“ยารักษาโรคร้ายของมนุษยชาติ” เพราะ “กัญชา”มีสารสำคัญ 2 ตัวทางการแพทย์ นั่นคือ
หนึ่ง-มีสาร CDB ที่ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ลดอาการอักเสบบวมโตของแผลหรือเนื้องอก ระงับเซลล์มะเร็งที่กำลังจะเติบโต ระงับการเกร็งและชักกระตุก และสร้างภูมิคุ้มกันในระบบประสาทได้
สอง-มีสาร THC ที่มีผลทางประสาท ผ่อนคลาย เคลิบเคลิ้ม อีกทั้งทำให้ระบบสัมผัสทำงานดีขึ้น ช่วยให้อยากอาหาร
วันนี้วิทยาศาสตร์การแพทย์ชาติต่างๆ ยอมรับว่า“กัญชา”มีพิษภัยต่อมนุษย์เพียงน้อยนิด ขณะที่“บุหรี่”ทำให้มนุษย์เจ็บป่วยล้มตายมากมาย โดยเฉพาะเป็นมะเร็ง ฯลฯ ส่วน“เหล้า”หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอลยิ่งแล้วใหญ่ ทุกปีผู้คนในไทยต้องตายทั้งจากอุบัติเหตุและสาเหตุอื่นๆ จากเครื่องดื่มประเภทนี้นับหมื่นคน
ดังนั้น ในปี 2560 ชาติมหาอำนาจและชาติต่างๆ ที่รู้ถึงคุณค่ามหาศาลของ“สมุนไพรกัญชา” จึงแก้กฎหมายกันอุตลุด ทั้ง“คลายล็อคกัญชา”และ“ปลดล็อคกัญชา” เปลี่ยน“กัญชายาเสพติด”จาก“ผู้ร้ายกลายเป็นพระเอก”
รู้ใช่ไหมล่ะว่า..ทั้ง“อุรุกวัย-อิสราเอล-ออสเตรเลีย-แคนาดา-อเมริกา-อังกฤษ” และประเทศอีกมากมายทั้งใหญ่น้อย ได้ลงมือวางแผนการผลิตอุตสาหกรรมกัญชา เพื่อส่งออกทางการแพทย์ ชิงความเป็นหนึ่งในตลาดโลกกันอย่างอุตลุดอยู่ในขณะนี้
อ้าว..แล้วถ้าไทยจะปลูกกัญชาขาย ทั้งทางการแพทย์และสันทนาการให้ต่างชาติบ้างล่ะ ในเมื่อกัญชาดีที่สุดในโลกอยู่ในแผ่นดินไทย อีกทั้ง“หมอแผนไทย”ใช้“กัญชา” ผสมในยาแผนโบราณหลายตำรับ ตั้งแต่ยุคพระนารายณ์มหาราช นานกว่า 300 ปีแล้วนะว้อย..
อุแม่เจ้า!..งั้นเฉพาะเรื่อง“กัญชา” ถ้าผู้นำชาติไทย“บิ๊กตู่”มี“วิชั่นก้าวไกล” มิใช่“วิสั้นจู๊ดจู๋”อย่างในบางเรื่อง ก็เชื่อขนมกินล่วงหน้าได้เลยว่า “กัญชาดีที่สุดในโลกของชาติไทย”จะเป็น“หนึ่งในยาดีรักษาโรคร้าย”ให้กับคนไทยและชาวโลก
แน่นอน..สิ่งที่จะตามมาโดยปริยาย คือ ชาติและประชาชนไทยจะมีรายได้อู้ฟู่ไปด้วย..ว้าว..!!
ส่วนเรื่องการวิจัยว่า “กัญชา”รักษาโรคร้ายอะไรได้บ้างนั้น ไม่จำเป็นต้องรบกวนให้บรรดา“หมอไทย” กับ“รมว.สธ.” และ“นายกฯตู่”ลำบากตอบคำถามนี้เลย เพราะมีผลวิจัยของวิทยาศาสตร์การแพทย์ชาติมหาอำนาจต่างๆ แล้ว และการแพทย์แคนาดาเองก็ได้ระบุมาแล้ว 26 โรคข้างต้น
ส่วนกัญชาจะดีในด้านใดอีกบ้างนั้น เป็นเรื่องที่วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ชาติต่างๆ ต้องทำการวิจัยและทดลองต่อยอดกันต่อไป..
แน่นอนล่ะ..ชาติส่วนใหญ่ยังถือว่า“กัญชา”เป็น“ยาเสพติด” แต่ชาติมหาอำนาจที่ทำตัวเป็น“ตำรวจโลก”อย่าง“มะกัน” โดยประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ก็หนุนให้ใช้“กัญชา”ทางการแพทย์-เพื่อสันทนาการ-การบริโภคหลายรูปแบบ-การปลูกเพื่อรักษาโรค-การปลูกส่งออกทั่วโลกเพื่อการแพทย์
งานนี้..จึงขึ้นกับฝีมือ“บิ๊กตู่”ว่า จะใช้สูตร“น้ำขึ้นให้รีบตัก” หรือ“พบไม้งามเมื่อขวานบิ่น”?
(...อ่านต่อฉบับสุดสัปดาห์หน้า )