หายหน้าไป 1 วัน...เพราะหมดเรี่ยว หมดแรง ต้องขออนุญาต “หยอดน้ำข้าวต้ม” ก่อนที่จะกลับมาร่อนไป-ร่อนมาได้เหมือนเดิม และเมื่อพอมีเรี่ยว มีแรง มีกำลังวังชาขึ้นมามั่งแล้ว วันนี้...เลยลองเปลี่ยนบรรยากาศหันไปร่อนกันแถวๆ ทะเลดำ ทะเลอาซอฟ (Azov) โน่นเลย หรือหันไปตรวจสอบ “แนวรบยุโรปตะวันออก” หลังจากที่เคยว่าๆ กันในเรื่อง “แนวรบตะวันออกกลาง” และ “แนวรบทะเลจีนใต้” มาพอสมควรแล้ว...
ด้วยเหตุเพราะช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา...หรือช่วงวันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน กองเรือของประเทศยูเครน 3 ลำ ประกอบไปด้วยเรือปืน 2 ลำ เรือโยงอีก 1 ลำ เขาอยากจะออกไปจับปลา ตกปลา หรืออยากจะทำอะไรต่อมิอะไรก็มิอาจสรุปได้ แต่ดันแล่นผ่านช่องแคบ “เคิร์ช” (Kerch Strait) หลุดเข้าไปในทะเลอาซอฟ ทะเลดำ อันเป็นเขตน่านน้ำของคุณน้ารัสเซียเขา และถ้าว่ากันตามรายงานของหน่วยยามฝั่ง หรือหน่วยรักษาความปลอดภัยของรัสเซีย (Russia Federal Security Service-FSB) ที่เขาอ้างว่าเตือนก็แล้ว สั่งให้หยุดก็แล้ว แต่เรือทั้ง 3 ลำของยูเครนก็ไม่คิดจะฟัง เขาก็เลยต้องเปิดฉากซัลโว ก่อนยึดเรือเอาไว้ทั้งแผง เล่นเอาลูกเรือยูเครน บาดเจ็บมากบ้าง น้อยบ้าง กันไปตามสภาพ...
มันก็เลยกลายเป็นเรื่อง เป็นราวใหญ่ๆ โตๆ ขึ้นมาโดยทันที ชนิดสำนักข่าวต่างประเทศแต่ละสำนัก ต้องหยิบมารายงานเป็นข่าว หยิบมาขยายผล จนทำให้ “แนวรบ”ด้านนี้ ที่เคยเงียบๆ ไปพอสมควร กลับเป็นอะไรที่เอะอะ ตึงตังขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะมีการไปลากเอาคุณพ่ออเมริกา และลูกสมุน “นาโต” ออกมาพูดโน่น พูดนี่ ส่งผลให้บรรดาตัวละครต่างๆ ในประเทศ “อียู” ที่ตกอยู่ในสภาพ “อีย้วย” มาโดยตลอด หลังจากต้องเจอกับ “ลูกบ้า” ของ “ทรัมป์บ้า” ไปพร้อมๆ กับความกลัว “ผีคอมมิวนิสต์รัสเซีย” ซึ่งยังคงไม่จางหาย แม้จะผ่าน “ยุคสงครามเย็น” มานานแล้วจนแทบไม่รู้ว่าจะย้วยไปข้างคุณพ่ออเมริกา หรือจะย้ายมาซบไออุ่นจากคุณน้ารัสเซียดี เลยต้องออกอาการ “ยักตื้นติดกึก-ยักลึกติดกัก” เมื่อแนวรบด้านนี้ ถูกทำให้คึกคัก โครมครามขึ้นมาอีกครั้ง...
อย่างไรก็ตาม...แม้ข่าวคราวกรณีดังกล่าว อาจดูเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องโต อยู่พอสมควร ถ้ามองในแง่ “การเมืองระหว่างประเทศ” แต่ถ้าลองมองให้ลึกๆ ลงไปถึง “การเมืองภายใน” ของประเทศยูเครนเขาเองแล้ว อันนี้...อาจไม่ถึงกับต้องคิดมาก คิดเล็ก คิดน้อยมากมายสักเท่าไหร่ เผลอๆ...อาจนำมาเทียบเคียงกับ “การเมืองบ้านเรา” หรือการเมืองของประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของการดูด การอม การเคี้ยว การกลืน ชนิดแทบไม่รู้ไผเป็นไผ กันไปแล้วในทุกวันนี้ แถมยังแทบไม่รู้ว่าจะ “เลือกตั้ง” กันตอนไหน เมื่อไหร่ จะต้องเลื่อนไป เลื่อนมาอีกรอบแล้ว รอบเล่า กันเลยหรือไม่???
คือด้วยเหตุเพราะประเทศยูเครนนั้น...เขากำลังจะมีการเลือกตั้งผู้นำคนใหม่ หรือ “เลือกตั้งประธานาธิบดี” ในช่วงไม่ห่างไปจากเลือกตั้งบ้านเรากี่มาก-น้อย คือประมาณวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2019 ห่างจากบ้านเราแค่เดือนเดียว (ถ้าหากไม่มีการเลื่อนเลือกตั้งตามคิดเห็นของ กกต.หรือตามเสียงเรียกร้องจากพรรคการเมืองเล็กๆ ทั้งหลาย) การที่เกิดเหตุเรือยูเครนถูกถล่ม ถูกยึด โดยกองเรือรัสเซียในคราวนี้ มันจึงไม่ได้เกี่ยวกับ “การเมืองระหว่างประเทศ” ล้วนๆ แต่ยังถูกทำให้กลายเป็นเรื่องที่พัวพัน โยงใยไปถึง “การเมืองภายใน” ของยูเครนเขาเองด้วย หรือกับ “ผลได้-ผลเสีย” ของการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า...นั่นแล...
เพราะจากกรณีดังกล่าว...ได้ทำให้ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ “นายเปโตร โปโรเชนโก” (Petro Poroshenko) ที่กำลังคิดจะ สืบทอดอำนาจ...(ประทานโทษ) คิดจะสมัครเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย แต่เผอิญ “คะแนนนิยม” ออกจะตกต่ำซะเหลือเกิน โดยเฉพาะถ้าว่ากันตาม “โพลล่าสุด” ที่ไม่ได้สำรวจกันโดย “นิด้าโพล” อย่างบ้านเรา แต่สำรวจโดยสำนักวิจัยที่เรียกๆ กันว่า “Hromadske International” ของบ้านเขา ปรากฏว่าคะแนนนิยมร่วงมาอยู่แถวๆ อันดับสาม หรือมีคะแนนอยู่แค่ 8-10.3 เปอร์เซ็นต์ต่ำซะยิ่งกว่าคู่แข่งที่เป็นแค่ศิลปิน นักแสดง ดาราตลก อย่าง “นายวลาดิมีร์ เซเลนสกี้” (Volodymyr Zelensky) ซึ่งมาแรงแซงโค้ง ผงาดขึ้นเป็นผู้มีคะแนนนิยมอันดับสอง หรือมีคะแนนพุ่งขึ้นไปถึง 11.4-12 เปอร์เซ็นต์ และทิ้งห่างไปจากผู้มีคะแนนนิยมเป็นอันดับหนึ่ง อย่าง “เจ๊ยูเลีย ทิโมเชนโก” (Yulia Tymoshenko) อดีตนายกรัฐมนตรีที่เคยถูกจับติดคุก ติดตะรางมาแล้ว แต่ก็ถูกปล่อยตัวลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคราวนี้อีกจนได้ กลายเป็นผู้มาแรง แซงโค้ง แบบ “เจ๊สุดาหน่อย” บ้านเรานั่นแหละ คือมีคะแนนนิยมขึ้นไปถึง 20.7-22 เปอร์เซ็นต์...
แต่ด้วยฉากเหตุการณ์เรือรบรัสเซียถล่มเรือยูเครนในคราวนี้...ส่งผลให้อภิมหาเศรษฐีอดีตเจ้าของโรงงานช็อกโกแลต อย่างประธานาธิบดี “โปโรเชนโก” ท่านเลยหยิบมาเป็นประเด็น ขออำนาจจากรัฐสภายูเครนให้ท่านสามารถ “ประกาศกฎอัยการศึก” ได้ภายในช่วงเวลาประมาณ 30 วัน คือจากหลังวันเกิดเหตุ หรือวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 ไปจนถึงวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 2019 ช่วงหวิดๆ ใกล้จะลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง หรือเท่ากับรัฐสภายูเครนได้ตัดสินใจมอบอำนาจระดับ “มาตราฉี่ฉิบฉี่” เอาไว้ในมือประธานาธิบดีนับจากนี้ ไปจนใกล้ๆ เลือกตั้งโน่นเลย...
ด้วย “อำนาจ” ชนิดนี้นี่แหละ...ที่ว่ากันว่า ย่อมทำให้ประธานาธิบดี “โปโรเชนโก” ท่านสามารถ “ยัก-ย้าย-ถ่าย-เท” อะไรต่อมิอะไรได้สบายๆ สามารถปิดหนังสือพิมพ์ ควบคุมสื่อฯ ต่างๆ ควบคุมประชาชนพลเมืองผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหลาย ห้ามมิให้ใครหือ ใครประท้วง แถมยังสามารถสั่งย้ายข้าราชการประจำ ไม่ว่าพลเรือน ตำรวจ ทหาร ฯลฯ ได้ในทุกๆ กรณี รวมทั้งถ้าท่านดันเอาอำนาจชนิดนี้ไปใช้ในการยั่วยุกองทัพรัสเซีย ให้เกิดอาการ “เปรี้ยวตีน” ยิ่งไปกว่านี้ เผลอๆ...อาจนำไปสู่ “การเลื่อนเลือกตั้ง” ประธานาธิบดียูเครน ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้...
อันนี้นี่เอง...ที่ทำให้เรื่อง “การเมืองระหว่างประเทศ” หรือเรื่องความตึงเครียดในการเผชิญหน้ากันระหว่างอภิมหาอำนาจอย่างคุณพ่ออเมริกาและลูกสมุนนาโต กับมหาอำนาจอย่างรัสเซียที่มีจีน มีอิหร่าน คอยถือหาง โดยมี “แนวรบในตะวันออกกลาง” อันเป็นหนึ่งใน 3 แนวรบ ที่ถือเป็น “จุดเปลี่ยน” ของฉากสถานการณ์โลก เป็นตัว “จุดชนวน” ใดๆ ขึ้นมาก็ย่อมได้ มันจึงกลายเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” กับ “การเมืองภายใน” ของยูเครนเค้าไปจนได้ ต่างไปจากบ้านเรา หรือไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่ต้องถือว่า “ดีอยู่หน่อย” คือไม่ถึงกับต้องไปลากเอามหาอำนาจรายใดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพราะสามารถ “ยัก-ย้าย-ถ่าย-เท” ทุกสิ่งทุกอย่างได้แบบสบายๆ ทั้งดูด ทั้งอม ทั้งเคี้ยว ทั้งกลืน แถมถ้าไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจ เผลอๆ...อาจ “เลื่อนเลือกตั้ง” ไปช่วงไหนก็ย่อมได้ ด้วยเหตุเพราะ “มาตราฉี่ฉิบฉี่” ที่ถือเอาไว้ในมือมานานแล้วถึง 4 ปี 5 ปี เรียกว่า...โปโรเชนโก ก็โปโรเชนโก ก็เถอะ ยังไงๆ ย่อมเทียบไม่ได้กับ “โปโรบิ๊กตู่” ของหมู่เฮาทั้งหลาย ด้วยประการละฉะนี้...แล...