xs
xsm
sm
md
lg

ใครจะเป็นเบี้ยในไทยรักษาชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ


ตอนนี้เมื่อรู้ว่า การเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว พรรคที่ได้ ส.ส.เขตมากจะมีโอกาสที่จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์น้อยลง เพราะเมื่อเอาคะแนนเพื่อไทยจากปาร์ตี้ลิสต์ครั้งที่แล้วมาเป็นตุ๊กตานั้น เก้าอี้ปาร์ตี้ลิสต์ของเพื่อไทยจะลดลงอย่างมาก

ระดับนำหลายคนซึ่งเคยอยู่ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์จะต้องหาเขตลง ถ้าไม่มีเขตลงการอยู่ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทยจึงเป็นเรื่องที่เสี่ยง ทางออกของพรรคเพื่อไทยก็คือ การตั้งพรรคสำรองเพื่อให้คนที่ไม่มีเขตไปลงในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคสำรอง นั่นคือที่มาของพรรคไทยรักษาชาติ และอีกหลายพรรค

ด้วยทฤษฎีที่มีความเชื่อจากการคำนวณด้วยคะแนนเก่าๆ ว่า พรรคใหญ่ที่ได้ที่นั่งเขตเยอะจะได้ปาร์ตี้ลิสต์น้อยหรืออาจไม่ได้เลย

แม้จะมีปัจจัยที่อาจจะเบี่ยงเบนจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาคือ ครั้งนี้เป็นการเลือกด้วยบัตรใบเดียว เมื่อก่อนนั้นคนลงอาจจะตัดสินใจลงเขตให้ผู้สมัครคนหนึ่ง แล้วอาจจะลงปาร์ตี้ลิสต์ให้อีกพรรค แต่ครั้งนี้ต้องชั่งใจว่าจะเลือกอย่างไรแน่ยึดพรรคที่ชอบหรือยึดคนที่ชอบอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ครั้งที่แล้วคะแนนรวมของผู้สมัครทุกคนในแต่ละพรรคกับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์แม้จะต่างกัน แต่ก็ไม่ได้มากจนมีนัยสำคัญอะไร

และถ้าพรรคไทยรักษาชาติจะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เยอะ สิ่งสำคัญคือต้องได้คะแนนเสียงในเขตที่ลงสมัครมากๆ ด้วย ตามสัดส่วนที่คิดคาดการณ์กันว่าประมาณ 70,000คะแนนต่อ 1 ที่นั่ง ดังนั้นคนที่จะลงในเขตของพรรคไทยรักษาชาติจึงต้องเป็นตัวดีๆ ระดับหนึ่ง แบบวัดดวงว่า อาจจะได้หรืออาจจะไม่ได้ คือพวกประเภท 50-50 จะต้องมาลงในพรรคนี้ ได้เขตก็ดีไป แต่ไม่ได้เขตพรรคก็ได้คะแนนเป็นกอบเป็นกำไปสะสมไว้

เราจึงเห็นพรรคไทยรักษาชาติประกาศเปิดตัวคนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันไม่น้อย เพราะเป้าหมายคือ ต้องได้คะแนนรวมให้ได้มากที่สุดในระบบคะแนนไม่ตกน้ำ

คนที่ถูกส่งมาลงในระบบเขตของพรรคไทยรักษาชาติ จึงเหมือนเป็นเบี้ยแลกชีวิตให้พวกขุนและเรือที่หนีมาจากพรรคเพื่อไทยเพราะไม่มีพื้นที่เขตลง แต่เชื่อว่า โดยธรรมชาติคนที่ถูกส่งมาลงก็ไม่ได้สู้เพื่อให้ตัวเองทำคะแนนให้พรรคอย่างเดียว คนประเภทที่รู้ว่าตัวเองมีโอกาสชนะก็ต้องสู้ในเขตเพื่อตัวเองเหมือนกัน ดังนั้นถ้าจะคาดหวังว่า ลงปาร์ตี้ลิสต์พรรคไทยรักษาชาติแล้วมีโอกาสได้หลายที่นั่งก็ไม่แน่เหมือนกัน แล้วถ้าพรรคไทยรักษาชาติได้เขตแล้วก็จะถูกลดทอนที่นั่งในปาร์ตี้ลิสต์ลงไปอีก

และเมื่อพรรคไทยรักษาชาติต้องการปาร์ตี้ลิสต์จึงจำเป็นต้องส่งให้ครบทุกเขต แต่มีข้อดีในการฮั้วในเขตที่พรรคเพื่อไทยชนะๆ แน่ และไม่มี “ตาอยู่” มาแทรกได้แน่ พรรคเพื่อไทยซึ่งหวังเขตเป็นหลักก็ไม่จำเป็นต้องชนะเยอะคอนโทรลกันดีๆ เพื่อถ่ายคะแนนให้พรรคไทยรักษาชาติ

แล้วผมก็ไม่คิดว่า พรรคเพื่อไทยแม้คาดหวังสัก 200 ที่นั่ง แล้วจะทิ้งอีก 150 เขตไป หรือส่ง 250 เขตแล้วทิ้งไป 100 เขตอย่างที่มีข่าวออกมา ยังไงก็ต้องจัดคนลงให้ครบทุกเขตไม่ใช่บอกว่าไม่ลงแล้วปล่อยเขตที่เหลือให้พรรคไทยรักษาชาติ เพราะมันขัดแย้งกับแนวคิดที่ว่า หวังให้พรรคไทยรักษาชาติเก็บปาร์ตี้ลิสต์ในเขตที่เหลือ ก็แสดงว่าไม่ได้หวังว่าพรรคไทยรักษาชาติจะชนะเขตซึ่งถ้าทำเช่นนั้นก็เท่ากับเปิดพื้นที่ในเขตที่เหลือให้พรรคอื่นมาช่วงชิงเอาไป

อย่างภาคใต้แม้พรรคเพื่อไทยจะไม่มีโอกาสได้ แต่ยังไงก็ต้องส่งไว้ก่อน พรรคไทยรักษาชาติก็ต้องส่ง จะบอกว่าในเขตที่เพื่อไทยไม่มีตัวชัวร์จะไม่ส่งแล้วให้ไทยรักษาชาติส่งมันก็จะเป็นเรื่องที่ประหลาดมาก ซึ่งผมอาจจะผิด แต่ไม่เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยจะส่งลงเฉพาะแต่เขตที่ชัวร์แล้วทิ้งที่ไม่ชัวร์ไปเลย เพราะได้กี่คะแนนก็สำคัญหมด และเชื่อไหมว่าสุดท้ายแม้จะอยู่ในพรรคเครือข่ายเดียวกัน เมื่อมีโอกาสลงก็ต้องใส่กันทุกเม็ด เพราะไม่มีใครอยากเป็นเบี้ยให้ใครหรอก

อย่าลืมนะครับว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาคะแนนพรรคหรือปาร์ตี้ลิสต์ของ 3 พรรคอันดับ 1-2-3 เป็นดังนี้ พรรคเพื่อไทยได้ 15,744,190 คะแนน พรรคประชาธิปัตย์ได้ 11,433,762 คะแนน และพรรคที่ได้ลำดับ 3 คือ พรรคภูมิใจไทยได้เพียง 1,281,577 คะแนน

จะเห็นว่าคะแนนอันดับ 3 นั้นได้น้อยมากนะครับในปี 2554 ถ้าเฉลี่ยเก้าอี้ละ 70,000 คะแนน จะได้ ส.ส.เพียง 18 คนเท่านั้นเอง

แต่ครั้งนี้จะต่างกับครั้งก่อนกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทยก็จะทอนตัวเองจากคะแนน 15 ล้านเสียงลงไปให้พรรคไทยรักษาชาติและบริวารอื่น ฝั่งประชาธิปัตย์ที่เคยได้ 11 ล้านเสียงก็จะถูกแย่งไปโดยพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมพลังประชาชาติไทยของกำนันสุเทพ ดังนั้นจะเห็นว่า ก็ไม่ได้ง่ายสำหรับพรรคที่วางตัวเป็นพรรคขนาดกลางเพื่อจะให้ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เยอะๆ

ทั้งนี้การวางกลยุทธ์เป็นการคาดการณ์จากการแกะทฤษฎีของโจทย์ใหม่ในการเลือกตั้งคำนวณกับฐานคะแนนเก่าซึ่งอาจจะเกิดความผิดพลาดได้ แต่ทุกพรรคก็ต้องคิดตามฐานนี้เพราะไม่มีตัวแบบอื่นให้เลือก ขณะเดียวกันมีคนเชื่อว่า นักการเมืองไทยนั้นเป็นเซียนเหนือเมฆแม้จะออกโจทย์อย่างไรก็วางแผนทลายข้อจำกัดได้หมด

ที่สำคัญครั้งนี้มีพรรคการเมืองเกิดใหม่จำนวนมาก แม้การเมืองจะแบ่งเป็น 2 ฟากเหมือนเดิมคือเอาทหารกับไม่เอาทหารและเอาทักษิณก็ไม่เอาทักษิณ แต่คะแนนเลือกตั้งและสถิติคนมีสิทธิ์เลือกตั้งแม้จะเพิ่มขึ้นจากครั้งที่แล้ว ก็ไม่น่าจะแตกต่างกันมากในเชิงคะแนนเสียงของทั้งสองฟาก เพราะเหลือจากนั้นพวกพรรคจังหวัด เช่น พรรคสุพรรณบุรี พรรคชลบุรี ฯลฯ พวกนี้จะมีอาณาเขตที่แน่นอนแล้วการันตีที่นั่งได้แน่

และเมื่อขึ้นชื่อว่านักการเมืองแล้วไม่มีใครคิดว่าเป็นรองใคร นอกจากพวกลงสมัครเพื่อหาสตางค์เข้ากระเป๋าเพราะกติกาทุกคะแนนไม่ตกน้ำแบบนี้ใครพอมีคะแนนเสียงหลักร้อยหลักพันก็มีค่าตัวหมด อบต. อบจ. ส.ท.จะถูกล่าตัวมาลงสมัครกันเพียบ

ดังนั้นแม้ว่า พรรคเพื่อไทยจะวางคนที่มีพื้นที่เขตชัวร์ไว้ตรงพรรคหลัก และผลักคนที่คะแนนก้ำกึ่งอาจจะได้หรือไม่ได้มาลงพรรคไทยรักษาชาติ และส่งคนเด่นๆ ที่ไม่มีเขตมาลงปาร์ตี้ลิสต์ในพรรคนี้เพื่อหวังได้เป็น ส.ส.ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสุดท้ายตัวสำรองก็อยากชนะเหมือนกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่แน่ว่าสุดท้ายอาจจะไม่มีใครยอมเป็นเบี้ยแลกชีวิตให้ใครในพรรคไทยรักษาชาติกลายเป็นเบี้ยกินเรือและขุนของพรรคตัวเอง

ติดตามผู้เขียนได้ที่
https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น