xs
xsm
sm
md
lg

ล่าชื่อปลดกัญชาพ้นยาเสพติด - ยธ.ขอ2สัปดาห์เคลียร์สิทธิบัตร

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360- ยุติธรรมเปิดเวทีสัมมนา "การใช้กัญชาทางการแพทย์ ร่วมนานาชาติ" แจง 2 สัปดาห์ ชัดเจนข้อสรุปการจดสิทธิบัตร ยันมีความจำเป็นต้องใช้ทางการแพทย์ เลขาฯปปส. ยันไม่ปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด ด้านเครือข่ายประชาสังคมกัญชาทางการแพทย์ฯ ล่าชื่อสนับสนุนปลดล็อกกัญชา ถอดออกจากบัญชียาเสพติด ให้เป็นพืชสมุนไพรควบคุม ยกเลิกคำขอสิทธิบัตรต่างชาติทุกฉบับ ขจัดอุปสรรคงานวิจัย นำชื่อยื่นประธาน สนช. บ่าย 2 วันนี้

วานนี้ (21 พ.ย.) ที่โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง "การใช้กัญชาทางการแพทย์ ประสบการณ์ของประเทศออสเตรเลีย แคนาดา และเนเธอร์แลนด์" โดยมี นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ช่วยรมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สอาดพรรค คณะทำงาน รมว.ยุติธรรม นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. และ ผู้แทนจากสถานทูต 3 ประเทศ เข้าร่วมรับฟัง แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น

พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า หลังจากครม. มีมติเห็นชอบ การใช้กัญชาทางการแพทย์ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา และเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของ สนช. เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ที่เดิมมีกม.ที่เกี่ยวข้องอยู่ 7 ฉบับ ให้เหลือ 2 ฉบับ โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา กัญชา เป็นพืชเสพติด ผิดกม. มีทั้งประโยชน์และโทษ จึงต้องนำมาสู่การวิจัยตามกรอบความร่วมมือระหว่างสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) และศูนย์ประสานงานความร่วมมือด้านยาเสพติดอาเซียน กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ห้ามใช้ยาเสพติด หรือแม้แต่กัญชา เป็นสิ่งถูกกม.

สำหรับประเทศไทย ยังไม่ได้ศึกษาเชิงลึก ทั้งเรื่องปริมาณการใช้กัญชาเพื่อการผลิตยา ส่วนผสมในการผลิต และสถานที่ปลูก ทำให้ต้องสูญเสียโอกาสในการใช้ประโยชน์จากกัญชา เพราะยังติดเรื่องข้อกม. จึงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คือ

1. ทีมนักวิจัย ช่วยควบคุมการผลิตตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เช่น การควบคุมการปลูก การเลือกสายพันธุ์ และพื้นที่การปลูก การใช้ทางการแพทย์กับผู้ป่วย เป็นต้น

2. ทีมกฎหมาย ดูข้อกำหนดหลักเกณฑ์ทั้งในและต่างประเทศ

"ส่วนการจดสิทธิบัตรของบริษัทต่างประเทศกับกรมทรัพย์สินทางปัญญานั้น จะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาปรึกษาและหาข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ เพราะยืนยันว่า มีความจำเป็นต้องใช้ทางการแพทย์ นอกจากนี้ พบว่าหลายประเทศมีการนำกัญชามาผลิตยา เพื่อรักษาผู้ป่วย ทั้ง โรคมะเร็ง อัลไซเมอร์ ชักกะตุก และพาร์กินสัน จึงถือว่ามีความสำคัญทางการแพทย์"

ด้าน นายนิยม กล่าวว่า ยืนยันว่า ไม่มีการปลดล็อดกัญชาจากยาเสพติดประเภท 5 แน่นอน และไม่ยอมให้ยาเสพติดที่ผิดกม. กลายเป็นถูกกม. แต่จะปรับกม.ให้สามารถนำมาใช้ในทางการแพทย์ได้เท่านั้น ส่วนเรื่องการปลูกในระยะเวลา 3 ปี จะให้ภาครัฐเป็นผู้ดำเนินการก่อน เพื่อควบคุมได้ง่าย หลังจากนั้น จะต้องดูความจำเป็นว่าจะสามารถให้เกษตรกรทั่วไปปลูกได้หรือไม่ เพราะอาจจะเกิดปัญหาของพืชกัญชาผิดกม. ที่แอบลักลอบแทรกแซงเข้ามา

** ล่าชื่อปลดล็อกกัญชาพ้นบัญชียาเสพติด

ในวันเดียวกันนี้ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ม.รังสิต ในฐานะผู้ประสานงานแถลงการณ์เครือข่ายประชาสังคมกัญชาทางการแพทย์สำหรับประชาชน ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เชิญชวนดาวน์โหลดแบบฟอร์มร่วมลงลายมือชื่อ สนับสนุนให้มีการปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์เป็นการทั่วไป เพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคน เตรียมยื่นหนังสือถึงประธาน สนช. ในวันนี้ (22 พ.ย.) เวลา 13.00 น.

ทั้งนี้ เครือข่ายประชาสังคมกัญชาเพื่อการแพทย์สำหรับประชาชน ประกอบไปด้วย ม.รังสิต สภาการแพทย์แผนไทยมูลนิธิชีววิถี (BioThai) กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิสุขภาพไทย นักวิชาการด้านทรัพย์สินทางปัญญาและการเข้าถึงยา อดีต ส.ว. อดีต ขรก. ทหาร นักวิชาการ ได้มีการหารือกัน ที่ ม.รังสิต แล้วออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 16 พ.ย.61 เพื่อเรียกร้องต่อรัฐบาล และสนช. สรุปใจความดังนี้

1. หยุดการผูกขาดกัญชาโดยภาครัฐ เนื่องจากงานวิจัยสรุปว่า กัญชาเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ทางการแพทย์อย่างมหาศาล จึงขอให้ถอดกัญชา ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษทุกประเภท ให้มาเป็นพืชสมุนไพรควบคุม ให้ประชาชนและเอกชน ดำเนินการได้ในทุกธุรกรรม ที่เกี่ยวเนื่องกับกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ หรือส่งออกได้ และผู้ป่วยต้องมีสิทธิ์เพาะปลูก และนำมาใช้เพื่อดูแลตัวเองได้

2. ให้ยกเลิกคำขอของบริษัทยาต่างชาติที่ได้ยื่นคำขอ หรือมีการลงประกาศโฆษณา การจดสิทธิบัตรสารสกัดกัญชา การวินิจฉัย และการรักษาโรคที่จะนำไปใช้ในประเทศไทยทั้งหมด

3. หยุดอุปสรรคงานวิจัย หรือใช้งานวิจัยเป็นอุปสรรคการใช้กัญชา ให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ โดยดุลพินิจของแพทย์ และให้กัญชาในตำรับยาไทยทั้งหมด ซึ่งเคยนำมาใช้รักษาโรค ความเจ็บไข้ได้ป่วยของประชาชน มาตั้งแต่อดีตกาล สามารถนำมาใช้ได้ทันที ส่วนการวิจัยตำรับยาไทย ด้วยวิธีการเภสัชสมุนไพรยุคใหม่ จะต้องมีไว้เพื่อพัฒนาเท่านั้น ไม่ใช่นำมาเป็นข้ออ้างในการขัดขวางตำรับยาไทย

4. ให้แพทย์แผนไทย สามารถใช้กัญชาตามตำรับการแพทย์แผนไทยทั้งหมด อันเป็นตำรับยาที่มาจากภูมิปัญญา จากบูรพมหากษัตริย์ไทยที่พระราชทานแก่ราษฎรไทยทุกคน

โดยในวันศุกร์ที่ 23 พ.ย.นี้ สนช. จะมีการพิจารณา วาระที่ 1 ของร่างแก้ไขกม.ยาเสพติด เพื่อปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ ของ 44 สนช. ที่ได้เข้าชื่อเสนอ กม.ดังกล่าวก่อนหน้านี้

เครือข่ายฯ จึงได้ประสานกับ สนช. เพื่อนำส่งแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวนี้ สำเนาส่งต่อให้ สมาชิกสนช. ทุกคน ได้พิจารณาก่อนลงมติวาระที่ 1 รวมถึงส่งต่อให้คณะกมธ. ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวต่อไป โดยนัดหมายได้ในวันนี้ (22 พ.ย.) เวลา 13.30 -14.00 น. ณ อาคาร 1 รัฐสภา ในการนี้เครือข่ายฯ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน และองค์กรร่วมกันลงลายมือชื่อ เพื่อสนับสนุนแถลงการณ์ดังกล่าวด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น