พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึง การเตรียมออกพ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ ในวโรกาสมหามงคลว่า อยู่ในขั้นเตรียมการขอทราบนโยบาย ซึ่งในแต่ละครั้ง จะมีการเสนอให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษมากกว่าผู้พ้นโทษตามปกติ ประมาณ 5-6 พันราย แต่ขณะนี้ ยังไม่ชัดเจนว่า จะวางหลักเกณฑ์ผู้ที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษอย่างไร แต่ที่ผ่านมาจะครอบคลุมนักโทษชั้นกลางขึ้นไปให้เป็นผู้ได้รับประโยชน์ แต่บางครั้งก็จะเสนอตั้งแต่ชั้นดีขึ้นไป ทั้งนี้ การขอพระราชทานอภัยโทษมีหลายลักษณะ เช่น ชั้นเยี่ยม อาจได้ลดโทษถึง 1 ใน 3 ชั้นดีรองลงมา อาจได้ลดโทษ 1 ใน 4 หรือ 1 ใน 5 หรือ 1 ใน 6 ตามแต่กรรมการจะเห็นสมควร
สำหรับกรณีที่ นายนรวิทย์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาระบุว่ามีกรรมการ ป.ป.ช. บางคน เดินเข้า-ออกเรือนจำ เพื่อเข้าพบกับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่เป็น ผู้ต้องโทษคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ว่า การเข้าพบผู้ต้องขัง เป็นไปตามระเบียบทางราชการ ไม่สามารถเข้าออกโดยปกติได้ เพราะเขตเรือนจำเป็นสถานที่ราชการ ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือใครก็ตาม ที่ขอเข้าไปสอบปากคำ หรือพบผู้ต้องขัง ต้องเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายบุญทรง ได้ออกมารักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะมีข้อแลกเปลี่ยน เรื่องผู้บงการในคดีทุจริต ระบายข้าวแบบจีทูจี นั้น เห็นว่าเป็นการวิจารณ์ของสื่อมวลชน ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบราชการทุกประการ เพราะผู้ต้องขังเป็นเพื่อมนุษย์ และเพื่อนร่วมชาติ เมื่อเจ็บป่วยก็สมควรได้รับการรักษา แต่ถ้าข้างในเรือนจำไม่สามารถรักษาได้ ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญทำการรักษาอย่างดีที่สุด โดยในขณะนี้ นายบุญทรง ยังทำการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะสภาพของนายบุญทรง ไม่สามารถอยู่ในห้องควบคุมทั่วไป ที่มีผู้ต้องขัง 40-50 คน นอนกับพื้นได้ เนื่องจากเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท และยังไม่ทราบว่าจะออกจากโรงพยาบาล เพื่อกลับเข้าสู่เรือนจำได้เมื่อไร เพราะตนไม่ใช่แพทย์ ซึ่งก็คงต้องรักษากันไปตามอาการ
"ผมมีความเป็นห่วงในเรื่องตัวเลข ที่แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตกว่า 1,000 ราย ในเรือนจำ ซึ่งอยากลดความสูญเสียเหล่านี้ ให้เข้าถึงการรักษาพยาบาล และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อให้คนเหล่านี้ออกไปอยู่ร่วมกันคนในสังคมอย่างมีคุณภาพ"อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว
สำหรับกรณีที่ นายนรวิทย์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาระบุว่ามีกรรมการ ป.ป.ช. บางคน เดินเข้า-ออกเรือนจำ เพื่อเข้าพบกับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่เป็น ผู้ต้องโทษคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ว่า การเข้าพบผู้ต้องขัง เป็นไปตามระเบียบทางราชการ ไม่สามารถเข้าออกโดยปกติได้ เพราะเขตเรือนจำเป็นสถานที่ราชการ ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือใครก็ตาม ที่ขอเข้าไปสอบปากคำ หรือพบผู้ต้องขัง ต้องเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายบุญทรง ได้ออกมารักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะมีข้อแลกเปลี่ยน เรื่องผู้บงการในคดีทุจริต ระบายข้าวแบบจีทูจี นั้น เห็นว่าเป็นการวิจารณ์ของสื่อมวลชน ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบราชการทุกประการ เพราะผู้ต้องขังเป็นเพื่อมนุษย์ และเพื่อนร่วมชาติ เมื่อเจ็บป่วยก็สมควรได้รับการรักษา แต่ถ้าข้างในเรือนจำไม่สามารถรักษาได้ ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญทำการรักษาอย่างดีที่สุด โดยในขณะนี้ นายบุญทรง ยังทำการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะสภาพของนายบุญทรง ไม่สามารถอยู่ในห้องควบคุมทั่วไป ที่มีผู้ต้องขัง 40-50 คน นอนกับพื้นได้ เนื่องจากเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท และยังไม่ทราบว่าจะออกจากโรงพยาบาล เพื่อกลับเข้าสู่เรือนจำได้เมื่อไร เพราะตนไม่ใช่แพทย์ ซึ่งก็คงต้องรักษากันไปตามอาการ
"ผมมีความเป็นห่วงในเรื่องตัวเลข ที่แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตกว่า 1,000 ราย ในเรือนจำ ซึ่งอยากลดความสูญเสียเหล่านี้ ให้เข้าถึงการรักษาพยาบาล และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อให้คนเหล่านี้ออกไปอยู่ร่วมกันคนในสังคมอย่างมีคุณภาพ"อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว