xs
xsm
sm
md
lg

แนวรบตะวันออกกลางกำลังเปลี่ยนแปลง

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


หายหน้าไป 1 วัน...ด้วยเหตุเพราะ “วัย” และ “สังขาร” ช่วงนี้ไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการร่อนไป-ร่อนมาสักเท่าไหร่ แต่ก็เอาเถอะ เมื่อพอได้พักฟื้น พอมีเรี่ยวแรง มีกำลังวังชากลับคืนขึ้นมามั่ง วันนี้...เลยขออนุญาตเชิญชวนให้ลองร่อนไปแถวๆ “แนวรบตะวันออกกลาง” กันดูอีกเที่ยว เพราะช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ระหว่างคุณน้าอิสราเอลกับคุณน้องปาเลสไตน์ เห็นว่าเขาถล่มใส่กันและกันชนิดแทบเละกันไปข้าง...

คือถึงแม้ว่าการใส่กันไป-กันมาระหว่าง “อิสราเอล” กับ “ปาเลสไตน์” นั้น...จะถือเป็นเรื่อง “ปกติธรรมดาที่ไม่ปกติ” มานานแล้ว ต้องรบ ต้องปะทะ ต้องขัดแย้งแตกหักกันมาโดยตลอด นับแต่ประเทศอิสราเอลได้ถูกก่อร่างสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ท่ามกลางคราบเลือด คราบน้ำตาของชาวปาเลสไตน์นับล้านๆ ที่ต้องกลายเป็นผู้อพยพ ผู้ลี้ภัยจากดินแดนดั้งเดิมของตัวเอง กระจัดกระจายไปที่โน่นบ้าง ที่นี่บ้าง รวมทั้งที่ยังพอปักหลักอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า “เขตฉนวนกาซา” และเพียรพยายามที่จะยกระดับพื้นที่ที่หลงเหลืออยู่แค่ระดับ “แมวดิ้นตาย” ให้กลายเป็น “ประเทศปาเลสไตน์” แบบเคียงบ่า เคียงไหล่ เท่าเทียมกับประเทศอิสราเอลผู้ซึ่งเข้ามายึดครอง ครอบครองดินแดนดั้งเดิมของตัวเองได้บ้าง...

โอกาสที่มันจะเกิด “สันติภาพ” ระหว่าง “ผู้ครอบครอง” กับ “ผู้ที่ถูกครอบครอง” มันจึงแทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย ตราบใดที่ “ความเป็นชาติ” มันยังเป็นอะไรที่สูงส่ง หรือยังอยู่เหนือไปกว่า “ความเป็นเพื่อนมนุษย์” “เพื่อนร่วมโลก” หรือ “เพื่อนผู้ร่วมวัฏสังสาร” ด้วยกันทั้งหลาย การปะทะ ขัดแย้ง ฆ่ากันตาย ยิงกันตาย ไม่ว่าตั้งแต่ด้วยกระสุน ระเบิด จรวด ไปยันถึง “ก้อนหิน” จึงกลายเป็นเรื่อง “ปกติธรรมดาที่ไม่ปกติ” มาโดยตลอด สำหรับแนวรบในพื้นที่บริเวณนี้ แต่สำหรับครั้งนี้...ต้องถือว่ามีอะไรที่ “พิเศษ” หรือที่น่าจับตา น่าสังเกตมิใช่น้อย เพราะถือเป็นการใส่กันแบบดุเดือดเลือดพล่านพอสมควร นับตั้งแต่ครั้ง “สงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์” เคยอุบัติขึ้นมาเมื่อช่วง 4 ปีที่แล้ว หรือช่วงปี ค.ศ. 2014 ที่ผ่านมา...

อันที่จริง...สัญญาณของการต้อง “ใส่” ต้องเปิดศึกกันในคราวนี้ น่าจะเริ่มมาตั้งแต่ช่วงปลายๆ เดือนตุลาฯ มาแล้วก็ว่าได้ คือตั้งแต่รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล “นายอวิกดอร์ ลีเบอร์แมน” (Avigdor Lieberman) ออกอาการอดรนทนไม่ได้ ต่อกรณีที่จรวดของพวก “ขบวนการฮามาส” (Hamas) ในปาเลสไตน์ โผล่เข้ามาตกใส่ดินแดนยึดครองของอิสราเอลลูกแล้ว ลูกเล่า จนต้องออกมาป่าวประกาศว่า “สำหรับพวกปาเลสไตน์นั้น มีแต่ต้องอาศัย...สงคราม...เท่านั้น” ถึงจะนำมาซึ่ง “สันติภาพ” ตามแบบฉบับที่อิสราเอลต้องการได้จริงๆ นับจากนั้นเป็นต้นมา การส่งรถถังยานเกราะกว่าครึ่งร้อย เข้าไปตึงพรมแดนระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์จึงเริ่มต้นขึ้น จนนำไปสู่การบุกข้ามพรมแดนปาเลสไตน์ เข้าไปล่าสังหารผู้นำระดับผู้บัญชาการของขบวนการฮามาส เด๊ดสะมอเร่ อิน เดอะ เท่งทึง ไปพร้อมๆ กับสมาชิกขบวนการอีก 6 ราย ในช่วงวันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา...

จากนั้น...ทุกสิ่งทุกอย่างเลยต้องระเบิดเถิดเทิงขึ้นมาจนได้ เมื่อขบวนการฮามาสภายใต้การบัญชาของกองกำลัง “Ezzedine al-Qassam Brigades” ตัดสินใจแก้แค้น เอาคืน ด้วยการระดมยิงจรวดไม่ต่ำกว่า 400 ลูก เข้าใส่พื้นที่ต่างๆ ในอิสราเอล ในวันรุ่งขึ้นส่งผลให้กองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ “IDF” (Israel Defense Forces) ต้องหันมาตอบโต้แบบชนิดจัดหนัก จัดเต็ม ส่งเครื่องบินโจมตี ทิ้งระเบิดออกไปถล่มพื้นที่ต่างๆ ในเขตฉนวนกาซาไม่ต่ำกว่า 150 จุด ไฟนรกสุดขอบฟ้าก็เลยลุกโพลงอย่างที่เห็นๆ จากภาพข่าวซึ่งได้รับการเผยแพร่ โดยสำนักข่าวต่างประเทศแต่ละสำนัก อย่างที่เราๆ-ทั่นๆ ก็คงพอรับรู้ไปบ้างแล้ว...

แต่ที่น่าสนใจ น่าจับตาสังเกตอยู่ไม่น้อย...ก็คือภายใต้การใส่กันไป-ใส่กันมา ของกองกำลังอิสราเอลและปาเลสไตน์เที่ยวนี้ อาจถือเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงความมีฤทธิ์ มีเดชของ “ขบวนการฮามาส” ว่าชักจะเป็นอะไรที่ “เอาเรื่อง” ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ คือไม่ใช่แค่ต้องอาศัย “ก้อนหิน” ขว้างใส่ทหารอิสราเอล ตามแบบเดิมๆ อย่างที่เคยเกิดการปะทะ ขัดแย้ง แถวๆ แนวพรมแดนอีกต่อไปแล้ว เพราะในจำนวนจรวด 400 ลูกที่ถูกระดมยิงเข้าใส่พื้นที่ต่างๆ ในอิสราเอลคราวนี้ ว่ากันว่า...กองทัพอิสราเอลสามารถสกัดกั้นได้เพียงแค่ประมาณ 100 ลูกเท่านั้น ส่วนที่เหลือๆ จึงย่อมต้องสร้างความเจ็บ ความปวดให้กับประเทศอิสราเอลและชาวอิสราเอลได้เป็นจำนวนไม่น้อย...

หรืออย่างที่ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลาง อย่าง “นายAbdel Bari Atwan” หัวหน้ากองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ “Rai al-Youm” ได้ตั้งข้อสังเกตไว้นั่นแหละว่า การปะทะระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ในคราวนี้ สะท้อนให้เห็นว่า “ขบวนการฮามาส” นั้น ยังมีฤทธิ์ มีเดช ระดับสามารถ “เปลี่ยนสมการทางการเมือง” ในพื้นที่เหล่านี้ได้เสมอๆ หรือมีศักยภาพพอที่จะทำให้รัฐบาลอิสราเอล มิอาจปฏิเสธถึง “ความเป็นรัฐ” หรือ “ความเป็นประเทศ” ของชาวปาเลสไตน์ได้เลย ไม่ว่าขบวนการที่ว่านี้จะได้รับการสนับสนุน ความช่วยเหลือจากใครต่อใครก็ตาม...

ความพยายามตัดมือ ตัดตีนขบวนการเหล่านี้...ไม่ว่า “ฮามาส” ในปาเลสไตน์ หรือ “เฮซบอลเลาะห์” (Hezbollah) ในเลบานอน ให้กลายสภาพเป็นแค่ “ขบวนการผู้ก่อการร้าย” กระจอกๆ ด้วยการหันไปเล่นงานผู้ที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังขบวนการดังกล่าว โดยเฉพาะการสนับสนุนอาวุธร้ายแรงประเภทจรวดชนิดต่างๆ นั่นคือประเทศอิหร่าน จึงถือเป็น “เป้าหมายทางยุทธศาสตร์” ของอิสราเอลมาโดยตลอดก็ว่าได้ การโจมตีกองกำลังอิหร่านในพื้นที่ประเทศซีเรีย เพื่อหาทางตัดขาดเส้นทางการส่งมอบอาวุธให้กับบรรดาขบวนการดังกล่าว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จึงเกิดขึ้นไม่น้อยไปกว่า 200 ครั้ง แต่ถึงกระนั้น...ก็ยังไม่อาจส่งผลให้ “ขบวนการฮามาส” สามารถงัดเอาบ้องข้าวหลามแต่ละประเภท มาถล่มใส่ดินแดนอิสราเอล แบบชนิดอิ่มจนจุก อย่างเช่นการปะทะคราวนี้ กันอีกจนได้...

ที่หนักไปกว่านั้นก็คือ...นับตั้งแต่พันธมิตรของซีเรีย อย่างรัสเซีย ได้ตัดสินใจส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 ให้กับกองทัพซีเรียตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา ที่ไม่ใช่ S-300 ธรรมดาๆ แต่เป็น S-300 ระดับ “S-300PM-2” ชนิดรุ่นใหม่ล่าสุดอีกต่างหาก ที่ว่ากันว่าสามารถรับมือกับเครื่องบินโจมตีที่ทันสมัยที่สุดได้ทุกชนิด สามารถสกัดกั้นจรวดพิสัยกลางในรัศมี 155 ไมล์ ไปจนการทำลายระบบป้องกันอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ฯลฯ การโจมตีกองกำลังอิหร่านในซีเรียของกองทัพอิสราเอล เลยต้องหยุดชะงัก ปิดฉากลงไปนับตั้งแต่บัดนั้น เครื่องบินโจมตีของอิสราเอลในแต่ละลำ ไม่ว่ารุ่นไหนต่อรุ่นไหน เมื่อบินไปถึงน่านฟ้าเลบานอน มีอันต้องหันหัวกลับไปในทุกๆ ครั้ง และนั่นเอง...ที่น่าจะทำให้บรรดา “ขบวนการผู้ก่อการร้ายกระจอกๆ” ซึ่งอยู่รายรอบประเทศอิสราเอล ยิ่งมีฤทธิ์ มีเดช เพิ่มขึ้นไปอีกยิ่งขึ้นเท่านั้น ศึก “อิสราเอล-ปาเลสไตน์” เที่ยวนี้...จึงอาจถือเป็นตัวส่งสัญญาณให้เห็นว่า “แนวรบตะวันออกกลาง” เริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้างแล้ว ไม่มาก-ก็น้อย ถึงขั้นที่เอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ประจำซีเรีย “นายเจมส์ เจฟฟรีย์” (James Jeffry) ต้องออกมาขอร้อง วิงวอนกองทัพรัสเซีย เมื่อช่วงวันพุธที่ 7 พฤศจิกายนนี่เองว่า “วอชิงตันหวังว่า...รัสเซียจะอนุญาตให้กองทัพอิสราเอลสามารถโจมตีกองกำลังอิหร่านในซีเรีย หลังจากที่รัสเซียได้ส่งมอบระบบป้องกัน S-300 ให้กับซีเรียเรียบร้อยแล้ว” พูดง่ายๆ ว่า...ถ้าไม่หมดทางออก ทางไปเอาจริงๆ พันธมิตรร่วมเป็น-ร่วมตายของอิสราเอลอย่าคุณพ่ออเมริกา คงไม่ถึงกับต้องเสียเวลามาขออนุญาตตามไปกระทืบผู้อื่น กันดื้อๆ เช่นนี้ได้เลย...
กำลังโหลดความคิดเห็น