การเมืองสหรัฐฯ ก็มีแค้นฝังหุ่น...

การเมืองเป็นเรื่องของการจัดการงานต่อรองผลประโยชน์ของแต่ละกลุ่มให้ลงตัว โดยฝ่ายหลักคือรัฐบาลกับฝ่ายค้าน จะต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ แม้จะต้องหักล้างกันด้วยวิธีต่างๆ เพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐ จะเอาให้ถึงตายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับระบบ ธรรมเนียมปฏิบัติ

การเมืองสหรัฐฯ มีความพลิกผันเมื่อพรรคเดโมแครตได้เสียงข้างมากในสภาล่างของคองเกรส ขณะที่พรรครีพับลิกันได้คุมเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาดในวุฒิสภา ทำให้ทรัมป์คุยโม้ได้ว่าเป็นผลงาน โดยไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกชิงเก้าอี้ในสภาล่าง

การเมืองสหรัฐฯ ก็มีแค้นฝังหุ่นในระดับหนึ่ง ลามมาตั้งแต่ศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีซึ่งทรัมป์พลิกล็อก เอาชนะนางฮิลลารี คลินตัน ซึ่งถูกมองว่าเต็งหาม สุดท้ายก็ได้นอนมาโดยมีบาทหลวงนำสวด ทำให้เดโมแครตสุดแค้นแบบทำใจยาก

เมื่อมีโอกาสได้เอาคืน ชัยชนะกุมเสียงในสภาล่างของคองเกรส ฝ่ายเดโมแครตก็หมายมั่นปั้นมือว่าขอ “เอาคืน” และทำให้ทรัมป์มีชีวิตลำบากกว่าเดิม แทนที่จะเป็นเสือติดปีก พ่นไฟได้ กลายเป็นเสือเหลือปีกเดียว เป็นจุดล่อเป้าให้เดโมแครต

เรื่องอะไรก็ตามที่ทรัมป์มีปัญหาด้านกฎหมาย เดโมแครตไม่รามือแน่ เมื่อได้คุมเก้าอี้ประธานกรรมาธิการต่างๆ เพื่อตรวจสอบรัฐบาลทรัมป์ทุกมิติ ทุกเม็ด อะไรที่ซ่อนอยู่ใต้ก้อนหิน จะต้องงัดขึ้นมา มีไม้เด็ดคืออำนาจในการถอดถอนทรัมป์

แต่ก็ไม่ง่าย ทรัมป์พยายามแก้เกมด้วยการตัดตอน สกัดกั้นโอกาสของเดโมแครต ไล่รัฐมนตรียุติธรรม นายเจฟฟ์ เซสชั่นส์ ออกจากตำแหน่ง หลังจากร่ำๆ จะทำหลายเดือนแล้ว เพราะไม่พอใจที่ไม่ช่วยทรัมป์ในกรณีที่โดนกระบวนการสอบสวน

แล้วก็เสนอชื่อนายแมทธิว วิทเทเกอร์ ซึ่งเห็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของเซสชั่นส์ นั่นแหละมาแทน เพราะรู้จังหวะทุกก้าวย่างในกระทรวง และคนมาใหม่นี่แหละที่คาดว่าจะจัดการปลด โรเบิร์ต มุลเลอร์ออกจากผู้สอบสวนเรื่องฉาวของทรัมป์

ทุกวันนี้ ทรัมป์ได้พยายามหาเรื่องให้ตัดงบการทำงานของมุลเลอร์ ทำให้ลำบากในการเดินเรื่องต่างๆ แต่จะกล้าปลดหรือไม่นั้นต้องรอดูจังหวะ เพราะพรรคเดโมแครตได้ประกาศว่าจะปกป้องมุลเลอร์เพื่อให้การสอบสวนน่าเชื่อถือ เที่ยงธรรม

การได้เสียงข้างมากในวุฒิสภาทำให้ทรัมป์ได้เปรียบในการผ่านกระบวนการตรวจสอบยืนยันเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารที่จะแต่งตั้ง และยังเริ่มขู่ฟ่อๆ ว่าถ้าเดโมแครตจะตามจิกกัดไม่เลิก ก็จะให้กระบวนการวุฒิสภาเล่นงานเอาคืนได้เช่นกัน

จังหวะจากนี้ไป ทั้ง 2 ฝ่ายจะคุมเชิงหาช่องทางเล่นงานฝ่ายตรงข้าม โดยทรัมป์เป็นเป้าหลัก นโยบายต่างๆ ที่เคยผ่านฉลุยก็จะโดนตรวจสอบ สกัด เตะตัดขาตามสไตล์การเมือง เพื่อช่วงชิงจังหวะ ความได้เปรียบสำหรับเลือกตั้งในปี 2020

ผลงานของทรัมป์จากนี้ไป โดยมีเดโมแครตเป็นอุปสรรค ทำให้ต้องพิสูจน์ศาสตร์และศิลป์ในการเอาตัวรอด เพื่อหาทางอยู่ให้ได้ในสมัยที่ 2 ถ้าไม่เสียท่าจนแก้ไขไม่ได้ เพราะนโยบายของทรัมป์หลายอย่างมุ่งสร้างศัตรู ไม่จริงใจต่อมิตร

นั่นเป็นเพราะนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” แต่ยุคนี้ “ทรัมป์มาก่อน” ทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของทรัมป์ และทรัมป์มองว่านั่นแหละคือหนทางอยู่รอดของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายกีดกัน คว่ำบาตรด้านการค้า การขายอาวุธ หนุนสงคราม

การเมืองระหว่าง 2 พรรค ก็จะเดินหน้าต่อไป ปัญหาส่วนตัวของทรัมป์ คนในครอบครัว พวกพ้องจะเป็นบ่วงล่ามขาทำอะไรไม่สะดวก ทำให้เกิดภาพลักษณ์ด้านลบในสื่อกระแสหลัก และทรัมป์ต้องยกระดับการเป็นศัตรูกับสื่อทุกจังหวะก้าวย่าง

ทรัมป์ยังตำหนิคนของรีพับลิกันที่พ่ายแพ้ศึกเลือกตั้ง คั่งแค้นประธานสภาคองเกรส พอล ไรอัน ซึ่งประกาศอำลาการเมือง ทรัมป์มองว่าการถอยของไรอันได้ทำให้พลังของพรรครีพับลิกันอ่อนลง แต่ไม่ยอมโทษตัวเองว่าเป็นต้นตอความเสื่อม

การพูดจาถากถางเสียดสีคนในพรรคเดียวกัน ทำให้คนรีพับลิกันเดือดแค้น เพราะตัวทรัมป์เองที่ทำให้เสียเก้าอี้ในรัฐที่เคยเป็นฐานเสียงแต่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกีดกันด้านการค้าโดยเฉพาะกับจีน รัสเซีย อิหร่าน และประเทศอื่นๆ
ล่าสุด ไปเอาบัตรเข้าไปทำข่าวในทำเนียบขาวของผู้สื่อข่าวหลักของซีเอ็นเอ็นประจำที่นั่น นายจิม อาคอสตา หลังจากต่อปากต่อคำกับทรัมป์ช่วงการแถลงข่าวนโยบายสกัดกั้นผู้อพยพและผู้ลี้ภัยจากละตินอเมริกา ทำให้เพิ่มความเป็นปฏิปักษ์

สิ่งที่ทรัมป์ห่วงคือการตรวจสอบการเสียภาษีเงินได้ของตัวเองโดยคณะกรรมาธิการคุมโดยเดโมแครต ซึ่งมีอำนาจเรียกเอาเอกสารต่างๆ เรียกตัวมาให้ปากคำ เพราะมีหลักฐานว่าตัวทรัมป์และลูกเขย จาเร็ด คุชเนอร์ไม่เสียภาษีเงินได้เลย

อาศัยช่องโหว่ด้านกฎหมายและช่องทางในการไม่ต้องรับภาษีด้านเสียภาษี นอกจากนั้นลูกชายคนโต ดอน ทรัมป์ จูเนียร์ ก็ประกาศหย่ากับภริยา อยู่กินกันมา 12 ปี มีลูกด้วยกัน 5 คน ด้วยเหตุผลที่มีความแตกต่างจนไม่สามารถประสานกันได้

ดอน ทรัมป์ อาจมุ่งเล่นการเมือง ทุกวันนี้ก็โดนการเมืองเล่นงานเพราะโดนสอบสวนในเรื่องของบิดา และประกาศว่าพร้อมจะติดคุก ถ้ามีข้อพิสูจน์ด้วยว่าตนเองได้กระทำผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาคนของทรัมป์โดนเล่นงานถึงขั้นมีคดีต้องติดคุกแล้ว

นอกจากนั้นลูกสาว อิวองกา ทรัมป์ ภริยาของจาเร็ด ก็ต้องยกเลิกการผลิตและจำหน่ายเครื่องแต่งกายซึ่งเคยขายดีช่วงหนึ่งหลังจากทรัมป์ได้เป็นผู้นำทำเนียบขาว ห้างดังเช่น นอร์ดสตอรม ถอดสินค้าของอิวองกา ด้วยเหตุผลว่ายอดขายไม่ดี

ตัวอิวองกาเองก็อธิบายว่าไม่ต้องการให้ธุรกิจของตนเองสร้างปัญหาการเมืองเพราะอิวองกาเองก็เป็นที่ปรึกษาของทรัมป์ เข้าสู่ชั้นความลับได้ระดับหนึ่ง ทั้งถูกมองว่ามีแผนที่จะเล่นการเมืองแบบเต็มตัว ถ้ายังมีโอกาสและทรัมป์ไม่เสียเก้าอี้เสียก่อน