xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**บริษัท ทักษิณ จำกัด!! ตามโผเป๊ะ “เพื่อไทย”ให้ “วิโรจน์”หน.พรรค “หญิงหน่อย”ประธานยุทธศาสตร์ ดูภาพรวม มีอำนาจเหนือกก.บห. อีกที สะพัด “2เจ๊”ส่งสัญญาณเบรกเสนอชื่อแข่ง หวั่นภาพพรรคแตกแยก ทั้งที่แตกหน่อ“เพื่อธรรม-เพื่อชาติ-ไทยรักษาชาติ”ไว้รอแล้ว “โอ๊ค”โวย “สื่อ”ตีข่าวให้เป็นรองหัวหน้าพรรคฯ“ถามกูหรือยัง?”

โผไม่มีพลิก .. ประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย เลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ ผลที่ออกเป็นไปตาม“กระแสข่าว”ก่อนหน้านี้แทบทุกเม็ด .. ทั้งการขึ้นกระเถิบจาก“หัวหน้ารักษาการ”ขึ้นเป็น “หัวหน้าตัวจริง”ของ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ อย่างไร้คู่แข่ง .. ตลอดจนกรรมการบริหารพรรค ที่ตั้งขึ้นมา 15 คน ก็แล้วแต่หน้าเดิมๆ ราวกับมี “ใบสั่ง”ล็อกไว้เสร็จสรรพ .. ต่างจากคำโฆษณา ที่ตีร้องฆ้องป่าวว่า พรรคนี้มีผู้มีความรู้ความสามารถ มากมาย ไม่ยักมีการแข่งขันขับเคี่ยว ที่ดูจะผิดธรรมชาติไม่น้อย .. จนไม่รู้ว่า นักข่าวเช็กข้อมูลเก่ง หรือเป็นไปตามโผ จริงๆ สอดรับกับข่าวที่ว่า “คนแดนไกล”เคาะไว้ล่วงหน้า สมฉายา“บริษัท ทักษิณ จำกัด”..การชู “วิโรจน์”ขึ้นนำพรรคเพื่อไทยเต็มก้น โดยมี “เสี่ยอ้วน”ภูมิธรรม เวชชยชัย อยู่ประคอง เป็นเลขาธิการพรรค ก็เสมือน “ทำเป็นพิธี”พอให้เป็นไปตามระเบียบของ กกต.เท่านั้น .. ด้วย“ละไว้ในฐานที่เข้าใจ”ว่า อำนาจการขับเคลื่อนพรรค ตกไปอยู่ในมือ “เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ต่างหาก ..
ที่ทุกคนทำตามระเบียบเป๊ะ ด้วยมีเสียงกำชับมาจาก “2 เจ๊”คือ “เจ๊แดง”เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และ“เจ๊อ้อ”คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร .. บล๊อคไม่ให้มีการเสนอชื่อตัวบุคคลแข่งกับ“วิโรจน์”ไม่ต้องการให้เกิดภาพความแตกแยกในพรรค .. ที่ขณะนี้ กระแสข่าวรุนแรงว่า เตรียมสลายตัวไปสิงสู่กันที่พรรคอื่น หนีปม“ยุบพรรค”..ที่ตอนนี้มีแล้วอย่างน้อยๆ 2 ขา คือหนึ่ง “กลุ่มวงศ์สวัสดิ์”ที่ไปทำ“พรรคเพื่อธรรม”เมื่อวาน ก็ยังไร้เงา สมชาย วงศ์สวัสดิ์ สามีเจ๊แดง .. อีกหนึ่ง“กลุ่มเสื้อแดง”ในปีกของ “ตุ๊ดตู่”จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ไปทำ “พรรคเพื่อชาติ”ก็หายหน้าหายตาไปนับสิบคน .. กระทั่ง “พรรคไทยรักษาชาติ”หรือ “ทษช.”ที่ขณะนี้ยังตีปิ๊บปั่นกระแสไม่เลิก ถึงขนาดมีชื่อ “นายโอ๊ค”พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย บิ๊กบอส ไปเป็นรองหัวหน้าพรรคฯ ซะด้วย .. ขำหน่อยๆ ก็ตรงที่ “ลูกโอ๊ค”ไม่รับมุกด้วย บ่นกับคนใกล้ตัว ..."ให้เป็นตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ มาถามกูแล้วหรือยัง"

**อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้ !! ปล่อยไปเถอะ“ประเทศกูมี”แค่กระแสมา เดี๋ยวก็ไป ต้องเบรก“ลิ่วล้อ”ที่หวังเอาใจนาย เปิดช่องให้ “ฝ่ายตรงข้าม”ต่อล้อต่อเถียง เอามาเป็นเรื่องชวนหัว กวนใจ “รัฐบาล คสช.”ไม่เลิก งวดเข้าเลือกตั้งเท่าไร ก็ยิ่งหมดเวลา ไปเอาเรื่อง “ขี้ประติ๋ว”มากวนใจตัวเอง ต้องมองแต่ “ภาพกว้าง-ภาพรวม”เป็นหลัก

โก โซ บิ๊ก ไปกันใหญ่ .. เพลงฮิตชั่วโมงนี้ “ประเทศกูมี”ของกลุ่มใต้ดิน RAP AGAINST DICTATORSHIPจากที่ครื้นเครงกันในวงแคบๆ ทะยานจาก 8 แสนวิว ทะลุ 12 ล้านวิวในชั่วข้ามคืน พร้อมยึดหัวไม้ นสพ.แทบทุกฉบับ .. เป็นคุณูปการของ “บิ๊กปู”พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. คนดังโดยแท้ ที่พอโดดลงมาจับ ก็เป็นเรื่องขึ้นมาทันที .. ทั้งที่ควรตีค่าไม่ต่างจาก“เพลงเพื่อชีวิต”ในอดีต ที่เป็น “กระแส”เวลาผ่านไปก็กลายเป็นเพลงฮิต ในยามมีงานสังสรรค์ อยู่ในลิสต์คาราโอเกะ ก็แค่นั้น .. แต่กลับถูกนำขึ้นมาเป็น “ประเด็น”ถกเถียงไปมา 2 ฝัก 3 ฝ่าย มีทั้งสนับสนุน ทั้งคัดค้าน หรือเฉยๆ .. แล้วพอทางตำรวจเอา“ข้อหา”ยัดเข้าในลักษณะ “เหนือกฎหมาย”ก็ยิ่งทำให้ความหมายของเพลงเด่นชัดขึ้นโดยตัว .. แล้วมันจะยิ่งไปกันใหญ่ เมื่อคิวของ “บิ๊กโจ๊ก”พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. ในฐานะรอง ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ชี้ขาดไปแล้วว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องถือว่า ทำผิดอยู่แล้ว .. ตีกรอบ 3 กลุ่ม 1. คนอัปโหลด 2. ผู้ที่ทำ-แต่งเพลง และ 3. คนกดไลค์-กดแชร์ .. กลุ่มสุดท้ายน่าเป็นห่วง เพราะถ้าเอาตัวเลข “12 ล้านวิว”เป็นตัวตั้ง ไม่รู้ว่าจะมีคนเกี่ยวข้องด้วยขนาดไหน ..
ดูเหมือน “ผู้มีอำนาจ”ควรทบทวนการจัดการสถานการณ์ “ประเทศกูมี”เสียใหม่ ตัดจบให้กระแสซาให้ไว .. ดั่งคำที่บางคนว่า“อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้ ” ตีค่าแค่เป็น“กลุ่มวัยรุ่น”ที่ต้องการเอามัน สร้างกระแส ใช้คำหยาบ เสียดสีการทำงานของรัฐบาลเท่านั้น .. นึกซะว่า ในเนื้อหาที่ว่า“ตรงไป-ตรงมา”นั้นก็หลายท่อนหลายตอน ที่ “สะท้อนสังคม” มันย้อนกลับไปในยุค“รัฐบาลเผด็จการรัฐสภา”เช่นกัน .. เพราะยิ่งไปเอาล่อเอาเถิดด้วย ก็เท่ากับเปิดช่องให้ “ฝ่ายตรงข้าม”ต่อล้อต่อเถียง เอามาเป็นเรื่องชวนหัว กวนใจ “รัฐบาล คสช.”ไม่เลิก .. หรือกลายเป็นประเด็นที่ “ลิ่วล้อ”อยาก“เอาใจนาย” จนไม่นึกถึงผลสะท้อนที่ตีกลับมาถึงรัฐบาล .. ยิ่งงวดเข้าใกล้เลือกตั้งเท่าไร ก็ยิ่งหมดเวลาไปเอาเรื่อง“ขี้ประติ๋ว”มากวนใจตัวเอง ต้องมองแต่“ภาพกว้าง-ภาพรวม”เป็นหลัก .. ที่น่าเป็นห่วงจริงๆ ควรไปดูกระแสความนิยม ที่แท้จริงมากกว่า ว่าต้องแก้ไข-แก้เกมอย่างไร .. ขนาด “นิด้าโพล”ที่ “คนในรัฐบาล”กดปุ่มได้ ยังผลออกมาในทาง “ลบ”มีเกิน 50% ไม่สนับสนุน “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำงานการเมืองต่อ หลังเลือกตั้ง .. โพลกดปุ่ม ผลยังขนาดนี้ แล้วกระแสจริงๆ จะไปไกลขนาดไหน

**คนท่าเรือร้องยี้!! "ปฎิมา-กมลศักดิ์" สองตัวเต็ง ผอ.กทท.คนใหม่ คนหนึ่งโดน ม.44 สั่งปลด อีกคนเป็น “คนใน-ลูกหม้อ” รู้มือดีว่าชั้นไม่ถึง-ข้อร้องเรียนเพียบ แล้วยังมีเรื่อง “สามี-ภรรยา” ส่อ Conflict of interest “คนท่าเรือ” ห่วงเลือกคนใหม่ไม่ดี บิ๊กโปรเจ็คต์หลายแสนล้านีหวังพัง แถมยังกระทบ EEC ผลงานโบว์แดงของรัฐบาลด้วย

เป็นเรื่องแน่ๆ .. เรื่องการสรรหาคนที่จะมานั่ง “ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย” ที่ตำแหน่งว่าง และยืดเยื้อกันมานาน หาก “บอร์ด” จะเลือก “2 ตัวเลือก” ที่มีอยู่ ณ ขณะนี้ “คนท่าเรือ” ทั้งมวลต่างร้องยี้ .. สองคนที่ว่า หนึ่งเป็น “คนนอก-มาแรง” คือ ปฎิมา จีระแพทย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) .. สองเป็น “คนใน-ลูกหม้อ” การท่าเรือเอง ร.ท.กมลศักดิ์ พรหมประยูร รองผู้อำนวยการ กทท. สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ .. ที่ทำให้ให้ยุ่ง ก็คนหนึ่ง “ปฎิมา” มี “แผลฉกรรจ์” จากที่เคยถูก คสช. มีคำสั่ง 98/2557 ลงวันที่ 21ก.ค.2557 ปลดออกจากตำแหน่ง ผอ.สสว. .. จากคำสั่งดังกล่าว ทำให้หลายคนมองว่าเกิดจากการทำงานที่ผิดพลาด หรือมีความผิดในการทำงานที่ สสว. หรือไม่ เพราะหากไม่มีความผิด ทำไม คสช. ถึงมีคำสั่งให้ออกจากตำแหน่ง ..
ส่วน “ร.ท.กมลศักดิ์” คนท่าเรือรู้จักดี ยิ่งส่ายหัวรัวๆ ถึงกับออกแถลงการณ์ร่อนกันภายในเมื่อไม่กี่วันนี้ ถึงความไม่เหมาะสมกับตำแหน่งใหญ่ของเขา .. ในเนื้อความแถลงการณ์ สหภาพแรงงานพนักงานการท่าเรือ บอกว่า "กมลศักดิ์”ไม่มีความสามารถ และผลงานที่จะประจักษ์ชัดในการทำงานกับบอร์ด ไม่ประสบความสำเร็จในการ drive EEC ทำแหลมฉบัง phase III และ PCS port community system ได้ดีเท่าที่ควรจะเป็น เราควรมองภาพใหญ่กัน ที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาล ไม่ใช่แค่คนภายใน หรือภายนอก .. ถ้า “กมลศักดิ์” ขึ้น คนทำงานดีๆ ต้องหมดกำลังใจแน่นอน ต้องยืนยันและตรวจสอบให้ดี ด้วย “ท่านรองฯ” มีข้อร้องเรียนเยอะ ขณะปฏิบัติงานอยู่ในฐานะ รอง อทร. เรื่องของการบริหารทรัพยสิน เป็นคนคุมพื้นที่ให้เช่า นอกเขตศุลกากร แต่ไม่เคยขึ้นค่าเช่า มาเป็น 10 ปี .. จนคณะกรรมการต้องตั้ง อนุกรรมการทรัพย์สินมาลุย ถึงได้สามารถขึ้นค่าเช่าได้ ตามที่บอร์ดอนุมัติ นอกจากนั้น การดูแลพื้นที่ถูกปล่อยปละให้คนมาปลูกอาคาร ใช้ประโยชน์ ตอนนี้สหภาพฯ ส่งเรื่องมา กทท. กำลังตั้งสอบสวนข้อเท็จจริง .. ว่ากันว่า พื้นที่นอกเขตศุลกากรของ กทท. ยังพบว่าผู้ได้รับสัมปทานเช่าพื้นที่เพื่อประกอบธุรกิจเชิงพาณิชย์บางส่วนเป็นบรรดาญาติของอดีตผู้บริหาร กทท.ในราคาที่ถูก .. ขณะที่การบริหาร ท่าเรือ ระนอง เชียงแสน เชียงของ ขาดทุนระนาว เกิดข้อครหาจนฝ่ายตรวจสอบภายในรายงานถึงบอร์ดมาอยู่ตลอด .. นอกจากนั้น “ภรรยาท่านรองฯ” ก็เป็นผู่ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานบุคคล ซึ่งคุมกำลังพล และกำลังจ่อขึ้นตำแหน่งรอง ผอ. .. หาก “สามี” ขึ้นเป็นใหญ่ “ภรรยา” มาอยู่เป็นรองฯ เกิด Conflict of interest อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือความกังวลของ “สหภาพฯ” .. และยังแสดงความกังวลไปถึงบอร์ด ว่า ไม่ว่าจะเลือกใคร ต้องมีคำตอบชี้แจงพนักงานการท่าเรือให้ได้ ..
เรื่องสรรหานี้ ต้องย้อนกลับไปตอนที่ ร.อ.สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผอ.กทท.คนเก่า ยื่นหนังสือลาออก จากตำแหน่งเมื่อ มิ.ย.2560 ตำแหน่งนี้ได้ว่างลง .. บอร์ดได้แต่งตั้ง ร.ต.ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ รอง ผอ.สายวิศวกรรม เข้ามารักษาการ .. กระทั่ง 1 ต.ค.ที่ผ่านมา “ร.ต.ทรงธรรม” เกษียณ จึงแต่งตั้ง ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผอ.ท่าเรือแหลมฉบัง มารักษาการแทน จนกว่าการสรรหาผู้อำนวยการกทท. คนใหม่จะแล้วเสร็จ .. ถามว่า ทำไม ผอ.กทท.คนใหม่ถึงสำคัญมาก ก็ไม่เพียงแต่โครงการลงทุนขนาดใหญ่อย่างการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ที่มีมูลค่าสูงถึง 4 หมื่นล้าน การท่าเรือ ยังมีแผนลงทุนอีกหลายโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต .. อาทิ โครงการปรับปรุงพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (20G) เพื่อรองรับปริมาณตู้สินค้า และเรือชายฝั่งที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว แต่ปั้นจั่นเคลื่อนที่ยังดำเนินการได้อย่างล่าช้า .. โครงการพัฒนาคลังสินค้าเพื่อการส่งออก (CFS Export) เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการด้านการบรรจุตู้สินค้าขาออกของ ทกท. ให้มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ถูกต้อง ตามมาตรฐานสากล .. โครงการพัฒนาคลังสินค้าขาเข้า ทกท. (CFS Import) เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการด้านการรับมอบ เก็บรักษา และส่งมอบสินค้าขาเข้า โครงการ ICD จ.ขอนแก่น โครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่นอกเขตรั้วศุลกากร ฯลฯ ซึ่งหลายโครงการยังอยู่ระหว่างการศึกษา สารพัดสารเพ มูลค่ารวมกันมหาศาล .. เหตุผลเพราะ “โลจิสติก” เป็นหัวใจขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และ รัฐบาลเองก็ตระหนักดีถึงการผลักดันโครงการ EEC ที่เป็นผลงานโบแดง หากขาดยุทธศาสตร์การบริหารท่าเรือที่ดี น่าจะเป็นปัญหาตามมาภายหลัง ..
นอกจากนี้ปัญหาภายในของกทท. ยังมีเรื่องการฟ้องร้องล่วงเวลาที่ยังไม่มีข้อสรุป รวมถึงภาระค่าใช้จ่ายด้านล่วงเวลาของพนักงานที่มีจำนวนเงินที่สูง .. หรือข้อกังขาในการขายปั้นจั่นย้ายตู้สินค้าเคลื่อนที่ให้กับภาคเอกชนที่ดำเนินธุรกิจท่าเรือในสภาพดี ด้วยราคาที่ถูก จนอาจทำให้ประสิทธิภาพด้านการแข่งขันของกทท.ลดลง .. รวมปัญหาตู้สินค้าที่ถูกศุลกากรอายัดเป็นจำนวนมาก อาทิ ไม้พยุง อิเล็กทรอนิกส์ จนท่าเรือกรุงเทพ ไม่มีที่จัดเก็บอีกทั้งยังลดทอนปริมาณตู้สินค้าของท่าเรือกรุงเทพ ทั้งที่ถูกครม. จำกัดไว้ไม่เกิน 1.2ล้านทีอียู ต่อปี .. ดังนั้น สิ่งที่.ต้องการ ผอ.กทท. ที่มีความสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ และบริหารงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องหรือญาติเพื่อทำให้การบริการท่่าเรือเกิดประสิทธิภาพสูงสุด .. นี่เป็น ภาพใหญ่ และลงลึกที่ “คนการท่าเรือ” อยากเรียกร้อง “รัฐบาลประยุทธ์” มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด.

รูป
-พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ - คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ - พานทองแท้ ชินวัตร
-พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล, พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล
--ปฏิมา จีระแพทย์ -- ร.ท.กมลศักดิ์ พรหมประยูร
กำลังโหลดความคิดเห็น