เสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในทางลบเกี่ยวกับกฎหมายห้ามนั่งกระบะท้ายรถปิกอัพ และกฎหมายเพิ่มโทษเกี่ยวกับใบขับขี่ ไม่ทันจะจางหายไปจากโซเชียลมีเดีย มีเรื่องขึ้นทะเบียนสุนัขให้วิพากษ์ต่อ
สุนัขหรือหมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่คู่กับคนมาช้านาน คนไทยในชนบทเลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าบ้าน เฝ้าวัวควายในท้องไร่ท้องนา คนเมืองเลี้ยงสุนัขเป็นยามเฝ้าบ้าน เป็นเพื่อนเล่นกับเด็ก เป็นเพื่อนแก้เหงาของคนชรา
ดังนั้น จึงมีสุนัขให้เห็นอยู่ดาษดื่น ทั้งในบ้าน และนอกบ้าน ในท้องถนน และแม้กระทั่งในวัดก็มีสุนัขจรจัดให้พบเห็นอยู่ทั่วไป
โดยปกติสุนัขโดยเฉพาะอย่างยิ่งสุนัขพันธุ์ไทยเลี้ยงเชื่องไม่ดุร้าย ทั้งมีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของซึ่งเลี้ยงดูและเอ็นดูต่อมัน หรือแม้มิใช่เจ้าของ แต่เคยให้อาหารแก่มันเป็นครั้งคราว
สุนัขจะทำร้ายคนก็ต่อเมื่อถูกคนทำร้ายให้ได้รับบาดเจ็บ และไม่มีทางหนี จึงจะสู้ที่เรียกว่า หมาจนตรอกเท่านั้น
อีกประการหนึ่ง สุนัขจะเป็นอันตรายต่อคนเมื่อมันป่วย เนื่องจากติดเชื้อสุนัขบ้า และควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำร้ายแม้กระทั่งเจ้าของ
แต่ก็มีสุนัขพันธุ์ต่างประเทศบางสายพันธุ์มีนิสัยดุ เลี้ยงให้เชื่องแบบพันธุ์ไทยได้ยาก เช่น ร็อตไวเลอร์ เป็นต้น
แต่สุนัขพันธุ์นี้ก็มีอยู่ไม่มาก และผู้เลี้ยงมีการคุมขังเป็นอย่างดี จึงเป็นอันตรายแก่บุคคลทั่วไปได้ยาก จะมีก็กับคนในครอบครัวของผู้เลี้ยงซึ่งเป็นเรื่องต้องเรียนรู้ และหลีกเลี่ยงกันเอาเอง จึงไม่จำเป็นต้องมีการขึ้นทะเบียนโดยการออกระเบียบมาเป็นพิเศษ แต่กฎหมายคุ้มครองสัตว์เลี้ยงที่มีอยู่ก็เพียงพอแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีข่าวออกมาว่ารัฐบาลจะออกกฎหมายให้มีการขึ้นทะเบียนสุนัข และมีค่าใช้จ่ายตัวละ 450 บาท จึงเกิดการคัดค้านออกมา และที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจากปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ถ้าเปรียบเทียบความจำเป็นเร่งด่วนระหว่างเรื่องนี้กับเรื่องอื่นๆ ที่รัฐบาลจะต้องทำในฐานะผู้บริหารประเทศแล้วพบว่า เรื่องนี้มีความจำเป็นและเร่งด่วนน้อยกว่าข้าวของแพง และการทุจริตคอร์รัปชัน เป็นต้น
2. การทำให้คนเลี้ยงสุนัขต้องมีค่าใช้จ่ายตัวละ 450 บาท สำหรับคนจนแล้วถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะในครอบครัวหนึ่งอาจมีสุนัขอยู่ 2-3 ตัว ซึ่งมีความจำเป็นต้องเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน ถ้าต้องจ่ายถึง 1,000 กว่าบาท ก็ถือว่าเป็นภาระหนัก และยังไม่จำเป็นต้องจ่าย
3. คนเลี้ยงสุนัขมิใช่เป็นคนรวย หรือแม้กระทั่งพอมีพอกินและเหลือพอจะเลี้ยงสุนัข บางคนยากจนแต่มีใจเมตตาเห็นสุนัขจรจัดตกทุกข์เก็บมาเลี้ยงเป็นจำนวนมาก ลำพังแค่อาหารคนกับสุนัขก็เดือดร้อนอยู่แล้ว ถ้าจำเป็นต้องจ่ายค่าขึ้นทะเบียนตัวละ 450 บาท คนเหล่านี้อาจต้องนำไปปล่อยวัด เนื่องจากไม่มีเงินจ่าย ถ้าเป็นเช่นนี้ วัดจะทำอย่างไร? เพราะวัดเองก็ต้องจ่ายค่าขึ้นทะเบียนสุนัขที่มีอยู่แล้ว และสุนัขที่มีคนมาปล่อยเพิ่มขึ้นอีก
4. คนที่ต้องแบกภาระต้นทุนเพิ่มขึ้นก็คือ คนที่เลี้ยงสุนัขขาย เมื่อต้องจ่ายค่าขึ้นทะเบียนและกลายเป็นต้นทุน ทำให้ราคาขายแพงขึ้น นั่นก็หมายถึงว่า ทำให้โอกาสขายได้น้อยลงนั่นเอง
โดยสรุปการขึ้นทะเบียนสุนัข ทำให้ประชาชนเดือดร้อน และรัฐบาลไม่จำเป็นต้องทำ แต่ก็ยังโชคดีที่ได้ยกเลิกไปก่อน ไม่ออกมาเป็นกฎหมาย และประกาศใช้
ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกถาวรหรือแค่หยุดทบทวน งานนี้ทำให้รัฐบาลเสียชื่อ ในทำนองเดียวกันกับกฎหมายห้ามนั่งกระบะท้ายรถปิกอัพ และกฎหมายเพิ่มเงินค่าปรับใบขับขี่ ซึ่งได้มีการดำริจะออกมาแต่ถูกคัดค้านต้องยกเลิกไปก่อนหน้านี้แล้ว
ดังนั้น ถ้ารัฐบาลชุดนี้ไม่เลิกคิดทำเรื่องแบบนี้อีก คงหนีไม่พ้นประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ และจบลงด้วยการไม่เลือกเข้ามาอีกแน่นอน