xs
xsm
sm
md
lg

‘คาช็อกจิ’ เขย่าบัลลังก์ผู้นำซาอุฯ

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

<b>นายจามาล คาช็อกกี นักหนังสือพิมพ์ชาวซาอุดีอาระเบีย</b>
การหายตัวไปของ “จามาล คาช็อกจิ” นักหนังสือพิมพ์ชาวซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคมอย่างไร้ร่องรอย หลังจากเข้าไปติดต่อขอรับรองเอกสารในสถานกงสุลซาอุฯ ในเมืองอิสตันบูล กำลังเขย่าดินแดนซาอุฯ และอนาคตผู้นำรัฐบาลอย่างรุนแรง

ความพยายามอธิบายด้วยคำปฏิเสธเสียงแข็ง ได้สร้างวิกฤตด้านความน่าเชื่อถือต่อสถาบันกษัตริย์ราชวงศ์ซาอุฯ ซึ่งครองอำนาจมาหลายทศวรรษ อนาคตของกษัตริย์ซัลมาน และมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อยู่ในความเสี่ยง

เพราะคาช็อกจิ ไม่ใช่คนทำสื่อธรรมดา ก่อนหน้านี้เคยทำงานให้ราชวงศ์ซาอุฯ แต่เดินทางออกนอกประเทศไปอยู่สหรัฐฯ จากนั้นได้วิพากษ์วิจารณ์ผู้นำประเทศอย่างหนัก สร้างความไม่พอใจให้มกุฎราชกุมาร ซึ่งพยายามกล่อมให้คาช็อกจิกลับบ้าน

คาช็อกจิรู้ชะตากรรมดีว่าถ้ากลับไป คงไม่รอด เพราะคนอื่นๆ ที่วิพากษ์รัฐบาลโดนเล่นงานในรูปแบบต่างๆ เมื่ออยู่ในสหรัฐฯ ก็ทำงานเป็นคอลัมนิสต์ให้หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เคยได้สัมภาษณ์คนระดับผู้นำประเทศต่างๆ

คาช็อกจิมีแผนแต่งงงานกับสาวชาวตุรกี จึงต้องการหลักฐานว่าตัวเองได้หย่าร้างกับภริยาคนก่อน การไปติดต่อสถานกงสุลเท่ากับว่าเดินเข้าสู่ความตายนั่นเอง ก่อนเข้าไปได้ให้แฟนสาวรอหน้าสถานกงสุล ทำให้โลกได้รู้ว่าคาช็อกจิไม่โผล่มาอีก

ทางการซาอุฯ อ้างว่าคาช็อกจิได้ออกไปแล้ว แต่ไม่มีภาพปรากฏเหมือนช่วงที่เข้าไป และคงไม่รู้ว่าคาช็อกจิได้ให้แฟนสาวรออยู่ข้างนอก ทำให้เธอเป็นพยานอย่างดีว่าแฟนเข้าไปแล้วไปลับ ทำให้ทางการซาอุฯ ต้องแต่งนิทานกล่อมชาวโลกให้เชื่อ

ทางการตุรกีอ้างว่ามีทีมซาอุฯ 15 คนขึ้นเครื่องบินส่วนตัวมาอิสตันบูล แล้วก็จากไป ในนั้นมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติเวช และคนวงในรัฐบาลซาอุฯ แถมยังสงสัยว่าพวกที่มานั้นนำเครื่องตัดกระดูกมาชำแหละร่างของคาช็อกจิแล้ว แยกส่วนเอาไปทำลาย

จากนั้น ทางการตุรกีอ้างว่ามีหลักฐานทั้งภาพและเสียง บันทึกเหตุการณ์ช่วงคาช็อกจิโดนสอบสวน ทรมาน และถูกสังหาร หลักฐานที่ว่านั้นอ้างว่าส่งมาจากนาฬิกายี่ห้อแอปเปิลที่คาช็อกจิสวม แล้วส่งข้อมูลเข้ามือถือไอโฟนที่อยู่กับแฟนสาว

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเป็นไปได้ยาก เพราะสถานการณ์แวดล้อมทำให้การส่งข้อความอย่างนั้นไม่ได้ ที่จริงคือฝ่ายทางการตุรกีน่าจะมีระบบหรือฝังเครื่องดักฟังสอดแนมไว้ในสถานกงสุลมากกว่า แต่ไม่อยากให้รู้ว่าได้ข้อมูลจากการจารกรรม

รัฐบาลสหรัฐฯ และชาติตะวันตกออกอาการเป็นฟืนเป็นไฟ ขอให้ซาอุฯ ชี้แจงด่วน มกุฎราชกุมารหรือ “เอ็มบีเอส” อ้างว่าไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง เมื่อฝ่ายเจ้าหน้าที่ตุรกียืนยันว่ามีหลักฐานการฆาตกรรม ทำให้ผู้นำซาอุฯ ตกอยู่ในสภาวะลำบาก

ผู้นำองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ สื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลกตัดสินใจถอนตัวจากการร่วมงานแสดงวิสัยทัศน์สำคัญของ “เอ็มบีเอส” ช่วงปลายเดือนนี้ ทำให้ “เอ็มบีเอส” อยู่ในสภาพลำบากถูกมองว่าเป็นผู้สั่งฆ่าคาช็อกจิ ประเด็นแก้ตัวอย่างไรก็ดูฟังไม่ขึ้น

ผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ทำเป็นออกอาการกร้าว ขู่ว่าจะมีบทลงโทษซาอุฯ อย่างแรงถ้าคาช็อกจิโดนฆ่าจริง แต่ไม่ยกเลิกการขายอาวุธให้ซาอุฯ มูลค่า 110 พันล้านดอลลาร์ตามที่ได้ตกลงไว้ปีก่อน ที่ผ่านมาเพิ่งส่งมอบได้เล็กน้อยเท่านั้น

ซาอุฯ ขู่ว่าถ้าชาติตะวันตกคว่ำบาตร หรือมีมาตรการลงโทษซาอุฯ จะปั่นราคาน้ำมันดิบให้พุ่งถึง 200 เหรียญต่อบาร์เรล สั่งซื้ออาวุธจากรัสเซีย และยอมให้อิหร่านเป็นผู้คุมเกมในตะวันออกกลาง แต่คำขู่ที่ว่านั้นฝ่ายตะวันตกบอกว่าเป็นไปไม่ได้แน่

เมื่อโดนรุกหนัก ผู้นำซาอุฯ เริ่มมองเห็นลางร้าย งานสำคัญที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติจะมีปัญหา ต้องเร่งหาทางออก ทรัมป์เป็นตัวเชื่อม อ้างว่าได้คุยกับกษัตริย์ซัลมานแล้ว และปฏิเสธว่า “ไม่รู้เรื่อง” แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้เกิดขึ้น

“เอ็มบีเอส” ยังคงเงียบ หาทางออก และทรัมป์นั่นเองป่าวร้องให้โลกรู้ว่า ตัวเองสงสัยว่าคาช็อกจิน่าจะโดน “นักฆ่านอกแถว” สังหาร โดยทำอะไรเกินเลยไป สอบสวนหนักมือไปหน่อย อะไรทำนองนั้น และเปิดช่องให้รัฐบาลซาอุฯ อ้างตามนี้

เท่ากับว่าเป็นการยอมรับว่าคาช็อกจิโดนฆ่าภายในสถานกงสุลจริง!

การยอมรับจะช่วยทุเลาปัญหาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคำชี้แจง เมื่อเปลี่ยนนิทานเล่า 2-3 ครั้ง ความน่าเชื่อถือไม่เหลือ ทรัมป์จะเป็นตัวช่วยหลักเพราะผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในการขายอาวุธให้ซาอุฯ เป็นเรื่องสำคัญกว่าชีวิตคาช็อกจิ แต่เรื่องไม่จบง่ายๆ

ชาติอื่นๆ แม้จะยอมเดินตามก้นสหรัฐฯ ก็ยังต้องพยายามเค้นหาความจริง องค์กรสากลต่างๆ นักธุรกิจ องค์กรสื่อระดับโลก จะไม่ยอมเชื่อนิทานเรื่องใหม่ของซาอุฯ เว้นแต่จะเอาตัวคาช็อกจิแบบตัวเป็นๆ มาให้เห็นเป็นข้อพิสูจน์ว่า “ยังไม่ตาย”

ถ้าคาช็อกจิตายจริง ต้องถือว่าเป็นความผยองในอำนาจของ “เอ็มบีเอส” ซึ่งได้ประเมินกระแสของชาวโลกต่ำเกินไป ชื่อเสียงตัวเองก็ไม่ได้หอมหวนเพราะทำสงครามในเยเมนฆ่าคนตายเป็นเบือ บ้านเมืองวินาศ คนหลายล้านต้องอดอยาก

แล้วจะมีใครเชื่อ เมื่อเปลี่ยนนิทานเล่าให้ชาวโลกฟัง กระดูกของคาช็อกจิร้องได้ดังก้องโลก จะเป็นตราบาปประทับแผ่นดินและราชวงศ์ซาอุฯ และ “เอ็มบีเอส” จะโดนเจ้าชายองค์อื่นๆ หรือถูกประชาชนลุกฮือขับไล่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือไม่

ครอบครัวของคาช็อกจิเรียกร้องให้มีการสอบสวนโดยทีมนานาชาติ กลุ่มชาติยุโรปก็เรียกร้องให้มีการสอบสวนที่น่าเชื่อถือ ผลสุดท้ายคาช็อกจิจะตายฟรีหรือไม่ ผู้นำซาอุฯ โดยเฉพาะ “เอ็มบีเอส” ก็ตายทั้งเป็นทางการเมือง ไร้ความน่าเชื่อถือ
กำลังโหลดความคิดเห็น