xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**คนกันเอง ร้ายที่สุด!! ตั้งป้อมถล่ม “4รัฐมนตรีประชารัฐ”หวังผลมากกว่าสปิริต ลึกๆ ต้องการตัดแขนขา มือทำงาน ที่คอยเติมคะแนนนิยมให้“รัฐบาลลุงตู่”ไม่ให้ตกต่ำไปมากกว่านี้ หวังกระทบชิ่งเสถียรภาพรัฐบาลคสช. “คนใน”ร้ายกว่า ตั้งตัวเป็น“เจ้ากรมข่าวลือ”ปล่อยข่าว “กอบศักดิ์”ม้วนเสื่อ หวังฟลุคได้ขึ้นเสนาบดีก่อนสิ้นอำนาจคสช.

โดนถล่มไม่เลิก .. บรรดา “ว่าที่”ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ ที่พ่วงตำแหน่ง รมต.ในรัฐบาลคสช. ตั้งแต่หัวหน้าพรรค อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เลขาฯ อย่าง สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ .. รองหัวหน้าฯ สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ และ กอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ครองไมค์ เป็นโฆษกพรรค .. นับจากนาทีที่ “อุตตม”และผู้บริหารพรรคสวมแจ๊กเก็ต สัญลักษณ์ พร้อมโบกธง“พลังประชารัฐ”ให้อาณัติสัญญาณ การก้าวเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว .. 4 รัฐมนตรี ก็ถูก “ล่อเป้า”อย่างไม่รามือจากฝ่ายตรงข้าม ที่ง้างเท้ารอหวดในประเด็น “มารยาท - สปิริตทางการเมือง”กดดันให้ลาออกจากตำแหน่งในรัฐบาลคสช. เพื่อลงสู้ในสนามการเมืองอย่าง “แฟร์ๆ” ..แน่นอนว่า “4 รัฐมนตรี คสช.” ก็ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี เซตคำตอบไว้ล่วงหน้า “เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม”..ไม่ต้องถอดรหัสให้วุ่น เวลาที่เหมาะสมนั่นก็คือ ภายหลังกำหนดวันเลือกตั้ง .. ถึงวันนั้น ก็จำเป็นต้องถอดหมวกรัฐมนตรี เพื่อทุ่มเวลาในการลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ให้เบียดบังเวลาราชการนั่นเอง .. เป็นคำตอบที่เคลียร์ชัดในตัวว่า “ไม่ลาออกแน่นอน”และมีคำว่า “ตอนนี้”อยู่ในวงเล็บ ..
จริงๆ มันก็น่าจะจบ แต่ลงลึกไปถึงสาเหตุที่ฝ่ายตรงข้ามรุมขย่ม 4 รัฐมนตรี หมายให้กระทบชิ่งไปถึง “เสถียรภาพ”ของ “รัฐบาล คสช.” .. ด้วยรู้ดีว่า หากมีรัฐมนตรีลาออกเพียงคนเดียว ก็ย่อมทำให้เกิด “แรงกระเพื่อม”ภายใน “ขุมข่ายอำนาจทหาร” ..โดยเฉพาะการที่ 4 รัฐมนตรี ล้วนแล้วแต่เป็น “รัฐมนตรีพลเรือน”และ “มือทำงานด้านเศรษฐกิจ”ภายใต้การนำของ “เฮียกวง”สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กัปตันทีมเศรษฐกิจ .. ที่เหมือนจะเป็น “จุดแข็ง”เพียงจุดเดียว หรือเป็น “เดอะแบ็ก”ที่คอยเติมคะแนนนิยมของรัฐบาล และ “ลุงตู่”ไม่ให้ตกต่ำไป จนกู่ไม่กลับมาตลอด .. การกดดันให้ 4 รัฐมนตรีลาออก ก็แฝงนัยการ “ตัดแขนขา”มือทำงานของ คสช.ไปในตัว .. จนพูดได้ว่า หากใครตัดสินใจไปตามกระแสกดดัน แล้วไป“เปิดก๊อก-ไขก๊อก” เพียงคนเดียว อาจจะกระทบถึงองคาพยพ คสช. จนพังเลยทีเดียว .. แล้วไม่ใช่แค่“ปัจจัยภายนอก” ยังมี “คนกันเอง”เริ่มก่อหวอด ให้เกิด “คลื่นใต้น้ำ” ภายในรัฐบาลเสียแล้ว .. ล่าสุด มีการปล่อยข่าวในทำนองว่า “ดร.กอบศักดิ์”จะลาออกจากตำแหน่ง รมต.สำนักนายกฯ ปล่อยลึกถึงขั้น สั่งทีมงานขนของออกจากห้องทำงานแล้วด้วยซ้ำ .. ไล่ต้นตอ“เจ้ากรมข่าวลือ”ก็พบว่าเป็น “คนกันเอง”ทำงานอยู่ในทำเนียบฯ นั่นแหละ .. เป็น“ทหารใหญ่คนสำคัญ”ที่มี “เกียรติภูมิราคาแพง”ที่แม้จะถ่างขาควบหลายตำแหน่งใหญ่โตแล้ว ก็ยังไม่พอ .. หวังฟลุ๊ค ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีสักครั้งก่อนสิ้นอำนาจคสช. เผื่อตีตราจองเป็นเสนาบดีในรัฐบาลหน้าด้วย ก็เลย “ซ้อนแผน”ล้อไปกับแรงกดดันจากขั้วตรงข้าม

** การเมืองเรื่องเจ๊ๆ!! “หญิงอ้อ”ไฟเขียว “หญิงหน่อย”คุมเพื่อไทย ตัด “เจ๊แดง”หลุดวงโคจร เหตุมอง “น้องผัว”ก่อเรื่อง จน“รัฐบาลปู” ไปไม่รอด ฝ่าย “แม่เลี้ยงเมืองเหนือ”ดิ้นสู้ ต้อนลิ่วล้อเข้า “เพื่อธรรม”สาขาหลัก “วงศ์สวัสดิ์”ทิ้งร้าง “เพื่อไทย”อ้างอาจโดนยุบ เดือดร้อน “นายใหญ่ดูไบ”ต้องโร่มา “ฮ่องกง”ตั้งโต๊ะเคลียร์ปัญหา

กาปฏิทินไว้เลย .. อาทิตย์ที่ 28 ต.ค.นี้ ได้ชัวร์ “หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่”ที่นับถึงวันนี้ มีการโยนชื่อ “ผู้นำคนใหม่”ออกมาหยั่งกระแสมากกว่า 10 รายเข้าให้แล้ว .. หากแต่ทั้งหมดทั้งมวล ก็เป็นที่เข้าใจกันดีว่า อยู่ที่การตัดสินใจของ “นายใหญ่ดูไบ”ทักษิณ ชินวัตร ที่ยังกุมบังเหียน “อาณาจักรระบบทักษิณ” มาจากแดนไกล .. โดดเด้งมาแรงที่สุด ไม่พ้น “เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำคนสำคัญ เจ้าของสมญา“เจ้าแม่นครบาล” ที่แต่ก่อนติดตรงที่ “คนในพรรค” ม่ให้การยอมรับเท่าที่ควร แม้ “ทักษิณ”จะให้การสนับสนุนก็ตาม .. อีกทั้งยังมีข่าวเนืองๆ ว่า “หญิงหน่อย”ไม่เป็นที่ปลื้มปริ่ม เป็นการส่วนตัวของ “หญิงอ้อ”คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ อดีตภริยาทักษิณ เท่าไรนัก .. แต่ระยะหลังมีการจูนกันติด ผ่าน “ทีมงานหญิงหน่อย” ที่สนิทสนมกับ “ลูกโอ๊ค”จนทำให้ “แม่อ้อ”ค่อนข้างโอเคขึ้น .. แล้วยังยกห้องบัญชาการใหญ่ บนชั้น 8 ตึกโอเอไอ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ให้ “หญิงหน่อย”ใช้ทำงานอีกด้วย .. การรุกคืบเข้ามาคุมพรรคเพื่อไทยของ “หญิงหน่อย”ที่ “นายใหญ่”โอเค “นายหญิง”เซย์เยส ก็ทำให้“เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ เริ่มไหวหวั่นในอนาคตของตัวเอง .. ด้วยพยายามผลักดัน สมชาย วงศ์สวัสดิ์ สามี ให้ขึ้นนำพรรค พ่วงแคนดิเดตนายกฯหลังการเลือกตั้ง หวังแก้มือให้ “คุณสา”ได้เข้าทำงานในทำเนียบฯ จากหนก่อนที่สร้างประวัติศาสตร์ไม่เคยเหยียบทำเนียบฯ ..
พลันที่ “นายใหญ่ - นายหญิง”ล็อกสเปกผู้นำพรรคคนใหม่ออกมา โดยให้เลี่ยงการใช้ “คนในตระกูล”ขจัดภาพ “ระบอบชินดาวงศ์” ลดแรงเสียดทานทางการเมือง ก็แทบจะเหมือนชักปลั๊กอิทธิพลของ “เจ๊แดง”ในพรรคออกทันที .. สำทับกับ “พี่อ้อ”ก็ไม่ค่อยปลื้ม “น้องแดง”เป็นทุนอยู่แล้ว ด้วยมองว่า อิทธิพลของ “เยาวภา”ในฐานะน้องสาวนายกฯ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์”ไปไม่รอด .. ภายหลังคลื่นลมรัฐประหารสงบ “หญิงอ้อ”ก็เข้ามายึดอำนาจ คอนโทรลทุกเรื่องภายในพรรคด้วยตัวเอง สะบั้นเส้นสาย“น้องผัว”จนหลุดวงโคจร .. อาจเป็นเหตุให้จนป่านนี้ ยังไม่เห็น “อดีตนายกฯสมชาย”มาร่วมประชุมที่ พรรคเพื่อไทยเหมือนเคย .. ก่อนจะมีการไปขุดหัว "พรรคเพื่อธรรม" ที่จัดตั้งทิ้งไว้ตั้งแต่ ปี 2553 มาปัดฝุ่นอีกครั้ง .. แน่นอนว่า วัตถุประสงค์หลักของพรรคนี้ ย่อมเตรียมไว้รองรับอุบัติเหตุ กรณี "เพื่อไทย" ถูกยุบ กรรมการบริหารถูกตัดสิทธิ์ จากคดีความค้างเก่า .. รวมทั้งในแง่ "ยุทธศาสตร์" ก็อาจไว้ "เก็บสแปร์" คะแนนที่หลุดจาก "เพื่อไทย" สะสมเป็นแต้ม "ปาร์ตี้ลิสต์" ตามสูตรเลือกตั้งใหม่ ที่มีความหมายทุกคะแนน .. เป็น 2 วัตถุประสงค์ ที่ทำให้ได้รับ "ไฟเขียว" จาก "นายใหญ่-นายหญิง" ไม่ยาก .. แต่ยังมี "นัยซ่อนเร้น" ที่จะเป็น "สาขาหลัก" ของ“วงศ์สวัสดิ์”เดิมจึงมีข่าวว่า “สมชาย”สามีเยาวภา อาจย้ายที่พำนัก มาเป็น หัวหน้าพรรคเพื่อธรรม ด้วยซ้ำ แต่ก็มอบให้ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นำไปพลางก่อน .. แต่ความไม่ไว้วางใจยังมีอยู่ จึงใส่ชื่อ นลินี ทวีสิน อดีตผู้แทนการค้าไทย อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เข้าไปร่วมเป็นรองหัวหน้าพรรค .. เป็น “นลินี”ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สายตรงจันทร์ส่องหล้า”เข้าไปเป็นหูเป็นตาใน “พรรคอะไหล่”ด้วย .. ไม่ทันไร “เจ๊แดง”ก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ผุดแผนทิ้งร้าง “เพื่อไทย”ให้ลิ่วล้อมาเข้าคอก“เพื่อธรรม”ขุนอิทธิพลให้เบ่งบานเหมือนเดิม .. ร้อนถึง “พี่ษิณ”ต้องรีบจับเครื่องมาตั้งวงซดน้ำชา รอเคลียร์ปัญหาอยู่ที่ “ฮ่องกง”เวลานี้

**รู้เห็นเป็นใจ!! งงใจ “รมต.ศิริ”ไม่เบรกประมูล "เอราวัณ- บงกช" แล้วยังปล่อย “เชฟรอน”เข้าร่วม ทั้งที่มีชนัก “หลีกเลี่ยงภาษี”อยู่ “รสนา” ชำแหละซ้ำ ขนน้ำมันหนีภาษี ทำรัฐเสียรายได้ 2.1 พันล้านบาทไม่พอ ยังอุบอิบ ยกเลิกใบสำแดงเท็จอีก 336 ใบ มูลค่าร่วมหมื่นล้านบาท ตีเป็นเบี้ยปรับไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้าน “นายกฯตู่”อาจไม่รู้ลึก น่าจะลองไปถาม “ประธานพรเพชร”อดีตผู้พิพากษา ที่ตัดสินคดีนี้มาก่อนก็ได้

ตามกันอีกยาวๆ .. ศึกชิงแหล่งก๊าซฯในอ่าวไทย “บงกช-เอราวัณ”ที่ยื่นซองคำขอ เพื่อขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เมื่อ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา .. การต่อสู้เหมือนจะดุเดือดเล็กๆ ท่ามกลางกระแสข่าว “แบ่งเค้ก”กันเรียบร้อยแล้ว .. โดย “แหล่งเอราวัณ”เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง “ปตท.สผ.-มูบาดาลา”ชนกับ “เชฟรอน- มิตซุย”.. ส่วน “แหล่งบงกช”นั้น “ปตท.สผ.”ฉายเดี่ยวท้าชน “เชฟรอน-มิตซุย” ..ตามขั้นตอนแล้ว น่าจะได้ตัว “ผู้ชนะ”ก่อนสิ้นปีนี้ แล้วเซ็นสัญญากันเดือนก.พ.ปีหน้า .. เปิดรับซองกันไปแล้ว แต่ดูเหมือนปัญหาที่ “ข่าวปนคนฯ”กระทั่ง “ผู้หวังดี”เคยทักท้วง จะไม่ได้รับการใส่ใจแม้แต่น้อย .. ไม่ว่าจะคิวของ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ที่ได้ทำ"จดหมายเปิดผนึก" ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า การเปิดให้เอกชนยื่นซองประมูลแหล่ง "เอราวัณ-บงกช" อาจเข้าข่าย "ผิดกฎหมาย" .. .โดย "รมต.ธีระชัย" แนะนำให้ตรวจสอบคุณสมบัติของ "เชฟรอน" หนึ่งในผู้ที่จะยื่นซอง และเป็นผู้ได้สัมปทาน "แหล่งเอราวัณ" อยู่ก่อนเปิดให้ยื่นซองประมูล .. เนื่องจาก "เชฟรอน" ยังมีประเด็น "หลีกเลี่ยงภาษีน้ำมัน" ที่นำไปใช้ในแท่นขุดเจาะ จนถูกจับได้ ซึ่งอาจจะเข้าข่าย "ค้าน้ำมันเถื่อน" ด้วย .. สิ่งที่ "รมต.ธีระชัย" พยายามแนะนำคือ "อย่างน้อยๆ" ในฐานะผู้รับผิดชอบ "กระทรวงพลังงาน" ต้องตรวจสอบคุณสมบัติ "เชฟรอน" ก่อนให้ยื่นซองประมูลงวดใหม่ .. หรือ "อย่างมากๆ" อาจจะตีความได้ว่า "เชฟรอน" ขาดคุณสมบัติ ที่จะเข้าร่วมประมูลสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งหมด .. โดยอำนาจเต็มอยู่ในมือ ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน ที่สามารถเพิกถอนสัมปทานเดิมได้ทันที .. ตลอดจน รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กทม. ก็ตามเรื่องนี้อย่างกัดไม่ปล่อย .. พร้อมชี้ว่ามี “พิรุธ” ที่ส่อให้เห็นพฤติการณ์ของ “เชฟรอน" อาจจะเข้าข่าย “ตุกติกเลี่ยงภาษี”โดยมี “เจ้าหน้าที่ศุลกากรบางคน”ร่วมสมคบคิดด้วย ..
จากกรณีเดียวกัน เมื่อปี 2557 ที่ "กรมศุลกากร" ได้จับกุม และยึดน้ำมัน 1.6 ล้านลิตร มูลค่า 48 ล้านบาท ที่ระบุว่าเป็นของ "เชฟรอน" ที่กำลังขนไปใช้ในแท่นขุดเจาะ .. จนกลายเป็นคดีความ และถูกส่งเข้าเป็น "รายได้แผ่นดิน" เมื่อเดือนที่แล้วก่อนการเปิดประมูลรอบใหม่นี่เอง .. เป็น “ความผิดสำเร็จแล้ว” ที่สามารถเพิกถอนสัมปทานเดิม และไม่เปิดให้เข้าร่วมประมูลรอบใหม่ด้วยซ้ำ .. “รสนา” ยังชี้ให้เห็น “ข้อพิรุธ” ของ “เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร” ที่ “รู้เห็น” ให้ “เชฟรอน”เปลี่ยนการซื้อน้ำมันแบบเสียภาษีมาเป็น “สำแดงการส่งออก”ก็เพื่อ “เลี่ยงภาษี” ..ทำให้รัฐจัดเก็บภาษีได้น้อยไปประมาณ 2.1 พันล้านบาท น่าจะเข้าข่าย “สมรู้ร่วมคิด”ของ “ข้าราชการ”ให้เอกชนฉ้อภาษีของรัฐหรือไม่ ? .. อีกทั้งความเสียหายของประเทศอาจมหาศาลกว่านั้น เมื่อมีข้อเท็จจริงว่า มีการยกเลิกใบขนที่สำแดงส่งออกเท็จถึง 336 ใบ แต่กลับไม่มีการนำข้อเท็จจริงตรงนี้มาดำเนินคดีกับ “เชฟรอน” ..โดยใน พ.ร.บ.ศุลกากร 2469 มีการระบุความผิดฐานลักลอบของที่ไม่เสียภาษี มีโทษปรับ 4 เท่าของมูลค่าสินค้ารวมอากร .. “รสนา” ลองคำนวณเล่นๆ ว่าหากน้ำมันที่สำแดงเท็จ 336 ใบขน มีมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ปรับ 4 เท่า คือปรับ 4 หมื่นล้านบาท .. เป็นรายได้ของประเทศที่หายไป ตีมูลค่าอาจมากกว่างบประมาณรายจ่ายประจำปีของบางกระทรวงด้วยซ้ำ .. “รสนา”ยังบอกด้วยว่าคนหนึ่งที่รู้เรื่องนี้ดี ก็คือ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ที่เคยเป็นประธานองค์คณะที่เคยตัดสินคดีเรื่องภาษีที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยเรื่องแท่นขุดเจาะอยู่ในราชอาณาจักร .. ก็เท่ากับว่า คสช. รู้ข้อพิรุธเหล่านี้ในทุกแง่มุม แต่กลับดำเนินการใดๆ กับ “เชฟรอน” อย่างจริงจัง .. ซ้ำร้ายยังล่อยปละละเลยให้ “เชฟรอน”เข้าร่วมการประมูลแหล่งพลังงานรอบใหม่เสียอีก.
ช.ชฎา
+++++++++++

รูป- สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ -อุตตม สาวนายน - สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ - กอบศักดิ์ ภูตระกูล
-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ -คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ -เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ - นลินี ทวีสิน
- ศิริ จิระพงษ์พันธ์- พรเพชร วิชิตชลชัย
กำลังโหลดความคิดเห็น