xs
xsm
sm
md
lg

‘ทรัมป์’ ขู่ ลำเลิกบุญคุณกษัตริย์ซาอุฯ

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

<b>ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย</b>
ในบรรดาผู้นำสหรัฐฯ ยุคใหม่ ไม่มีใครห่าม ห้าว กร้าว กร่าง ยโสโอหัง โกหกตาไม่กะพริบเท่ากับโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งยังมารยาททราม ใช้คำพูดหยาบหยามไม่เกรงใจ แม้จะไปเยือนประเทศอื่นๆ ฝรั่งยุโรปยังส่ายหัว คนอังกฤษก็ระอาพฤติกรรมทรัมป์คราวไปเยือนอังกฤษ ทรัมป์ก็แสดงกิริยาไม่สุภาพต่อสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ไม่รู้จักกาลเทศะ มองว่าคนอเมริกันไม่รู้จักคำว่าพระราชวงศ์หรืออย่างไร แต่ทรัมป์ไม่ใส่ใจ ใครว่าอย่างไรก็ช่าง มุ่งย้ำแผ่นเสียงตกร่อง “อเมริกาต้องมาก่อน”

เพียงยุคหลัง คนเชื่อว่า “อเมริกาต้องมาก่อน หลังจากทรัมป์” เท่านั้น!

ล่าสุด ทรัมป์เล่นบทกร้าว ห่ามอีกรอบ ประกาศก้องช่วงรณรงค์หาเสียงช่วยเหลือนักการเมืองพรรครีพับลิกันในรัฐมิสซิสซิปปี หมิ่นพระเกียรติกษัตริย์ซัลมานของซาอุดีอาระเบีย ว่า “ถ้าอเมริกาไม่อุ้มไว้ จะอยู่รอดไม่เกิน 2 สัปดาห์”

ไม่มีใครถามเรื่องนี้ จู่ๆ ทรัมป์ก็โพล่งออกมาตามประสาคนมันปากช่วงหาเสียง ไม่สนใจว่าจะไปกระทบใคร หรือทำให้ความสัมพันธ์กับมิตรมีปัญหาอย่างไรบ้าง การพูดกระแทกซาอุฯ ครั้งนี้ออกแนวลำเลิกบุญคุณ เหมือนเคยทำกับชาติอื่นๆ

“ขอบอกนะ ถ้าอเมริกาไม่ช่วยอุ้มไว้ รับรองว่าซาอุฯ และกษัตริย์ซัลมานอยู่รอดได้ไม่เกิน 2 สัปดาห์” ทรัมป์ย้ำประเด็นนี้เหมือนบอกให้รู้ว่าการที่จะให้อเมริการับบทเป็นผู้พิทักษ์นั้น ผู้ได้รับผลประโยชน์ต้อง “จ่าย” เงินสำหรับค่าคุ้มครอง

เป็นความอหังการและไม่เกรงใจประเทศซาอุฯ และเกียรติภูมิของกษัตริย์ซัลมาน ทั้งๆ ที่สหรัฐฯ เคยกอบโกยความมั่งคั่งน้ำมันดิบจากดินแดนซาอุฯ ยุคที่ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทอารามโก จนกระทั่งโดนรัฐบาลซาอุฯ ยึดเข้าเป็นของรัฐ

การเรียกร้องทำนองเดียวกัน ทรัมป์เคยทำกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และกลุ่มพันธมิตรองค์กรสนธิสัญญานาโต ซึ่งทรัมป์ขู่ว่าจะถอนตัวถ้าสมาชิกบางประเทศไม่ยอมจ่ายเงินสมทบประจำปีเพื่อแลกกับภาระที่สหรัฐฯ ต้องปกป้องยุโรป

การพูดครั้งนั้นทำให้สมาชิกนาโตเคืองไม่น้อย ผู้นำเยอรมนี นางอังเกลา แมร์เคิล ถึงกับบอกประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ ว่าต่อจากนี้ไป จะหวังพึ่งพามิตรบางรายเหมือนที่เคยทำไม่ได้แล้ว ซึ่งก็หมายความถึงสหรัฐฯ ภายหลังทรัมป์มีท่าทีอ่อนลง

ทรัมป์ถูกมองว่าเป็นคนประเภท “ขาใหญ่ข่ม คุกคาม” คนที่อ่อนด้อยกว่า ยิ่งเป็นผู้นำชาติมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก ทรัมป์ไม่ใส่ใจว่าใครจะคิดหรือว่าอย่างไร จะเป็นจะตายก็ไม่สน วัดได้จากมาตรการคว่ำบาตรชาติต่างๆ และการตั้งกำแพงภาษี

มองมิตรเป็นศัตรู เช่นยุโรป ทรัมป์เคยบอกว่า “รัสเซียเป็นศัตรู จีนเป็นศัตรู ยุโรปเป็นศัตรู...” ทำให้คนได้ฟังสงสัยว่าทรัมป์พูดด้วยอารมณ์เหม่อลอยหรือไม่

การที่ทรัมป์พูดเชิงหยาบหยามซาอุฯ นั้น คงนึกว่าซาอุฯ ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมให้สหรัฐฯ ทำตัวเป็นขาใหญ่ หลังจากทรัมป์ได้รับตำแหน่ง ซาอุฯ เป็นประเทศแรกที่ทรัมป์ไปเยือน ขายอาวุธมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ให้ด้วย

ทรัมป์คุยฟุ้งถึงความเป็นนักขายมือทอง ทั้งๆ ที่ซาอุฯ ไม่อยากเก็บเงินดอลลาร์ไว้ กลัวว่าจะเป็นเงินไร้ค่าถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีปัญหาหลังจากเปิดศึกไปทั่วโลก ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ เป็นลูกหนี้รายใหญ่ของโลก ชาตินี้ไม่มีวันใช้คืนได้หมด

ทรัมป์มองว่าการปกป้องชาติที่มั่งคั่งเป็นข้อตกลงที่ต้องเสียเงิน ทำนองของฟรีไม่มีในโลก ถ้าอยากปลอดภัย อยู่สบายก็ต้องจ่ายค่าคุ้มครอง

“เราปกป้องซาอุฯ เพราะประเทศนี้ร่ำรวยมากใช่มั้ย? ผมรักกษัตริย์ซาอุฯ นะ แต่ผมขอบอกนะ นี่นะ พระองค์ท่าน เราปกป้องคุ้มครองท่านอยู่นะ ท่านจะอยู่ไม่รอดนาน 2 อาทิตย์ถ้าไม่มีเรา ท่านต้องจ่ายเพื่อความเข้มแข็งของกองทัพของท่าน”

ยังไม่มีปฏิกิริยาจากกษัตริย์ซัลมาน หรือคนในรัฐบาลซาอุฯ ถ้ามีคงกล้ำกลืนฝืนใจ ยอมให้สหรัฐฯ หมิ่นหยามต่อไป เพราะสหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนซาอุฯ ในการทำสงครามรุกรานเยเมน ส่งอาวุธทันสมัยให้ซาอุฯ ฆ่าชาวเยเมนไม่เลือกหน้านาน 3 ปี

เมื่อทิ้งระเบิดโจมตีรถเด็กนักเรียน โรงพยาบาล สถานศึกษา ทำให้ชาวบ้านธรรมดาตายหลายร้อยคนแต่ละครั้ง กลุ่มสิทธิมนุษยชนและสหประชาชาติรุมประณาม แต่สหรัฐฯ ก็กางปีกปกป้องซาอุฯ เพราะตัวเองส่งอาวุธร้ายแรงให้ซาอุฯ ใช้

แม้กระนั้น ความทันสมัยด้านอาวุธ ก็ไม่ทำให้ซาอุฯ และประเทศพันธมิตรในย่านอ่าวเปอร์เซียเอาชนะเยเมนได้ ทั้งยังเสียทรัพย์สินมากมาย สหรัฐฯ มุ่งแต่ขายอาวุธให้ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ทั้งทวงบุญคุณเพราะเป็นผู้ฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุฯ เต็มที่

สหรัฐฯ กับซาอุฯ มีความหมางเมินในยุคบารัค โอบามา เมื่อทำสัญญาข้อตกลงด้านนิวเคลียร์กับอิหร่าน ทำให้ซาอุฯ และอิสราเอลไม่พอใจอย่างมาก โอบามาก็ไม่เอาใจทั้ง 2 ประเทศ มุ่งบรรลุข้อตกลงซึ่งหลายประเทศเข้าร่วม เช่น จีน รัสเซีย ยุโรป

เมื่อทรัมป์รับตำแหน่ง ก็เลิกข้อตกลงกับอิหร่าน ฟื้นมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านต่อไป สร้างความปลาบปลื้มยินดีให้ซาอุฯ และอิสราเอล แต่ชาติอื่นๆ ยังคงรักษาข้อตกลง ทั้งแสดงออกให้สหรัฐฯ เห็นว่าจะค้าขายกับอิหร่านในการซื้อพลังงานต่อไป

สหรัฐฯ ยังปกป้องซาอุฯ ต่อไป อ้างว่าจากนี้ไปสงครามในเยเมนจะพยายามไม่ให้ซาอุฯ ทิ้งระเบิดโดยไม่ระวัง แต่ไม่คำนึงว่าเป็นการรุกรานเยเมนและเข่นฆ่าคนในชาติอื่นๆ สหรัฐฯ ยังวางตัวถืออำนาจบาตรใหญ่ ล่าสุดไม่แยแสต่อคำสั่งศาลโลก

ศาลโลกมีมติว่าข้อตกลงด้านนิวเคลียร์กับอิหร่านยังมีผล แต่สหรัฐฯ อ้างว่าศาลโลกไม่มีอำนาจเหนือสหรัฐฯ และไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก


กำลังโหลดความคิดเห็น